ค้นหาหนัง

The Purge: Election Year | คืนอำมหิต 3 : ปีเลือกตั้งโหด

The Purge: Election Year | คืนอำมหิต 3 : ปีเลือกตั้งโหด
เรื่องย่อ : The Purge: Election Year | คืนอำมหิต 3 : ปีเลือกตั้งโหด

ลีโอ บาร์นส์ (Frank Grillo) อดีตจ่าตำรวจต้องมาเป็นหัวหน้าทีมคุ้มครองสมาชิกวุฒิสภา ชาร์ลี โรน (Elizabeth Mitchell) ที่ลงสมัครเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยนโยบายหลักของเธอคือการยกเลิกคืนล้างบาป ซึ่งเมื่อหลายปีก่อนเธอก็เคยเสียลูก ๆ และสามีไปในคืนล้างบาปนี้เช่นกัน ซึ่งก็มีประชาชนจำนวนมากสนับสนุนนโยบายนี้ของเธอ ทำให้กลุ่มผู้มีอิทธิพลและเหล่านายทุนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากการมีอยู่ของคืนล้างบาปนี้จึงรวมหัวกันพยายามกำจัดเธอทุกวิถีทาง

IMDB : tt4094724

คะแนน : 8



สำหรับเรา The Purge เป็นหนังที่ "ขยายจักรวาล" ของตัวเองได้น่าสนใจมากเมื่อเปรียบเทียบกับบรรดาหนังภาคต่ออื่นๆที่ง่วนแต่จะขายของ ขายตัวละคร ขาย-าขายเหวอะไรเพื่อ "ผลประโยชน์" ทางการค้ามากกว่าจะเป็นการ "เล่าเรื่อง" แต่สำหรับหนังสยองขวัญระทึกขวัญเรื่องนี้พาตัวเองมาไกล และชวนตั้งคำถามถึงการ "บิด" สไตล์จากหนัง "สยองขวัญ ไล่เชือด" ในภาคแรก ขยับมาเป็นหนังสยองขวัญ - ระทึกขวัญ ในภาคถัดมา และในภาคนี้ก็กลายเป็นหนังระทึกขวัญทางการเมือง และยังคง "กลิ่นอาย" ของหนังสยองขวัญไว้เป็นอย่างดี

ถึงจะไม่ได้ดูหนังภาคแรกและภาคที่ 2 มา ก็จะยังคงดูหนังภาคนี้รู้เรื่องอยู่ดี เพราะเหตุการณ์ใน Election Year เป็นการเล่าเรื่อง "ในอีกมุมหนึ่ง" ของเหตุการณ์ที่มีความโยงใยข้องเกี่ยวกับคืนล้างบาปประจำปี โดยมีตัวละครอย่างลีโอ (รับบทโดยพี่แฟรงค์ กริลโล ที่หล่อ ย.ย. แนวดิบๆ จนแอบลุ้นใจจะขาดว่าเมื่อไหร่พี่แกจะบดปากนางเอกของเรื่องซักที) ตัวละครจากภาคที่ 2 นั่นเอง

หนังเปิดเรื่องมาที่ว่าสมาชิกวุฒิสภาอย่างชาร์ลี โรน (อลิซาเบธ มิทเชลจากซีรีส์ Lost) ที่อุทิศชีวิตเพื่อนโยบายชูโรงที่ว่า เมื่อเธอได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีเมื่อใด คืนล้างบาปจะต้องถูกยกเลิก เพราะในอดีตนั้นเธอถูกบังคับให้นั่งดูครอบครัวตัวเองโดนฆ่าตายในคืนสุดโหดนี้

สิ่งที่ The Purge: Election Year หยิบมาพูดคือหนังสะท้อนภาพของชนชั้นล่างและชนชั้นแรงงานที่ดูเป็นเหยื่อของคืนดังกล่าวในทุกปี (ภาคที่ 2 เคยพูดมาบ้างแล้ว) และทำให้เห็นว่ารัฐบาลอเมริกันปัจจุบันที่ยังดำรงตำแหน่งนั้น พยายามรักษากฎนี้ไว้เผื่อลดประชากรที่เป็นภาระของรัฐ โดยเชื่อว่าระบบเศรษฐกิจจะอยู่รอดด้วยการใช้วิธี "ตัดภาระแบบเด็ดขาด" ซึ่งเป็นแนวคิดที่น่าสนใจ แต่ถึงอย่างนั้นขั้วตรงข้ามอย่างชาร์ลีกลับมองว่าวิธีการดังกล่าวมันเอื้อประโยชน์แต่ชนชั้นบนและคนกุมอำนาจเท่านั้น

ความเก๋ของหนังภาคนี้คือมันขยายเรื่องราวไปถึงว่า วันล้างบาปนี้มันกลายเป็น "เทศกาลฆ่าคน" แบบถูกกฎหมาย โดยคนต่างประเทศแบบหัวรุนแรงก็เลือกจะเดินทางมาอเมริกาเพื่อฆ่าคนอย่างถูกกฏหมาย!! โดยหนังแปลซับได้กิ๊บเก๋ว่า "การท่องเที่ยวเชิงฆาตกรรม" มันยิ่งสะท้อนให้เห็นความป่วยไข้ของคนในสังคมได้อย่างน่าสนใจ

ที่เราชอบมากในหนังภาคนี้คือ ตัวหนังมันให้น้ำหนักกับความเชื่อที่ว่า "คนเลวเคยมาก่อน" สามารถกลับตัวได้ ผ่านตัวละครอย่างลานีย์ (เบ็ตตี้ กาเบรียล) ซึ่งหนังได้ให้รายละเอียดว่าตัวละครนี้เคยเป็นสก๊อยตัวแม่ ที่เคยผ่านวันล้างบาปมาก่อน แต่เพราะโจ เจ้าของร้านชำได้ช่วยเหลือเธอออกมาจากวังวนนั้นทำให้เธอกลับตัว มีอนาคตและปัจจุบันทุกคืนล้างบาปเธอก็ผันตัวเองเป็นอาสาสมัครที่คอยช่วยเหยื่อจากการเข่นฆ่า

หลายอย่างใน Election Year พาคนดูมาไกล มีพล็อตเรื่องที่น่าสนใจ และหนังก็ยัง "สนุก" ในฐานะหนังระทึกขวัญ มันมีฉากตกใจ มีฉากที่จะทำให้คนดูสะใจ มีฉากความเยอะของตัวละคร(แต่ไม่โง่) มีฉากตัวละครประสาท- แม้ว่าช่วงท้ายเรื่องจะมีความเยอะ ล้น และแอบพิลึกพิลั่น แต่ในแง่ภาพรวมแล้ว ภาคนี้น่าจะเป็นภาคที่ประเด็นชัดเจนที่สุด พาคนดูไปไกลที่สุด และที่สำคัญมันยังคงตั้งคำถามที่ว่า ตกลงแล้วถ้าสมมติว่าคืนล้างบาปไม่มีอีกแล้วจริงๆแบบที่นางเอกของเรื่องตั้งใจไว้ (จะสำเร็จหรือไม่ อยากให้ไปดูเอาเอง) จะเกิดอะไรขึ้นไปต่อไปกับสังคมอเมริกา (ในหนัง) เพราะใช่ว่าเมื่อขั้วอำนาจเปลี่ยนมือแล้ว ขั้วอำนาจเดิมจะหายไป?