ค้นหาหนัง

Unbreakable | เฉียด...ชะตาสยอง

Unbreakable | เฉียด...ชะตาสยอง
เรื่องย่อ : Unbreakable | เฉียด...ชะตาสยอง

เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เดวิด ดันน์ (บรูซ วิลลิส) ผู้ซึ่งรอดชีวิตมาอย่างปาฏิหารย์หลังจากประสบอุบัติเหตุรถไฟตกรางนอกเมืองฟิลลาเดลเฟีย ซึ่งจากผู้โดยสารคนอื่นๆ จำนวน 132 คนที่เสียชีวิตนั้น มีดันน์เพียงคนเดียวที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่น้อย ต่อมาไม่นานผู้เชี่ยวชาญด้านหนังสือการ์ตูน เอลิจาห์ ไพรซ์ (แซมมวล แอล. แจ็คสัน) ติดต่อกับเขาเพื่อขอพบกันตัวต่อตัว และบอกกล่าวทฤษฎีที่เขาพบว่าน่าสนใจ เอลิจาห์ผู้ที่ได้รับฉายาว่า นายกระจก อันเนื่องมาจากกระดูกในร่างกายที่เปราะบางมากนั้น คิดว่าเดวิดมีอะไรบางอย่างที่พิเศษที่เขานั้นขาดไปดูเหมือนว่าทั้งสองคนนั้น จะเชื่อมโยงกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่กลับอยู่กันคนละด้านของความเชื่อ ในตอนแรกเดวิดเองก็ไม่ค่อยเชื่อชายแปลกหน้าคนนี้แต่หลายสิ่งหลายอย่างที่เขาพูดมานั้นเริ่มเป็นความจริง เพราะว่าเดวิดนั้นไม่เคยเจ็บป่วยอะไรเลยมาตลอดชีวิต ซึ่งรวมถึงพลังพิเศษในตัวเขานั้นก็เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกินระดับที่มนุษย์ธรรมดาจะคาดคิด และทักษะหลายอย่างที่เขามีแต่คนอื่นนั้นไม่มี เขาจึงเริ่มที่จะค้นพบความจริงที่น่ากลัวของไพรซ์ที่อยู่เบื้องหลังแนวคิดนี้อย่างช้าๆ แต่ที่สุดแล้ว โชคชะตาของเดวิดเองก็ไม่ใช่แค่การยอมรับจากคนในสังคม แต่มันคือการหาทางพิสูจน์เรื่องราวที่เอลิจาห์กล่าวมาทั้งหมดเกี่ยวกับตัวตนของเดวิดเอง

IMDB : tt0217869

คะแนน : 9



สำหรับ Unbreakable จะเหมาะกับคนที่ทนกับหนังสายเนิบนาบเน้นการพูดคุยได้ เพราะทั้งเรื่องแทบจะเป็นอย่างนั้น กับการค่อยๆ กระเทาะเปลือกตัวละคร ในการค้นหาตัวเอง และยอมรับความสามารถ พลังของตัวเอง ซึ่งในส่วนนี้เป็นสิ่งที่หนังทำออกมาได้โดดเด่นมีน้ำหนักและน่าเชื่อถือมาก ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้เหมาะกับทุกๆ คน เพราะคนที่ดูหนังเรื่องนี้แล้วคอพับหลับไปหลายตลบมันก็มี แต่คนที่ชอบมันในฐานะหนังซุปเปอร์ฮีโร่ในฉบับคนธรรมดาสักเรื่องก็น่าจะหลงรักมันได้ไม่ยาก ถ้าคุณชอบหนังของ M. Night ที่เน้นบทพูดเหมือนกันอย่าง The Sixth Sense, The Village แต่มีจุดพลิกผันให้ระทึกแล้ว เรื่องนี้ก็น่าจะเหมาะไม่น้อยเลย

สายหนังโทน M. Night, สายหนังซุปเปอร์ฮีโร่, สายหนังพล็อตเรื่องเจ๋งๆ

หนังที่หลายคนมองข้ามไปของผู้กำกับยอดหักมุม เอ็ม.ไนท์ ชยามาลาน ...ที่ว่าอาจจะน่าเบื่อและหนังพยายามจะหักมุมมากเกินไป จริงๆ ผมได้มีโอกาสหยิบมันมาดูอีกครั้งหลังจากดูครั้งเเรกเมื่อนานมาเเล้วพบว่าหนังน่าเบื่อและไม่ค่อยมีสมาธิดูกับหนังเท่าไหร่

นี่ไม่ใช่หนังสยองขวัญที่มีฉากหักมุมในตอนจบแบบ The sixth senes (1999) หนังสร้างชื่อเรื่องก่อนหน้าของเอ็ม.ไนท์นะครับ หนังมีการดำเนินเรื่องที่ค่อนข้างเนิบช้า เยือกเย็นอึมครึมตามแบบสไตล์ของผู้กำกับเลย บางช่วงจะเน้นบทสนทนาที่อาจจะไม่ค่อยมีฉากระทึกขวัญที่มาเร้าอารมณ์คนดูมากเท่าไหร่ ซึ่งพอเรื่องเริ่มเข้าด้ายเข้าเข็มก็อาจจะสักประมาณครึ่งเรื่องแล้ว หนังก็เริ่มมีปมให้น่าติดตาม มีปริศนาความสงสัยในเนื้อเรื่องว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าหากตอนนี้ตัดความคาดหวังออกว่าตอนจบอาจจะมีเซอร์ไพรส์เราคนดูก็อาจจะดูหนังสนุกขึ้นมาก็ได้เพราะจริงๆ หนังเรื่องนี้มีดีกว่าตอนจบที่ว่าหรือไม่ใช่หนังจงใจจะหักมุม เพราะหลายคนยืนยันมาแล้วว่า นี่เป็นหนังฮีโร่สายดาร์คฉบับนอกลู่นอกทาง ที่มาก่อนกาลจริงๆ คือลายความเป็นฮีโร่ของเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีพลังวิเศษที่โจ่งแจ้งขนาดนั้น แต่ถ้ามองดูลึกๆ หนังเรื่องนี้มีประเด็นที่น่าสนใจถึงกับการเป็นฮีโร่และผู้ร้ายที่คน 2 คนตรงข้ามกัน คนหนึ่งเเข็งแรงไม่เคยเจ็บป่วย ต่างกับอีกคนที่กระดูกหักง่ายเหลือเกิน...

หนังมีการดำเนินเรื่องที่น่าติดตาม ค่อยเป็นค่อยไป ไม่เน้นหวือหวา อาจจะมีให้ระทึกขวัญหน่อยบางฉากพอให้เร้าอารมณ์ขึ้นมา ปริศนาคลุมเครือ มีความเป็นสอบสวนระทึกขวัญปนกันอยู่ ส่วนการแสดงของบรู๊ซ วิลลิสก็น่าติดตามและเล่นได้ดีตามฉบับ ซามวล แอล.แจ๊คสันก็มาสไตล์ความยียวนบวกกับมาดนิ่งๆ ตามแบบฉบับ

สรุปแล้ว ถ้าลองเปิดใจดูหรือดูแบบไม่คาดหวังอะไร Unbrekable อาจเป็นหนังที่ท่านชอบก็เป็นได้ โดยรวมมันก็ดูสนุก เนื้อเรื่องที่น่าติดตามและตอนจบสรุปก็น่าเห็นใจ นับว่ามันเป็นหนังที่น่าค้นหาและชวนลึกลับให้สงสัยในปม