ค้นหาหนัง

War of the Worlds | อภิมหาสงครามล้างโลก

War of the Worlds | อภิมหาสงครามล้างโลก
เรื่องย่อ : War of the Worlds | อภิมหาสงครามล้างโลก

ชายธรรมดาคนหนึ่งต้องปกป้องลูก ๆ ของเขาจากการรุกรานของมนุษย์ต่างดาวในภาพยนตร์แอคชั่นนิยายวิทยาศาสตร์ที่ดัดแปลงมาจากเรื่องราวคลาสสิกโดย HG Wells ได้อย่างอิสระ เรย์ เฟอร์เรียร์ (ทอม ครูซ) เป็นพนักงานท่าเรือที่อาศัยอยู่ในนิวเจอร์ซีย์ หย่าขาดจากภรรยาคนแรกของเขา แมรี่ แอน (มิแรนดา อ็อตโต) และเหินห่างจากลูกสองคนของเขา ราเชลและร็อบบี้ (ดาโกต้า แฟนนิ่ง และจัสติน แชทวิน) ซึ่งเขาได้รับการดูแลในช่วงสุดสัปดาห์ ในการเยี่ยมเยียนครั้งหนึ่ง การดูแลเด็ก ๆ กลายเป็นเรื่องยากขึ้นเล็กน้อย เมื่อหลังจากเกิดพายุแสงประหลาดต่อเนื่องแถวๆ บ้านของเขา เรย์พบว่ามียานอวกาศหุ่นยนต์รังสีมรณะโผล่ออกมาในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคลื่นลูกแรกของทั้งหมด - ออกนอกโลกรุกรานโลก กำลังขนส่งลูก ๆ ของเขาจากนิวเจอร์ซีย์ไปบอสตันเพื่อพยายามหาความปลอดภัยที่บ้านพ่อแม่ของแมรี่ แอนน์

IMDB : tt0407304

คะแนน : 6



เรื่องราวก็ว่าด้วยเหตุการณ์มนุษย์ต่างดาวมาบุกโลกน่ะครับ หนังก็โฟกัสมาที่เรื่องของเรย์ เฟอร์เรียร์ (Tom Cruise) คนงานท่าเรือที่ต้องรับหน้าที่ดูแลลูกในช่วงสุดสัปดาห์ เพราะภรรยาเก่าของเขา (Miranda Otto) จะไปทำธุระกับแฟนใหม่ ซึ่งก็แน่ล่ะครับความสัมพันธ์ระหว่างเรย์ กับ ลูกทั้งสองซึ่งก็มี ร็อบบี้ (Justin Chatwin) และ เรเชล (Dakota Fanning) ก็ค่อนข้างจะระหองระแหงสุดๆ แต่แล้วไม่นานเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเกิดเมฆดำปกคลุมเมือง ตามด้วยฟ้าผ่า และพื้นถนนก็ค่อยๆ ยุบตัวลง และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของการทำลายล้างโลกของพวกมันครับ ซึ่งเรย์ก็เลยต้องพาลูกทั้งสองหนีเพื่อชีวิตรอด แล้วหนังจะเป็นไงต่อไปก็ลองไปดูกันต่อแล้วกันครับ

เอาล่ะ เมื่อผมดูจบ ยอมรับเลยว่า เหนื่อยมากครับ หนังบ้าอะไรก็ไม่รู้ คือช่วง 15 นาทีแรกมันก็จะเรื่อยๆ แต่ก็โอเคนะครับ เป็นการปูพื้นตัวละครได้ดีพอควร และพอนาทีที่ 16 เท่านั้นแหละ เรื่องหายนะสารพัดแบบก็ถูกใส่ลงมาแบบไม่ยั้ง แทบไม่มีเวลาให้พักหายใจเลยอ้ะคับ ความลุ้นนี่ใส่เข้ามาตลอด และฉากการทำลายล้างก็ต้องบอกว่าเฉียบมาก คือมันก็ไม่เชิงว่าแปลกใหม่นะครับ ผมว่าคอหนังหายนะน่าจะคุ้นเคยกันมาบ้างแหละ พวกตึกถล่ม แผ่นดินแยกไรเงี้ย แต่เฮีย Steven Spielberg แกสามารถนำเสนอออกมาได้อย่างน่าสนใจและตื่นเต้นมาก ยิ่งไอ้ตอนเกิดเรื่องครั้งแรกนั่นมันฉับพลันแบบไม่ทันตั้งตัวจริงๆ ครับ แล้วเรื่องมันก็เกิดต่อๆๆๆ กัน คือถ้าผมไปอยู่ในเหตุการณ์จริงคงทำอะไรไม่ถูกแล้วล่ะคับ และหนังก็สามารถทำให้คนดูรู้สึกเหมือนอยู่ร่วมในความหายนะนั้นด้วย

ผมเลยเหนื่อยไงคับ

ดังนั้นถ้าพูดถึงความเป็นหนังหายนะซักเรื่อง ผมว่าเรื่องนี้เด็ดมากครับ Effect เจ๋งครับ ไอ้พวกฉากตึกพังแผ่นดินแยก หรือฉากการทำลายล้างต่างๆ ทั้งสมจริงและน่ากลัว มุมกล้องก็จับภาพได้ดีมาก อย่างไอ้ฉากแผ่นดินค่อยๆ แตกเป็นริ้วๆ จนไปสุดที่ตึกแล้วตึกก็พังนี่ ได้อารมณ์จริงๆ ครับ และดนตรีของ John Williams คอมโพเซอร์คู่บุญของเฮีย Spielberg ก็เด่นไม่ใช่น้อย โทนมันค่อนข้างสดครับ ผมว่าแนวมันยังคงเป็นสไตล์ลุง John แกนั่นแหละ แต่โทนมันค่อนข้างหม่นและตื่นเต้น ส่วนมากลุงแกจะทำดนตรีแบบตื่นเต้นเชิงฮึกเหิมใช่มั้ยอะ อย่างใน Star Wars เงี้ย แต่กับเรื่องนี้ ดนตรีมันตื่นเต้นแบบสิ้นหวังอ้ะคับ มันให้อารมณ์เช่นนั้นจริงๆ

นั่นคืออะไรที่ผมชอบครับ อีกอย่างก็คือการแสดงของหนู Dakota Fanning ซึ่งบางคนอาจบอกว่าทำไมแกเอาแต่ร้องอยู่ได้ อ้าว ก็เด็กอ้ะคับ ไม่ทราบว่าปกติไม่เคยเห็นเด็กร้องกันเลยเรอะ เวลาเจอเรื่องแบบนี้เด็กเขาก็ต้องตกใจนะสิอะ จะให้หัวเราะมั้ยล่ะนั่น ในเรื่องหนูแกเจอเรื่องบ้าๆ ตลอด ขนาดผู้ใหญ่อย่างผมยังเกร็งอ้ะ เด็กก็ต้องมีสะดุ้งอยู่แล้วล่ะ และผมว่าตอนที่เธอร้องแสดงความตกใจหรือกลัวนี่ช่วยเพิ่มความสับสนและกดดัน ให้หนังได้มากเลยครับ ฉากลุ้นๆ หลายอันนี่ หนู Dakota แกมีส่วนช่วย Build มากทีเดียว

เอาล่ะนั่นคือที่ผมเห็นว่าเจ๋งครับ ต่อมาก็คือที่มันรู้สึกสะดุดล่ะ ที่สำคัญที่สุดก็คือ ตัวพี่ Tom Cruise นี่แหละครับ

ผมไม่ได้มีอคติครับ ผมไม่ได้เอาน้ำใส่ไมค์ไปฉีดหน้าแกด้วย (ฮา) แต่มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ คือบทนี้มันเป็นบทพ่อครับ โอเค เป็นพ่อประเภทไม่ค่อยรับผิดชอบเท่าไหร่ ซึ่งสไตล์นี้พี่ Tom แกพอไหว เพราะเขาดูเหมือนเด็กไม่รู้จักโตมาแต่ไหนแต่ไร แต่มันเริ่มแหม่งๆ ก็ตรงที่หน้าแกไม่แก่อ้ะ คือเขาดูเยาว์วัยเหลือเกิน ไม่ทราบมีสูตรรักษาความเยาว์ได้อย่างไรอ้ะนะครับ แต่ดูไม่แก่อ้ะ (คล้ายๆ Michael J. Fox แต่ไม่หนักเท่า) แล้วทีนี้ … โอเคถ้าเขามีลูกสาวแค่หนูเรเชลคนเดียวผมก็รับได้ แต่นี่ดันมีลูกชายอย่างร็อบบี้เข้าไปอีกดอก นี่แหละที่ผมว่ามันไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่

คือคู่นี้มันออกจะเหมือน พี่น้องมากกว่าพ่อลูกอ้ะคับ หน้าตามันห่างอายุกันไม่มากเท่าไหร่ และอย่างที่บอกว่าพี่ Tom แกเด็กไม่รู้จักโตอยู่แล้ว มันเลยไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ว่านี่จะเป็นพ่อลูกกันจริงๆ ทีนี้ทำให้เรื่องราวทางอารมณ์มันไม่ค่อยไป อย่างฉากที่พี่ท่านดุลูกชาย มันก็ไม่คล้อยตามเท่าไหร่อ้ะคับ

่ก็ไม่เถียงว่าในเรื่อง พี่ Tom แกเค้นฝีมือไม่ใช่น้อย แต่ผมว่าเขาดูไม่เหมาะกับบทเท่าที่ควร มันน่าจะเลือกเอาดาราที่สามารถทำให้คนดูรู้สึกอบอุ่นมากกว่านี้ได้ นึกภาพออกมั้ยครับ แม้ว่าหมอนี่จะเป็นพ่อที่ไม่เอาถ่านนัก แต่พอฉากที่ต้องมีอารมณ์ห่วงใยลูก มันก็น่าจะทำให้เรารู้สึก Warm ขึ้นได้ (อย่างพี่ Mel Gibson ใน Signs นั่นแหละใช่เลยครับ)

อีกอย่างคือตัว ละครนี้น่าจะมีพัฒนาการอะไรซักอย่าง แต่มันก็ไม่ชัดอ้ะคับ ดูจบแล้วไม่ยักกะสัมผัสเท่าไหร่ว่าพี่เรย์แกได้เรียนรู้หรือมีความเปลี่ยน แปลงบ้างหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ก็น่าเสียดายอ้ะคับ เพราะจะว่าไป นี่เป็นหนังของเฮีย Spielberg นะ และปมเกี่ยวกับพ่อ คือสิ่งที่เป็นเครื่องหมายการค้าของพี่ท่านอยู่แล้ว และในเรื่องมันก็เน้นเรื่องความสัมพันธ์พ่อลูกได้โดยตรงเลยด้วย แต่กลับยังทำได้ไม่ถึงเท่าไหร่

สำหรับผมนี่เป็นจุดด้อยอันเดียวอ้ะ คับ ที่เด่นสุดๆ คือถ้าตรงนี้คนเล่นเป็นเรย์สามารถทำได้เฉียบและทำให้คนดูคล้อยตามได้มากกว่า นี้ มันต้องสุดยอดยิ่งขึ้นแน่ๆ เพราะเท่าที่เป็นนี้ การเดินเรื่องดี ฉากดี ทุกอย่างดีหมด ความตื่นเต้นก็ยอดมากๆ จะขาดก็ตรงพลังตัวละคร (พี่ Tom) นี่แหละครับที่ไม่จัดจ้านเท่าที่ควร