ค้นหาหนัง

Twins | แฝดผิดฝา ซ่าส์ผิดกัน

Twins | แฝดผิดฝา ซ่าส์ผิดกัน
เรื่องย่อ : Twins | แฝดผิดฝา ซ่าส์ผิดกัน

จากความผิดพลาดของการทดลองทางพันธุกรรมที่ทำให้แฝดสองคนเกิดมาโดยมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มิหนำซ้ำทั้งคู่ยังต้องโดนจับแยกกันตั้งแต่ยังเด็ก หลายปีต่อมาพวกเขาก็ได้กลับมาพบกันใหม่ โดยจูเลียสเป็นแฝดที่ทั้งตัวใหญ่และหัวใจใหญ่ ได้รับการศึกษาที่ดี ในขณะที่วินเซ็นต์หนุ่มรูปร่างเล็ก เป็นคนไม่เอาไหนที่ต้องการแต่เงินและผู้หญิง ก่อนที่ทั้งสองจะร่วมกันเดินทางตามหาแม่แท้ ๆ แต่ต้องมาเจอปัญหาเมื่อมีผู้ร้ายได้ตามล่าตัววินเซ็นต์ พวกเขาจะต้องพบเจอกับอุปสรรคอะไรอีกบ้าง แล้วพวกเขาจะตามหาแม่เจอหรือไม่ ติดตามได้ใน Twins แฝดผิดฝา ซ่าส์ผิดกัน

IMDB : tt0096320

คะแนน : 7



หนังเป็นแนวสนุกแบบไม่ต้องการเหตุผลใดๆ ครับ … แหม แค่ Arnold เป็นน้องชาย DeVito นี่ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วล่ะครับ บ้ากันสุดๆ ไปเลย ซึ่งหนังก็ทำได้โอเคล่ะฮะ จากการกำกับของ Ivan Reitman แห่ง Ghost Busters ทั้งสองภาค ล่าสุดก็เพิ่งจับงาน My Super Ex-Girlfriend ไป ขานี้ก็ทำหนังได้เรื่อยๆ อยู่แล้วล่ะครับ คือต่อให้ธรรมดาก็ไม่ถึงกับผิดหวังจนเกินไป พล็อตก็มักจะง่ายๆ ดูแบบไม่ต้องขบคิดอะไรให้เสียเวลา เอาบันเทิงล้วนๆ น่ะครับว่างั้นเถอะ

ตัวหนังออกมาไม่เครียดนะครับ แล้วนับว่าเป็นการจับคนแสดงได้น่าสนมาก แล้วยังรู้จักปรับบทอีกด้วย อย่างพี่ Arnold นี่ตอนนั้นเล่นหนังแข็งนะครับ (จริงๆ ตอนนี้ก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่หรอก ติดวิญญาณคนเหล็กมาตลอด) แล้วยังให้พี่แกมาเล่นหนังตลก ผมว่มันก็เสี่ยงนะ แต่พอดูก็นับถือในความคิดของทีมงานเลยครับ ที่สร้างให้ตัวละครจูเลียสของ Arnold ออกมาเป็นในแนวบ้องแบ้ว อ่อนต่อโลก เหมือนเด็กไม่ประสีประสาน่ะครับ พี่แกเลยไม่ต้องแสดงอารมณ์อะไรมาก แค่เดินยิ้มไปเรื่อยๆ ผมมานั่งนึกดูอีกทีก็ยังฮาเลยนะ ถ้าใครไม่รู้ก็คงนึกว่าแกเมายาอะไรสักอย่าง เล่นเดินไปยิ้มไปตลอด มองโลกในแง่ดีอะไรจะขนาดนั้น แต่บทหนังก็พยายามปรับครับ จนจุดอ่อนไม่ว่าจะในเรื่องการแสดงหรืออะไรถูกกลบไปด้วยความสนุก และบุคลิกน่ารักๆ ใสซื่อของพี่ Arnold เลยสบายครับ

แล้วจุดที่ผมว่าเยี่ยมคือ ทีมงานไม่พยายามที่จะทำหนังตลก นึกออกมั้ยครับ บางครั้งยิ่งพยายามมันจะยิ่งฝืดครับ ไม่ว่าจะสถานการณ์หรือตัวละครของพี่ Arnold เขาไม่พยายามยัดให้เป็นมุขหรืออะไรทั้งสิ้น แค่ให้เล่นแบบซื่อๆ ไปเรื่อย ไม่ได้กะให้คนดูฮาแต่แค่ให้มันออกมาในโทนอมยิ้มน่ะครับ

อันนี้ถือเป็นความแน่ของทีมงานและเป็นความโชคดีของพี่ Arnold อีกอย่างหนึ่ง เพราะหากลองเทียบกับเพื่อนร่วมรุ่นอย่างพี่บึ้ก Sylvester Stallone จะเห็นเลยครับว่ารายหลังพยายามยัดเยียดความฮาลงไป แม้ว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่เหมาะกับตัวเองเลยก็ตาม แต่ก็พยายามจะฮาตามแบบคนอื่น แล้วในที่สุดมันก็แป้กน่ะครับ ซึ่งต่างจากพี่ Arnold ที่เล่นแบบเรียบๆ และยังคงเป็นสไตล์ของตัวเองอยู่ นั่นคือเล่นแบบแข็งไปเรื่อยๆ ก็ไม่มีปัญหา แทนที่คนจะด่าดันเห็นว่าไปกันได้กับเรื่องราวอีก

แบบนี้บางทีก็ขึ้นกับดวงครับ และบางทีก็ไม่ใช่ดวงอย่างเดียว ทีมงานแน่พอด้วย

นั่นทำให้พี่ Arnold รอดไปได้สบายๆ ครับ ซื่อๆ บวกความทื่อ เลยเป็นการสร้างเสน่ห์ให้กับบทจูเลียสไปโดยปริยาย (แต่ก็ยังสัมผัสถึงอารมณ์แข็งแบบคนเหล็กอยู่เนืองๆ ครับ แต่พอรับได้น่ะ)

แล้วก็นับเป็นความพอดีครับ พี่ Arnold แกแข็งจริงมั้ยครับ เลยต้องมีตัวฮาตัวบ้าตัวโอเวอร์แอ๊คแบบการ์ตูนมาอีกตัวเพื่อความสมดุลย์ แล้ว DeVito ก็ไม่เป็นรองใครอยู่แล้วครับ ไอ้บทคนร่างเล็กเจ้าอารมณ์ เวลาด่าใครทีก็ไฟแล่บ ให้คะแนนไม่ทันไปเลยล่ะ จะว่าไปพี่แกเป็นสีสันที่เหนือกว่าพี่ Arnold ด้วยซ้ำล่ะครับ เป็นส่วนเติมเต็มที่ดีเลยล่ะ

ส่วนดาราเจ้าอื่นๆ รายที่ได้ใจผมไปสุดๆ ก็หนีไม่พ้น Kelly Preston ที่ตอนนั้นก็น่ารักใสปิ๊ง สวยจริงๆ เลยแม่คุณเอ้ย เอาแค่ฉากตอนที่เธอค่อยๆ ขึ้นไปบนเตียงนอนกับชุดนอนบางๆ นั่นก็เหลือเกินแล้วล่ะครับ (เฮ่ออออออ อิจฉาพี่ John Travolta สามีในชีวิตจริงของเจ๊แกเจงๆ  อิจฉาเฟ้ยยยยยยยยยยย)

เธอก็เล่นได้น่ารักมากล่ะครับ ในบทมาร์นี่ย์ เมสัน สาวสวยที่มาชอบจูเลียส อีกรายก็คือ Chloe Webb ในบทลินดา แฟนของวินเซนต์ ที่แม้เธออาจจะดูเด่นและเซ็กซี่น้อยกว่า Preston หลายขุมก็เถอะครับ แต่ก็เป็นอีกตัวละครที่น่ารักนะ เข้าคู่กับ DeVito ได้ดี ผมล่ะชอบตอนที่เธอคุยกับวินเซนต์น่ะครับ มันออกแนวว่าเธอชอบผู้ชายคนนี้จริงๆ ไม่ใช่เพราะหน้าตาหรืออะไรทั้งนั้น (ก็วินเซนต์ผมน้อย อ้วนเตี้ยขนาดนั้นมันมีเสน่ห์ตรงไหนล่ะครับ) แต่เธอชอบเขาเพราะเขาทำให้เธอยิ้มได้ ผมว่ามันสื่อได้ดีนะ

หนังโกยกระหน่ำไปร้อยกว่าล้านนะครับ ก็พอเข้าใจ มันดูเพลินดีนี่หน่า เอาสบายใจได้เลย ฝีมือของ Reitman ยังนับว่าคงเส้นคงวาครับ ทำดีได้เรื่อยๆ เท่าที่ผมดูมาน่ะนะครับ อาจมีหย่อนบ้าง แต่ยังไงมันก็ยังจบแบบสบายใจ ดูไปก็ไม่ถึงกับเสียดายตังค์น่ะครับ

เออ อีกอย่าง ใน Twins นี่มีช่วงซึ้งด้วยนะครับ ซึ้งแบบไม่น่าเชื่อ พี่ Reitman ก็คุมออกมาได้ดีเลยล่ะครับ (โดยส่วนตัวผมว่ามันซึ้งและได้อารมณ์มากกว่าหนังใหม่ๆ สมัยนี้อีกนะ) ซึ่งก็ต้องชมคนทำดนตรีอย่าง Georges Delerue กับ Randy Edelman ด้วยล่ะครับ ที่บรรเลงจังหวะซึ้งได้เนียนเหลือเชื่อ

จุดนี้ผมว่าน่าคิดนะ ในฐานะคนที่ติดตามงานของพี่ Reitman มาตลอด จะเห็นว่าแกชอบทำหนังบันเทิงเอาใจตลาด แต่ไม่เคยเห็นเขาทำหนังซึ้งหนังดราม่าเลย ทั้งๆ ที่หนังเขาพอถึงช่วงซึ้งทีไรล่ะได้เงียบกริบกันทั้งโรงทุกที แต่ไม่ค่อยทำเท่าไหร่ หรือไม่กล้าฉีกแนวก็ไม่รู้ ประมาณว่าของตายมันแน่นอนกว่าล่ะมั้ง

สนุกใช้ได้ครับ ดูเอาเพลินๆ ความสนุกความฮากำลังดี ดูเอาสบายใจ ฉากไล่ล่าช่วงท้ายก็ออกมาได้อารมณ์อีกแล้วคับ คือฉากตอนล่านี่พื้นหลังมันเต็มไปด้วยท่อเล็กๆ มากมาย ได้อารมณ์เอเลี่ยนเหือเกิน มันเลยเป็นการเพิ่มอารมณ์ตื่นเต้นและกดดันมาอีกต่างหาก

เป็นหนังเพลินๆ ที่ไม่เลวอีกเรื่องล่ะครับ ดูสบายใจดี แต่อย่าคิดมากถึงเหตุผลนะครับ เดี๋ยวปวดหัว จุดประสงค์ของหนังเขาทำเพื่อเบาสมองน่ะจ้า อ้ะ อ้ะ แต่ไม่ได้เบาสาระซะทีเดียวนะครับ มันก็มีเรื่องพี่น้องครอบครัวอยู่เหมือนกัน ไม่เลวเลยครับลองดูกันนะฮะ