ค้นหาหนัง

The Ninth Gate | เปิดขุมมรณะท้าซาตาน

The Ninth Gate | เปิดขุมมรณะท้าซาตาน
เรื่องย่อ : The Ninth Gate | เปิดขุมมรณะท้าซาตาน

เปิดขุมมรณะท้าซาตาน หนังแนวสืบสวน สอบสวนไขปมปริศนา นำแสดงโดยนักแสดงเจ้าบทบาท Johnny Depp เพิ่งนานๆครั้งเราจะเห็นเขารับบทเป็นคนธรรมดาสักทีนึง หนังเล่าเรื่องเกี่ยวกับ ดีน คอร์โซ่ นายหน้าค้าหนังสือเก่าที่มีชื่อเสียง ได้รับว่าจ้างจากมหาเศรษฐีผู้สะสมหนังสือหายากคนหนึ่ง ให้ไปสืบหาหนังสือที่ชื่อ The Ninth Gate ซึ่งทั้งโลกใบนี้เหลืออยู่เพียง 3 เล่ม อยู่ที่มหาเศรษฐีผู้นี้ 1 เล่ม เขาอยากรู้ว่าอีก 2 เล่มที่อยู่มนโปรตุเกส และ ปารีสนั้นเป็นเรื่องจริงหรือปลอม ความพิเศษของหนังสือเล่มนี้เล่มนี้คือผู้เขียนได้ถูกเผาทั้งเป็น เนื่องจาก ในช่วงปี 1700 นั้นเชื่อว่าผู้เขียนได้เขียนหนังสือเล่มนี้ร่วมกับซาตาน ลูซิเฟอร์ ในหนังสือเล่มนี้น่าจะมีบางสิ่งบางอย่างซ่อนอยู่เกี่ยวข้องกับซาตาน แถมยังสามารถปลูกซาตานได้อีกด้วย ดีน ได้รับค่าจ้างมหาศาล ให้ตามหาและพิสูจน์ ความเหมือนหรือแตกต่างของหนังสืออีก 2 เล่ม และหากทำงานสำเร็จ จะได้รับเงินคูณ 2 เป็นโบนัส ระหว่างที่เขาตามหา ผู้คนที่เกี่ยวข้องกับหนังสือก็ได้ตายไปอย่างมีปริศนา และเมื่อสืบไปสืบมา เขาก็เริ่มเชื่อว่าหนังสือ The Ninth Gate เป็นหนังสือที่ไม่ธรรมดาเหมือนหนังสือทั่วไป

IMDB : tt0142688

คะแนน : 7



สำหรับผม ผู้กำกับที่ทำหนังแนวลึกลับประเภทตัวเอกต้องไขปมปริศนาเพียงลำพัง แล้วออกมาสนุกแทบทุกเรื่องนั้น ต้องยกให้ Roman Polanski มาเป็นอันดับแรกครับ

ตัวเอกของเรื่องมีนามว่า ดีน คอร์โซ (Johnny Depp) นักล่าหนังสือสะสมที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อเงิน (โดยไม่เกี่ยงวิธีและไม่สนศีลธรรม) ล่าสุดเขาได้รับการว่าจ้างจากมหาเศรษฐีบอริส บัลแกน (Frank Langella) ให้ตามสืบความจริงเกี่ยวกับหนังสือที่ชื่อ The Nine Gates of the Kingdom of Shadows

หนังสือ The Ninth Gates นี้กล่าวกันว่าเป็นหนังสือที่มีพลังลึกลับ สามารถใช้เป็นสื่อติดต่อถึงซาตานได้ ถูกเขียนขึ้นในปี 1666 โดยอริสไทด์ ทอร์เชีย ตามประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่ามีเหลือรอดมาถึงปัจจุบันเพียง 3 เล่ม แต่ทีนี้บัลแกนก็ได้ยินมาว่า ใน 3 เล่มนั้นมีเล่มที่เป็นของแท้อยู่เพียงหนึ่งเดียว เขาเลยอยากให้คอร์โซไปสืบว่าเล่มไหนกันแน่ที่เป็นของจริง

ทีนี้ระหว่างการตามสืบ คอร์โซก็เริ่มพบว่าชีวิตตนเองชักจะไม่ปลอดภัยมากขึ้นทุกที ไม่ว่าจะโดนตามล่า โดนข่มขู่ หรือแม้แต่เพื่อนสนิทของเขาเองก็ยังต้องมาตายอย่างสยดสยอง และที่น่าขนลุกคือตายแบบเดียวกับหนึ่งในภาพวาดในหนังสือ The Ninth Gates ไม่มีผิด

หรือหนังสือเล่มนี้จะมีอาถรรพ์จริงๆ? หรือจะมีอำนาจซาตานวนเวียนอยู่รอบๆ หนังสือเล่มนี้จริงๆ? แล้วการค้นหาความจริงนี้จะนำคอร์โซไปสู่อะไร ติดตามต่อได้ในหนังนะครับ

เรื่องนี้ผมแนะนำเลยครับ ถ้าคุณชอบแนวลึกลับไขปมปริศนาและมีกลิ่นอายความสยองขวัญ ยอมรับเลยครับว่าถ้าเป็นหนังแนวนี้ Polanski แกทำได้ถึงรส อาจจะมีดีมากดีน้อยต่างกันไป แต่น้อยครั้งที่จะผิดหวัง

The Ninth Gate อาจไม่ได้คลาสสิกยอดเยี่ยมเท่า Chinatown หรือ Rosemary’s Baby แต่ก็สนุกไม่แพ้ Frantic หรือ The Ghost Writer ครับ

ตัวหนังจัดว่าน่าติดตามมาก มีการทิ้งปม เฉลยปมที่พอเหมาะ จุดเด่นอย่างสำคัญคือการเล่าตำนานเกี่ยวกับหนังสือ The Ninth Gates ที่เล่าได้อย่างน่าสนใจ ชวนให้เราสงสัยและใคร่รู้ว่ามันมีความลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่ ครั้นพอเดินเรื่องไป ปมก็ค่อยๆ ถูกเฉลยทีละเปลาะๆ ครับ แต่การเฉลยทีละเปลาะที่ว่านี่แหละที่ถือเป็นของเด็ด เพราะมันทั้งทำให้เราเข้าใจความลับเกี่ยวกับหนังสือเพิ่มขึ้น แล้วยังกระตุ้นให้เราสนใจใคร่รู้เกี่ยวกับมันมากขึ้นไปในเวลาเดียวกัน ยิ่งดูแล้วยิ่งอยากรู้น่ะครับว่าตกลงหนังสือมันคืออะไร มันใช้ทำอะไร และที่สำคัญคือใครเป็นคนเขียนตัวจริง (เพราะพอคอร์โซสืบๆ ไปก็ชักจะเจอเรื่องเหนือธรรมชาติมากขึ้นจนน่าสงสัย ว่าผู้เขียนจะไม่ใช่ “มนุษย์ธรรมดา”) ไหนจะเรื่องว่าเล่มไหนเป็นของจริงอีก พล็อตถือว่าลึกลับและซับซ้อนใช้ได้ทีเดียวครับ

ในแง่ของบรรยากาศก็ลึกลับมาก ชวนให้ผวากำลังดี ซึ่งที่บอกว่าชวนผวานี่ไม่ได้แปลว่าหนังมีฉากแหวะมากมายนะครับ แต่ทุกสถานที่ที่คอร์โซไปนั้นมันมีกลิ่นอายความลึกลับ มันมีบรรยากาศที่ไม่น่าไว้วางใจ แม้หลายสถานที่จะสวยงามน่าไปเที่ยว แต่มุมกล้องที่ถ่ายมาสามารถจับอารมณ์และถ่ายทอด “มุมมืดอันลึกลับ” ของสถานที่นั้นได้อย่างน่าปรบมือ ซึ่งตากล้องของหนังเรื่องนี้ก็คือ Darius Khondji แห่ง The City of Lost Children, Se7en, Alien Resurrection และ Panic Room แต่ที่ผมออกจะทึ่งเป็นพิเศษก็ตรงที่เขาเป็นตากล้องให้ Midnight in Paris ของลุง Woody Allen ด้วย

ที่ทึ่งก็เพราะเรื่องนั้นเขาสามารถจับภาพยุโรปยามค่ำคืนมาถ่ายทอดได้อย่างมีชีวิตชีวา ทำให้เมืองยามราตรีที่หลับใหลกลับมาดูมีชีพจรคึกคัก แต่กับ The Ninth Gate นี่แกทำในสิ่งตรงกันข้ามนะครับ ที่ไหนดูสวยจะกลายเป็นดู “เสียวสันหลัง” ไปแทน ที่ไหนน่าจะดูมีชีวิตชีวา แกถ่ายให้เกิดอารมณ์ “ชีพจรสิ้นใจ” ได้สำเร็จ เรื่องภาพนี่ยอมรับว่ายอดมากครับ

ดนตรีก็ได้อารมณ์ไม่แพ้กันครับ แต่งโดย Wojciech Kilar แห่ง Bram Stoker’s Dracula ที่ช่วยขับอารมณ์ความ “ไม่น่าไว้วางใจ” ให้ปกคลุมหนังไปตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ เอาแค่เพลงตอนไตเติ้ลก็ลึกลับได้ที่แล้วครับ (แต่แม้ลึกลับก็ยังไพเราะน่าฟังครับ)

ส่วนหนึ่งที่หนังออกมาดีก็ด้วยพลังของทีมงานระดับยอดฝีมือนี่แหละครับ ช่วยกันเสกสรรปั้นบรรยากาศให้ออกมาลึกลับชวนผวาได้ ในขณะที่บทก็น่าติดตาม ลึกลับชวนลุ้น (แต่ก็ยังไม่ถึงขึ้นสุดยอดจนไม่อาจละสายตา) ดารานั้นก็หายห่วงครับ Depp เล่นได้ดีมากในบทนักล่าหนังสือจอมเห็นแก่ได้ แววตาท่าทางนี่ดูละโมบดีจริงๆ ครับ (โดยเฉพาะฉากเปิดที่พี่แกโกงได้แบบหน้าตายมากๆ) Langella ก็ดูลึกลับผสมอารมณ์ขันโหดๆ ได้อย่างพอเหมาะ แต่คนที่น่าจับตามาหน่อยก็คือ Emmanuelle Seigner ในบทหญิงลึกลับที่คอยติดตามช่วยคอร์โซ ซึ่งเธอคนนี้ก็ตามเล่นหนังของ Polanski ตลอดครับ (ก็เป็นภรรยาของเขานี่ครับ ) ส่วน Lena Olin ก็ดูจะสบายครับกับบทสาวที่มีความร้ายกาจซ่อนอยู่ในตัวเองแบบนี้

ยอมรับว่าชอบเป็นการส่วนตัวครับเรื่องนี้ ชอบตั้งแต่ตอนดูรอบแรก (ส่วนหนึ่งอาจเพราะหนังพากย์ไทยนำทีมโดยคุณจักรกฤษณ์ หาญวิชัย ที่น้ำเสียงเข้ากับพี่ Depp ในเรื่องมากๆ) ครั้นดูรอบต่อมาก็ยังสนุกแม้จะรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วก็ตาม

เป็นหนังอีกเรื่องที่แนะนำครับ ถ้าคุณชอบแนวลึกลับผสมเรื่องเหนือธรรมชาติ