IMDB : tt0096754
คะแนน : 8
The Abyss หนัง เจมส์ คาเมรอน ยุคแรกๆ ก่อนการมาถึงของ Teminator 2,Titanic รวมทั้งAvatar ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับคะแนนและเสียงวิจารณ์ค่อนข้างดีเลยทีเดียวแต่กลับทำเงินน้อยมากๆ อย่างไม่น่าจะเป็น เมื่อดูจากฟอร์มของหนังที่เรียกได้ว่า อลังการงานสร้าง
แม้อายุอานามของหนังเรื่องนี้จะล่วงเลยมาเกือบๆ 22 ปี เข้าไปแล้ว แต่งานสร้างของหนังไม่ได้ดูเชยหรือชวนหงุดหงิดแต่อย่างใด ซีจีดูสวยงามและสมจริงล้ำยุคสุดๆ เรียกได้ว่า สวยสมวัย โดยเฉพาะภาพของคลื่นยักษ์ในช่วงท้ายเรื่อง ซึ่งแม้แต่หนังไทยในปัจจุบันก็ยังสร้างอะไรอย่างนี้ไม่ได้ รวมไปถึงงานดนตรีของ อลัน ซิลเวสทรี ที่หลอนเข้ากับบรรยากาศหดหู่ ไม่น่าไว้วางใจ ใต้ทะเลลึกที่อุณหภูมิแทบจะติดลบ จนผู้ชมรู้สึกหนาวไปด้วย
ด้วยความที่หนังมีหลายเรื่องที่จะเล่ากับหลายประเด็นที่จะบอก จนบางครั้งก็เกิดความรู้สึกที่ว่า เฮ่ย....ตกลงอีตาคาเมรอนจะเอายังไงกับหนังเรื่องนี้ฟ่ะ เปิดเรื่องมาด้วยการโจมตีเรือดำน้ำของเอเลี่ยน แล้วหนังก็เบนเข็มไปที่การกู้เรือดำน้ำแทน โดยไม่กลับมาพูดถึงมนุษย์ต่างดาวอีกพักใหญ่ๆ ปล่อยให้คนดูคิด จินตนาการไปต่างๆนานา ว่ามันคือตัวอะไรกันแน่?? หนังจึงค่อยปล่อยน้องเลี่ยนออกมาอีกแค่แป๊ปเดียว ให้พอหายคิดถึงและเพื่อย้ำกับผู้ชมว่าหนังไม่ได้ลืมน้องเลี่ยน แค่ขอให้อดทนรออีกนิด ที่หลังจากนั้นหนังก็เปลี่ยนตัวเองอีกครั้ง คราวนี้หันไปกู้ระเบิดนิวเคลียร์แทนซะเลย และก็วุ่นๆอยู่กับนิวเคลียร์อีกนาน จนกว่าจะได้เห็นเจ้า E.T. อีกครั้งก็เป็นช่วงท้ายๆเรื่อง ซึ่งที่จริงหนังควรจะตัดเรื่องหลักๆออกไปบ้างเพราะเท่าที่เห็น มันเยอะเกินไป เช่น หากหนังต้องการเล่นประเด็นมนุษย์ต่างดาว ก็ควรตัดการกู้เรือดำน้ำออกไปให้เหลือเฉพาะการกู้หัวรบก็พอ เพราะหัวรบนิวเคลียร์มีผลต่ออารมณ์ในตอนท้ายๆเรื่อง หรือถ้าจะมาในแนวหนังกู้ชีพก็ไม่ต้องใส่น้องเลี่ยนมา บางทีการเล่าเรื่องน้อยๆ พล๊อตสั้นๆมันไม่วุ่นวายและง่ายต่อการคุมโทนหนัง ซึ่งก็ยอมรับครับว่าคาเมรอนเป็นผู้กำกับที่มีจินตนาการก้าวไกลและไอเดียบรรเจิดเป็นอันดับต้นๆในบรรดาผู้กำกับแถวหน้าของฮอลลีวู้ด แต่การที่หนังยัดเยียดเรื่องราวลงมามากเกินไป ทำให้หลายๆตอนอาจทำให้รู้สึกเบื่อด้วยไม่รู้ว่า หนังจะเอายังไงกันแน่ ไม่มีทิศทางที่เด่นชัด เดินไปหน้า เลี้ยวซ้ายที ก็เลี้ยวขวาที แล้วดันแวะงีบข้างทาง ตื่นมาก็เดินต่อ กว่าจะไปถึงไคลแม็กซ์ ก็เล่นเอาคนดูเกือบหลับไปเหมือนกัน
แต่หนังมีดีที่สาส์น บางอย่างที่ต้องการบอกคนดู ซึ่งมีทั้งที่บอกกันตรงๆไม่ต้องไปนั่งตีความให้ปวดหัว และสื่อผ่านการกระทำของตัวละคร ที่เห็นได้ชัดคือ การก่อสงครามฆ่าฟันกัน เหตุการณ์ของหนังเกิดขึ้นในช่วงที่ไฟสงครามเย็นกำลังมอดลงหนังจึงออกมาเป็นหนังแอนตี้สงครามอยู่กลายๆ เน้นย้ำถึงความเลวร้ายของสงครามต่างๆที่มนุษย์ได้ก่อขึ้นที่นับวัน วิธีการและอาวุธของแต่ละฝ่ายจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นทุกที ประเด็นนี้สื่อผ่านการบอกเล่าของเหล่ามนุษย์ต่างดาว ที่มาอยู่บนโลกนี้(อันที่จริง เค้าอยู่กันใต้มหาสมุทร)และสังเกตความเปลี่ยนแปลงของโลกมานานแล้ว จนกระทั่ง เหล่าเอเลี่ยนทนไม่ได้ ต้องออกมาสั่งสอนมวลมนุษย์ให้รู้สำนึกแบบเดียวกับหนัง The Day The Earth Stood Still อีกทั้งหนังยังมีประเด็นเสียดสีความเห็นแก่ตัวของคนเรา ผ่านการกระทำของ ร้อยโทฮีราม คอฟฟี่(รับบทได้อย่างยอดเยี่ยมโดย ไมเคิล บีห์น นักแสดงลูกหม้อของคาเมรอน จากหนัง Aliens,Terminatorภาคแรก) ที่เกิดอาการเครียดและหวาดระแวงจากการอยู่ใต้น้ำ เพื่อจะให้งานของตัวเองสำเร็จแล้ว เขาไม่ได้สนใจว่า จะมีใครต้องเดือดร้อนหรือไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา จนเกือบจะทำลายชีวิตของลูกเรือที่เหลือและมนุษยชาติ
ฉากที่กินใจที่สุดผมยกให้ ฉากที่เอ๊ด แฮร์ริส ลงไปปลดชนวนระเบิด ครั้นพอปลดเสร็จ ออกซิเจนดันเหลิอน้อย ไม่สามารถขึ้นมาได้ จึงตัดสินใจ สละชีวิตตนเอง และทำใจอยู่รอความตาย ในขณะที่อยู่รอความตายก็ได้พูดคุยกับนางเอกซึ่งเป็นภรรยา ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ได้ราบรื่นอย่างที่หวัง ทั้งคู่ปรับความเข้าใจและบอกความในใจกัน ซึ่งคนเราก็แปลกนะครับ ตอนปกติๆเจอหน้ากันทุกวัน แต่ไม่ยอมพูดกันตรงๆ ต้องให้มีช่วงเวลาคับขันของชีวิตเข้ามา ถึงจะยอมบอกกัน ฉากนี้อารมณ์แบบเดียวกับวาระสุดท้ายของลุงบรู๊ซ วิลลิส ใน Armageddon ครับ ไม่แน่ว่า เรื่องหลังอาจะได้แรงบันดาลใจฉากนี้มาจากThe Abyss ก็ได้
ในแง่ของความบันเทิง หนังอาจจะให้ได้ไม่เต็มที่ แต่สำหรับสาระแล้ว มีคับแก้วเลยครับ กับแนวคิดที่คมคายสื่อถึงคนดูอย่างได้ผล ผมเดาเอานะครับว่า หากจะมีการรีเม้คหนังเรื่องนี้ในปัจจุบัน ประเด็นเรื่องสงครามจะถูกเปลี่ยนไปเป็นประเด็นโลกร้อนหรือเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างแน่นอน เหมือน The Day The Earth Stood Still
ในทุกๆวันมนุษย์เอาแต่ถามหาความยุติธรรมจากโลกใบนี้ แต่กลับลืมถามตัวเองว่า ทุกวันนี้เราได้ให้ความยุติธรรมแก่โลกมากพอแล้วรึยัง?? หรือเราจะต้องรอให้มีมนุษย์ต่างดาวจริงๆลงมาเตือน เราถึงจะสำนึกกัน