ค้นหาหนัง

The English Patient | ในความทรงจำ...ความรักอยู่ได้ชั่วนิรันดร์

The English Patient | ในความทรงจำ...ความรักอยู่ได้ชั่วนิรันดร์
เรื่องย่อ : The English Patient | ในความทรงจำ...ความรักอยู่ได้ชั่วนิรันดร์

เรื่องราวของ เคานท์อัลมาสซี (เรล์ฟ ไฟน์) คนไข้อาการสาหัสของ ฮาน่า (จูเลียต บิน็อช) พยาบาลสาวจิตใจดีผู้ที่ดูแลเขาไม่ห่างโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร... ไฟจากแรงระเบิดของเครื่องบินโดยสารอาจทำให้เพียงร่างกายและผิวหนังของอัลมาสซีมอดไหม้ แต่อดีตรักที่ฝั่งลึกไม่อาจสลายไปจากหัวใจของเขาได้เลย...แต่กระนั้นความทรงจำแห่งรักก็ไม่สมควรที่ใครต้องอิจฉา เพราะมันปนเปื้อนด้วยการทรยศหักหลังและคำหลอกลวงที่เขาเองก่อขึ้น...แม้รู้ดีว่าสุดท้ายมันต้องจบลงด้วยความขมขื่นแต่ทั้งหมดคือสิ่งที่เขายอมแลกเพื่อทำตามหัวใจปรารถนาโดยที่ไม่รู้สักนิดเลยว่ารอยแผลเป็นของความรักบนความเจ็บปวดนั้นจะฝังตรึงอยู่ในหัวใจของเขาชั่วนิจนิรันดร์

IMDB : tt0116209

คะแนน : 9



ความชอบที่มีต่อหนังเรื่องนี้อยู่ในระดับต้นๆของหนังทั้งหมดที่ชอบ เพราะนอกจากนักแสดงที่เล่นเป็นพระเอกจะเป็นที่รักของฉันแล้ว การแสดงของเขาก็อยู่ในขั้นเทวาอวตาร โดยเฉพาะการแสดงออกทางสายตาของ Ralph Finnes เป็นจุดเด่นของเขามากๆ อิจฉา รำคาญ ลุ่มหลง หลงรัก ไม่พอใจ ไม่เข้าใจ หักห้ามใจ สั่งได้หมด เฮียจัดให้ และจะเห็นได้จากงานหลายๆเรื่องที่เขาแสดง เรื่องนี้เขาเล่นเป็นตัวละครที่มีหลากอารมณ์ ในช่วงแรกเขาจะนิ่งๆ หยิ่งๆ บูดๆแบบผู้ดี พูดจามั่นใจ และดูเป็นสุภาพบุรุษ (แต่สายตาเวลาไม่พอใจอะไรจะชัดเจนมากๆ) เมื่อเขามีความรัก ความต้องการครอบครอง เขาจะแสดงออกค่อนข้างชัดเจน เหมือนเด็กไม่ได้ของที่อยากได้ เมื่อตอนที่เขาถูกไฟคลอกจนกลายเป็นคนป่วยบนเตียง แม้จะเจ็บปวดร่างกายและจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เขาก็ยังคงบุคลิกเดิมคือพูดจามั่นใจ แบบคนมีความรู้ อะไรร้ายๆแบบนี้แหละที่ราล์ฟสามารถแสดงได้ดีตลอดเวลา แล้วเขาก็ดูดีมากในเสื้อผ้าลุยทะเลทรายกับผิวแทนๆ ยังไม่ต้องไปนึกถึงชุดสากลหรือสูทที่เขาใส่แล้วหล่อสุดๆ เสียดายที่เขาไม่ได้ออสการ์จากเรื่องนี้ โอเค....เรื่องพระเอก ขอพอและผ่านไปก่อน

โทนสีของภาพในหนัง ในช่วงเรื่องราวของพระเอกในอดีต เน้นโทนสีน้ำตาล เหลืองๆ แดงๆ เข้ากับบรรยากาศทะเลทรายและแสงแดด รู้สึกว่าภาพสวยมากๆ ทุกคนผิวสีแทนหมดเลย แอนโทนี่ มิงเกลล่า ทำให้ฉันได้รู้ว่าบรรยากาศร้อนๆเลอะๆทรายนี่ก็โรแมนติกได้เหมือนกัน พอเข้าช่วงสงครามโลกครั้งที่สองใกล้จบลง โทนสีก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง คือสว่างขึ้น ยิ่งบรรยากาศในฉากสำนักชีร้าง ยิ่งสดใส คนดูรู้สึกได้ว่าช่วงนี้สงครามใกล้จะจบลงแล้ว

สุดท้าย...เพลงประกอบภาพยนตร์ อันนี้คือที่สุดของที่สุดสำหรับเรื่องนี้ เพลงScoreประกอบภาพยนตร์เพราะมากๆ ตั้งแต่เพลงเปิดเรื่องที่เป็นเพลงสวดของฮังกาเรี่ยนก่อนจะเป็นดนตรีที่ประพันธ์โดย Gabriel Yared ซึ่งแน่นอนว่าได้ออสการ์สาขาดนตรีประกอบภาพยนตร์ไปด้วยอีกหนึ่งตัวคะ เพลงที่เอามาเปิดนี้เป็นธีมหลักที่อยู่ในภาพยนตร์ ชื่อเพลง "As Far As Florence" นอกนั้นเดี๋ยวจะรวมไปเขียนในกรุ๊ป "และเพลงในหนังมันก็พาไป" นะคะ