ค้นหาหนัง

Thunderball | เจมส์ บอนด์ 007 [James Bond: Sean Connery]

หมวดหมู่ : หนังแอคชั่น
Thunderball | เจมส์ บอนด์ 007 [James Bond: Sean Connery]
เรื่องย่อ : Thunderball | เจมส์ บอนด์ 007 [James Bond: Sean Connery]

องค์กร SPECTRE ที่ได้ขโมยหัวรบนิวเคลียร์ 2 ลูกจากนาโต้พร้อมทั้งข่มขู่ว่าหากรัฐบาลอเมริกาและอังกฤษไม่จ่ายค่าไถ่เป็นเพชรมูลค่ามูลค่า 100 ล้านปอนด์ SPECTRE จะยิงหัวรบนิวเคลียร์ทั้งสองลูกไปถล่มสถานที่สำคัญ ๆ ของโลกซึ่งแน่นอนว่ามันรวมถึงชีวิตผู้บริสุทธิ์อีกนับล้านชีวิต อังกฤษจึงส่งสายลับรหัส 007 ของ MI6 อย่างเจมส์ บอนด์ (Sean Connery) ผู้เคยทำให้แผนการของ SPECTRE คว้าน้ำเหลวมาหลายครั้งติดต่อกันให้มาช่วยตามหาหัวรบนิวเคลียร์ทั้งสองลูก บอนด์เดินทางไปบาฮามาสจนได้พบกับเฟลิกซ์ ไลเตอร์ (Rik Van Nutter) เจ้าหน้าที่ซีไอเอที่เคยทำงานมาร่วมกันหลายครั้ง รวมไปถึงผู้อยู่เบื้องหลังแผนการครั้งนี้อย่าง เอมิลิโอ ลาร์โก้ (Adolfo Celi)หัวหน้าระดับสูงของ SPECTRE

IMDB : tt0059800

คะแนน : 7



สไตล์ของบอนด์ภาคนี้ถือได้ว่าทำออกมาเพื่อโกยและเรียกความบันเทิงล้วนๆ เน้นแอ็กชันเข้าว่าและเริ่มจะโม้หนักกว่าสามตอนก่อน อุปกรณ์ของบอนด์ก็ออกแนวไซไฟมาขึ้น เช่น เครื่องเจ็ทแพ็คที่ทำให้คนบินได้ และเครื่องหายใจในน้ำรุ่นพกพา ซึ่งส่วนหนึ่งก็เพราะภาคที่แล้วแฟนๆ ชอบของเล่นแปลกๆ ของบอนด์ เลยมีการเรียกร้องให้ใส่มาเยอะๆ ซึ่งก็นับว่าเยอะใช่เล่น แต่ยังดีที่ไม่ทำให้หนังเลอะเทอะหรือไม่ทำให้บอนด์เอาตัวรอดง่ายเกินไป แต่ยังมีจังหวะให้บอนด์ใช้ไหวพริบบ้าง ทำให้ความสนุกตื่นเต้นยังพอมีอยู่ แม้จะติดเว่อร์ไปบ้างก็ตาม

ดาราหน้าเดิมแห่มาครบตั้งแต่ Connery เจ้าของบทบอนด์ต้นตำรับที่แสดงได้เหมาะกับบอนด์จนไม่รู้จะเหมาะอย่างไร ตามด้วย Q (Desmond Llewelyn), M (Bernard Lee) และ มิสมันนี่เพนนี (Lois Maxwell) รวมถึง เฟลิกซ์ ไลเตอร์ ซีไอเอหนุ่มผู้คอยช่วยบอนด์เสมอมา มาภาคนี้ก็เปลี่ยนคนแสดงเป็น Rik Van Nutter แทน ซึ่งขานี้ออกจะดูออกแนวนายแบบมากกว่าจะเป็นซีไอเอไปสักนิด แต่ก็ยังโอเคครับ

ด้านนางเอกของเรื่องนั้นก็มีการคัดเลือกอยู่นานเหมือนกัน สาวคนแรกที่ Broccoli หมายตาคือ Julie Christie ที่เขาชื่นชอบมาจากบทบาทในหนังเรื่อง Billy Liar แต่พอ Broccoli นัดเจอจริงๆ เขากลับรู้สึกว่าเธอไม่เหมาะสำหรับบทสาวบอนด์ จึงเปลี่ยนไปติดต่อ Raquel Welch ที่รายนี้ดูเซ็กซี่เหมาะกับบทดี แต่เผอิญเธอไปรับงานแสดงหนังเรื่อง Fantastic Voyage เสียก่อน

รายต่อมาที่เกือบจะได้แสดงบทสาวบอนด์ก็คือ Faye Dunaway ที่เรียกว่าผู้สร้างถูกใจและเกือบได้เซ็นต์สัญญาอยู่แล้วแท้ๆ แต่ระหว่างนั้น Saltzman กับ Broccoli ก็อยากจะขอเลือกต่ออีกสักหน่อย เอาให้ได้คนที่เหมาะกับบทแบบเต็มๆ ไปเลย (เพราะ Dunaway แม้จะเล่นหนังได้ดี แต่ความเซ็กซี่และเสน่ห์ยังไม่มากเท่าที่ควร) พวกเขาจึงตั้งใจเล็งไปที่เหล่านางงามครับ เช่น Maria Grazia Buccella นางามอิตาลี่, Yvonne Monlaur สาวสวยที่ได้รับการกล่าวขวัญ (ด้านความเซ็กซี่) หลังจากแสดงหนังสยองให้กับค่าย Hammer Films เรื่อง The Brides of Dracula และ The Terror of the Tongs

แต่รายที่มาแรงแซงโค้งคืออดีตนางงามฝรั่งเศส Claudine Auger ที่พอทั้งสองเห็นแล้วก็มั่นใจว่าเธอคนนี้แหละ เหมาะเหลือเกินกับบทนี้ หน้าตาน่ารักดี ไหนจะดูมีเสน่ห์มากๆ ตอนสวมชุดว่ายน้ำด้วย ในที่สุดเธอก็ได้รับบทไปครับ ซึ่งถ้าให้ว่าจริงๆ ผมเห็นด้วยในเรื่องความน่ารัก ความเซ็กซี่แบบพอดี แต่ด้านการแสดงนั้นคงต้องบอกว่ายังไม่โดดเด่นเท่าที่ควรครับ

อีกหนึ่งสาวในหนังก็คือ Luciana Paluzzi ในบท ฟีโอน่า วอลเป้ นักฆ่ามือขวาของลาร์โกที่แสนจะร้ายกาจและสวยเซ็กซี่จนเกินห้ามใจ ไปๆ มาๆ รายนี้กลับน่าจดจำมากกว่า แม้จะโผล่น้อยครั้งกว่าสาวบอนด์ตัวจริงก็ตาม

ตัวหนังยังมีเพลงเปิดทรงพลังจาก Tom Jones มาอุ่นเครื่องช่วงไตเติ้ลด้วยครับ เป็นเพลงที่เหมาะกับหนังภาคนี้ดี แต่ก็มีเรื่องขำเล็กๆ ตอนที่นักข่าวสัมภาษณ์ Jones ว่า รู้ไหมว่าคำว่า Thunderball ที่อยู่ในเนื้อเพลงน่ะหมายถึงอะไร ปรากฏว่า Jones ก็ตอบตรงๆ ว่าไม่รู้เหมือนกัน แต่พอดีมันเข้ากับทำนองและชื่อหนังเลยร้องแบบใส่อารมณ์ลงไปเต็มที่ (ทั้งที่ไม่รู้ความหมายของมันนั่นแหละ)

ถ้าว่ากันถึงเรื่องบท จัดว่าไม่มีซับซ้อนเข้มข้นมากนัก ตัวร้ายก็ประกาศทุกเจตนาแต่เริ่มแรก ไม่มีความลับอะไรมากมาย ภาคนี้จึงออกจะเน้นบู๊เอาความสะใจและโชว์เทคนิคพิเศษกันเต็มเหนี่ยว จุดที่โดดเด่นเลยคงต้องยกให้ฉากสู้กันใต้น้ำที่ทำได้ไม่เลว

แม้ด้านคำวิจารณ์จะเริ่มมีคนบ่นเล็กๆ ว่าเนื้อหามันเบากว่าตอนก่อนๆ แต่เมื่อดูโดยรวมแล้ว บอนด์ภาคนี้ก็ยังสนุก ตื่นเต้น มีวิวสวยๆ และมีปฏิบัติการลุ้นนิดๆ ตอบสนองแฟนหนังชุดนี้ได้อยู่

ตัวหนังลงทุนไป $5.6 ล้าน แต่คนทั่วโลกก็จ่ายเงินคืนมาให้ถึง $141.2 ล้าน ถล่มทลายหายห่วงครับ

ต้องยอมรับว่าหลายฉากในหนังภาคนี้แสดงถึง “ความยักษ์ของเรื่องราว” ตั้งแต่การได้เห็นห้องประชุมขององค์กร SPECTRE ได้เห็นวายร้ายระดับสูงขององค์กรมานั่งรวมตัวกัน (ตามด้วยบทลงโทษสำหรับผู้ที่ทำงานพลาดที่แสนคลาสสิค จน Austin Powers เอามาล้อซะสนุก) และยังได้เห็นห้องประชุมใหญ่ของ MI6 พูดง่ายๆ คือ สายลับรหัสที่ขึ้นต้นด้วย 00 ทั้งหมด มาโผล่กันในห้องครบ (แต่เราจะไม่ได้เห็นหน้าใครนอกจากบอนด์)

รวมไปถึงฉากใต้น้ำซึ่งมีอยู่มากและน่าจะสะใจคนที่ชอบฉากใต้น้ำครับ เพราะมีเยอะมากจริงๆ อีกทั้งฉากประจัญบานในตอนท้ายของเรื่องก็ยังเป็นการลุยกันใต้น้ำแบบล้วนๆ อีกด้วย ดูแล้วก็ไม่แปลกใจล่ะครับที่ต้องลงทุนมากกว่าตอนก่อนๆตั้ง 2 เท่า ภาคที่แล้วลงทุน 2.5 ล้านครับ ภาคนี้ล่อไป 5.5 ล้าน

จริงครับที่ภาคนี้มีความอลังการ แต่ด้านเนื้อเรื่องอาจยังไม่เข้มนัก หรือตัวร้ายรายใหญ่อย่างลาร์โกก็ยังไม่ร้ายถึงระดับ หน้าตาที่ท่านอาจเหี้ยมใช้ได้ แต่รัศมีกับความปราดเปรื่องนั้นยังจัดว่าเป็นรองตัวร้ายอย่างโกลด์ฟิงเกอร์อยู่พอตัว อีกทั้งฉากพะบู๊บนเรือเร็วในตอนท้ายก็ออกจะเร็วแบบห้วนไปหน่อย (จนบางขณะออกแนวเร็วเกิ๊น จนไม่รู้เรื่อง)

ไปๆ มาๆ จุดที่ทำให้หนังภาคนี้รสชาติยังอร่อยก็คงต้องยกให้พระเอก Connery ที่มาดเยี่ยมเสมอ ไหนจะอารมณ์ขันแสบๆ กำลังดี กับโลเกชั่นหลากหลาย และฉากใหญ่ๆ อีกเพียบ เรียกว่าพร่องแค่เนื้อเรื่องเท่านั้นล่ะครับ