ค้นหาหนัง

The 6th Day | เดอะ ซิกซ์ เดย์.. วันล่าคนเหล็กอหังการ

The 6th Day | เดอะ ซิกซ์ เดย์.. วันล่าคนเหล็กอหังการ
เรื่องย่อ : The 6th Day | เดอะ ซิกซ์ เดย์.. วันล่าคนเหล็กอหังการ

ในอนาคตอันใกล้นี้ การโคลนนิ่งเป็นเทคนิคขั้นสูง แต่การโคลนนิ่งของมนุษย์ยังคงผิดกฎหมาย อดัม กิ๊บสัน (ชวาร์เซเน็กเกอร์) กลับบ้านหลังจากทำงานกับแฮงค์ มอร์แกน (ราพาพอร์ต) เพื่อนของเขา เพียงเพื่อตามหาร่างโคลนของตัวเองกับครอบครัว ก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้รู้ความจริง เขาถูกโจมตีโดยกลุ่มคนที่อยากให้เขาตาย อดัมต้องหลบหนีและค้นหาความจริงจากผู้สร้างโคลน ไมเคิล ดรักเกอร์ (โกลด์วิน) อดัมรู้ดีว่าเขาไม่สามารถถูกโคลนได้ แต่ยังไม่พร้อมสำหรับสิ่งที่เขาจะได้ยิน

IMDB : tt0216216

คะแนน : 6



อีกครั้งกับงานหนังไซไฟ-แอ๊คชั่น ของพี่บึ้ก Arnold Schwarzenegger ที่หลายๆ คนภาวนาว่าให้ออกมามันส์เหมือน Total Recall (ผมนี่ตัวภาวนาเลยล่ะครับ) แต่ผลที่ได้กลับไม่เป็นเช่นนั้นแฮะ

เรื่องราวของ อดัม กิ๊บสัน (พี่บึกอาร์นี่นั่นเอง) นักขับเครื่องบินมือฉมังที่จู่ๆ ก็กลับไปบ้านและพบว่าในบ้านของเขานั่น มีตัวเขาอีกคนโผล่เข้าไปแทนซะแล้ว อ้าว ไงล่ะทีนี้ ก็ต้องมาตามล่าหาความจริงกันว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

แม้มันจะไม่ใช่ผลงานที่ดีเด่อะไรนัก แต่หนังก็ทำได้เรื่อยๆ นะครับ ไม่อืดจนเกินไป และการแสดงของพี่บึ้กอาร์นี่ ก็นับว่าช่วยหนังไว้ได้พอสมควร แอ๊คชั่นก็แบบเรื่อยๆ ไม่ได้มากมายอะไรอีกนั่นแหละ ซึ่งถ้าคุณไม่ได้คาดหวังอะไรกับหนังเรื่องนี้ล่ะก็ มันก็พอดูแก้เซ็งได้ในระดับหนึ่ง พวกจินตนาการอะไรๆ มันก็ดูเป็นไปได้ครับ ติดดินแต่ก็ล้ำยุค งานโปรดักชั่นต่างๆ ต้องเรียกว่าทำได้ดีเลยล่ะ เพียงแต่เนื้อหามันพอเดาได้น่ะครับ แม้จะมีหักมุมบ้าง แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้หนังพลิกมาเหนือขึ้นแต่อย่างใด

ดาราเจ้าอื่นๆ ถือว่าแสดงได้โอเคครับ แม้จะไม่ถึงกับเด่นมากมายแต่ก็ทำให้หนังดูได้เรื่อยๆ อาจจะน่าเสียดายหน่อยกับบท ดร.กริฟฟิน เวียร์ ของ ลุง Robert Duvall ที่แม้ลุงเขาจะฝีมือดีและบทนี้น่าจะมีอะไรลึกซึ้งหากเล่นกับประเด็นดีๆ ล่ะก็ แต่บทก็ไม่ขับเน้นเท่าที่ควร และแรกเริ่มเดิมทีบทไมเคิล ดรักเกอร์ ตัวร้ายหลักของเรื่องนั้นเขาจะให้ Jack Nicholson มาแสดงครับ แต่เนื่องจากค่าตัวค่อนข้างสูงทีมงานเลยปรับให้อายุลดลงแล้วให้ Tony Goldwyn มาแสดงแทน

หนังกำกับโดย Roger Spottiswoode ผู้กำกับเจมส์ บอนด์ตอน Tomorrow Never Dies ซึ่งเขาตอบปฏิเสธงานกำกับบอนด์ภาคต่อมาอย่าง The World is Not Enough มาเพื่อทำหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ ในขณะที่ในแง่รายได้แล้ว ทำเงินในอเมริกาไปแค่ $34.6 ล้านครับ ถ้ารวมทั่วโลกก็ $96 ล้าน ส่วนทุนสร้างนั้นอยู่ที่ $82 ล้านครับ ดังนั้นหนังเลยจัดว่าล่มติดตัวแดงครับ

หนังเล่นกับประเด็นการโคลนนิ่งน่ะครับ ซึ่งช่วงนั้นกำลังฮิดเลยล่ะ ฟังแล้วมันก็น่าสนใจนะ ฝ่ายที่ทำการโคลนก็อ้างว่าทำเพื่อมนุษย์ชาติ เช่น ในประเทศที่อดอยาก การโคลนสามารถช่วยเพิ่มอาหารได้ เพิ่มปลาที่กำลังร่อยหรอในทะเลได้ ซึ่งคิดๆ มันก็ดีครับ แต่อีกฝ่ายก็มาบอกว่าเป็นเรื่องที่รับไม่ได้เพราะมันผิดธรรมชาติ จริงๆ การเถียงแบบนี้ผมว่ามันคนละเรื่องกันเลยนะ และแต่ละฝ่ายก็มีเหตุผลในแบบที่ถูกสำหรับฟากตนเอง อย่างที่อ้างเกี่ยวกับประเทศที่กำลังอดอยากเงี้ย การสร้างอาหารให้พวกเขามันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ นี่ก็มองจากมุมหนึ่ง แต่อีกพวกที่บอกว่ามันเป็นการฝืนธรรมชาติก็ถูกเหมือนกัน แต่ถูกในอีกมุมหนึ่ง

เฮ่อ เรื่องพวกนี้ผมว่าเถียงกันไปก็ทำอะไรไม่ได้น่ะครับ ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลของตนเอง แล้วก็ไม่มีใครตัดสินได้แน่นอนด้วยว่าใครถูก เรื่องแบบนี้เลยไม่มีวันจบครับ มันเถียงกันได้เรื่อยๆ น่ะแหละ

กลับมาเรื่องหนังนะครับ สรุปว่ามันก็โอเคน่ะครับ ไม่เด่นอะไรมากมาย พอดูแก้เซ็งได้ ขอเพียงไม่คาดหวัง