ค้นหาหนัง

Tron ​​​​​​​ทรอน สงครามสมองกล

Tron ​​​​​​​ทรอน สงครามสมองกล
เรื่องย่อ : Tron ​​​​​​​ทรอน สงครามสมองกล

เควิน ฟลินน์ เจ้าของแฮ็กเกอร์/อาร์เคดถูกแยกย่อยเป็นสตรีมข้อมูลแบบดิจิทัลโดยซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ที่รู้จักกันในชื่อ Master Control และสร้างขึ้นใหม่ในโลกกราฟิกสามมิติภายในของคอมพิวเตอร์ ณ ที่นั่น ในภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยสีสันอันเจิดจ้าและเต็มไปด้วยเรขาคณิตของไซเบอร์สเปซ Flynn ร่วมมือกับ Tron เพื่อเอาชนะ Master Control Program ที่กักขังพวกเขาไว้ เทียบเท่ากับเกมคอมพิวเตอร์ขนาดมหึมาที่ท้าทายไร้ขีดจำกัด

IMDB : tt0084827

คะแนน : 7



ผมดู TRON รอบแรกตอนอายุสิบกว่าขวบ เห็นปกวีดีโอมันดูเจ๋งดี ภาพสวยสีโดดเด่น แต่ปรากฏว่าดูไม่จบครับ งงมาก ไม่รู้อะไรเป็นอะไร พระเอกมันโดนอะไร และไอ้โลกสีฟ้าๆ นี่มันคืออะไร งงจริงอะไรจริง

ตอนยื่นเทปคืนเจ้าของร้านถามพี่เขาว่า ตกลงมันหนังอะไร พี่เขาก็ยังตอบแบบจริงใจว่า “งงเหมือนกัน” (5555) แต่ก็นั่นล่ะครับ ยุคสมัยที่คอมพิวเตอร์และโลกดิจิตอลยังไกลตัวพวกเรา องค์ประกอบในหนังเรื่องนี้ก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้าที่เราไม่เข้าใจถึงที่มาที่ไปของมันนัก

ครั้นพอโตขึ้น (ผ่านโลกคอมโลกเน็ตมามากต่อมา) พอเอามาดูอีกรอบ ก็ยอมรับในจินตนาการเลยครับ Steven Lisberger (กำกับและเขียนบทร่วมกับ Bonnie MacBird) ช่างคิดมากๆ พล็อตมันประมาณว่า เควิน ฟลิน (Jeff Bridges) โดน เอ็ด ดิลลิงเจอร์ (David Warner) ขโมยไอเดียโปรแกรมคอมพิวเตอร์ไปครับ เควินเลยตัดสินใจย่องเข้าไปโดยใช้ “คลู” โปรแกรมที่เขาแอบทำไว้เป็นตัวช่วยในการหาหลักฐานยืนยันว่าเอ็ดขโมยผลงานเขาไปจริงๆ

แต่ระหว่างนั้นเขาก็โดนระบบป้องกันยิงลำแสงใส่ แปลงพี่แกให้เข้าไปอยู่ในโปรแกรม ทำให้การผจญภัยในโลกแห่งคอมพิวเตอร์เริ่มต้นขึ้นครับ เพราะเควินต้องหาทางออกมา อีกทั้งต้องเผชิญกับสมองกล (ที่เป็นเสมือนตัวแทนของเอ็ด) ที่หมายจะทำลายเขาลงด้วย

ช่างคิดช่างจินตนาการจริงๆ ครับ ไอเดียแจ๋ว เอาคนไปผจญในโลกแห่งคอมพิวเตอร์และโปรแกรม ถือว่าล้ำมากๆ เลยนะครับ งานด้าน Effect เทคนิคพิเศษนับว่าโดดเด่นมากสำหรับยุคนั้น การออกแบบโลกแห่งดิจิตอลมันดูแหวกดีครับ ดูลึกลับแล้วก็ดูเหมือนแผงวงจรไปพร้อมๆ กัน

เพียงแต่ต้องยอมรับว่าหนังสมัยก่อนจะมีจุดอ่อนคือ “ความอืด ความช้าในบางจังหวะ” ซึ่งในเรื่อง TRON นี่ก็มีช่วงอืดอยู่ไม่น้อยครับ สารภาพว่าแอบเบื่อเล็กๆ เหมือนกันในบางนาที แม้งานภาพและการใช้สี ณ ตอนนั้นจะน่าสนใจก็ตาม

ถ้าว่ากันโดยรวมก็โอเคครับ เป็นหนังที่เอาไว้เสพจินตนาการล้วนๆ เรียกว่าถ้าใครหมายจะเสพอะไรมันส์ๆ หรือแอ็กชันหวือหวาล่ะก็คงต้องเตรียมใจไว้ก่อนครับ เพราะเอาเข้าจริงมันก็เดินเรื่องเนิ่บๆ มีเร้าบ้างก็เป็นพักๆ จะมาตื่นเต้นหนักๆ ก็ตอนท้ายนั่นแหละครับ

แต่ถ้าใครชอบอะไรที่มันไซไฟๆ ล่ะก็ เรื่องนี้ถือว่าดูเพลินใช่เล่นครับ