ค้นหาหนัง

Tears of the Sun ฝ่ายุทธการสุริยะทมิฬ

Tears of the Sun ฝ่ายุทธการสุริยะทมิฬ
เรื่องย่อ : Tears of the Sun ฝ่ายุทธการสุริยะทมิฬ

เรื่องเกี่ยวกับทีม navy seal ของสหรัฐอเมริกาต้องปฏิบัติภารกิจซึ่งได้รับมอบหมายให้นำตัว ดร.ลีน่า เคนดริค ซึ่งเป็นหมอและได้เข้าไปร่วมกับคณะเผยแพร่ศาสนาคริสต์ เพื่อรักษาผู้คนที่อยู่ในชนบทประเทศไนจีเรีย ซึ่งคนเหล่านี้เนื่องจากเป็นชาวบ้านและอยู่ห่างไกลความเจริญแถมยังมีภาวะสงครามจากกลุ่มกองกำลังปฏิวัติซึ่งเข้ามารุกรานชาวบ้าน เนื่องจากกองกำลังปฏิวัติได้เข้าปกครองและฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวบ้านจึงทำให้ดอกเตอร์ลีน่า ไม่ปลอดภัยสหรัฐจึงได้ส่งทีม navy seal ซึ่งนำทีมโดยพระเอกของเรื่อง bruce willis รับบทเป็น เรือโท เอ.เค. วอเตอร์ เมื่อทีมของพระเอกมาถึงก็ได้พบกับ ดร. ลีน่าและแจ้งว่าจะต้องนำตัว ดร.ลีน่ากลับ แต่กลับถูกปฏิเสธที่จะได้รับความช่วยเหลือดังกล่าว เพราะตัวเองอยากอยู่กับชาวบ้านทำให้กลุ่ม navy seal ที่ต้องทำภารกิจของตนให้สำเร็จต้องหาอุบายเพื่อจะนำตัวดร.ลีน่ากลับพร้อมพลเรือนสัญชาติอเมริกันกลับให้ได้จึงตัดสินใจออกอุบายที่จะพาชาวบ้านและกลุ่มของดร.ลีน่า ที่ดูแลอยู่ไปด้วยโดยบอกว่าจะพากลับไปยังจดนัดพบเฮลิคอปเตอร์

IMDB : tt0314353

คะแนน : 7



สำหรับ Tears of the sun นั้น เป็นหนังสงครามต้นยุค 2000 อีกเรื่องที่รู้สึกว่ามัน Underrated ไปหน่อย ในแง่ของความที่หนังได้ผู้กำกับสายแอคชั่นเข้มๆ มาทำ มันเลยมีภาพลักษณ์ที่ดูเป็นหนังแอคชั่นการเอาชีวิตรอดจ๋าๆ มากกว่าที่จะถูกมองว่าสะท้อนความโหดร้ายของสงครามที่ตัวหนังก็ถ่ายทอดออกมาได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็คงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก หากคุณเป็นที่ชอบหนังสงครามอยู่แล้ว แต่ดันมองข้ามเรื่องนี้ไปจากความไม่มีกระแสของมัน เพราะถ้าชอบหนังสงครามแบบไม่ใหญ่มากแบบพวก We were soldirers, Act of Valor, Lone Survivor ที่มีความเป็นแอคชั่นนำมาก่อนแล้ว Tears of the Sun คือหนังอีกเรื่องที่ควรดูเลย

Tears of the Sun เป็นหนังกึ่งๆ สงครามอีกเรื่องในยุค 2000 ต้นๆ ที่ได้ดาราดังๆ อย่าง Bruce Willis มารับบทนำ พร้อมกับผู้กำกับสายแอคชั่นเข้มๆ อย่าง Antoine Fuqua เลยทำให้หนังออกมาในกึ่งหนังแอคชั่น การเอาชีวิตรอดของทีมในดินแดนที่ไม่คุ้นเคย ที่ทำออกมาได้อย่างสนุก มันส์ ลุ้นระทึกไปกับภารกิจตัวละคนได้อยู่ตลอดทั้งเรื่อง แม้ตัวบทจะไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ทั้งบรรยากาศ การดำเนินเรื่องที่ชวนติดตาม ฉากแอคชั่นเอาชีวิตรอดสุดระห่ำสมจริงตามสไตล์ของผู้กำกับแล้ว ก็ทำให้หนังเป็นที่ชื่นชมแน่ๆ แหละในเรื่องของความบันเทิง

แต่ส่วนที่คนดูชอบหนังเรื่องนี้ ดูท่าจะไม่ใช่แค่เรื่องความบันเทิงดูเอามันส์อย่างเดียว ที่ทำให้หนังเป็นที่ชื่นชอบของใครอีกหลายๆ คน แต่ทว่ามันยังพูดถึงเรื่องมนุษยธรรมในสงครามได้เป็นอย่างดี การถ่ายทอดความโหดร้ายของทหารกองกำลังปฏิวัติที่ปฏิบัติกับคนด้วยกันเหมือนไม่ได้เป็นมนุษย์ ความอำมหิตในระดับฆ่าล้างหมู่บ้าน ล้างเผ่าพันธุ์ ก็ดูเป็นอะไรที่สะเทือนใจเป็นอย่างมาก จนทำให้ตัวละครอย่างผู้หมวด วอเตอร์ส ถึงกับต้องยอมละเมิดคำสั่ง และใช้ความเป็นมนุษย์ในการปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้แทน

ซึ่งเมื่อ 2 ส่วนที่ดีของหนังมาผสานกันอย่างลงตัวนั้น มันเลยออกมาเป็นหนังสภาพที่บันเทิงไปควบคู่กับคุณภาพที่น่าสนใจ และเสริมให้เราเอาใจช่วยทีมทหารอเมริกันในหนังมากขึ้นให้รอดพ้นจากวิกฤตในครั้งนี้ ไปพร้อมๆ กับการช่วยเหลือชาวบ้านไปด้วยเช่นกัน จนเป็นส่วนผสมของแอคชั่น ดราม่าแบบเข้มๆ ที่ลงตัวมากๆ นับว่าเป็นหนังสงครามอีกเรื่องที่มีดีจนน่าเสียดายหากมันจะหายไปจากการพูดถึงตามกาลเวลาเช่นนี้ และถ้ามีโอกาสก็อยากจะให้ได้ลองรับชมกัน