IMDB : tt10731768
คะแนน : 5
เจสัน โมโมอา ได้เวลามาสลัดภาพความเป็นซูเปอร์ฮีโร่จ้าวสมุทรชั่วคราวกับผลงานใหม่ของเขาใน "Sweet Girl" หนังระทึกขวัญไล่ล่าสุดระทึก จากปมความแค้นที่นำพาไปสู่อันตรายที่กำลังคุกคามครอบครัวของเขา ในหนังที่เต็มไปสูตรสำเร็จเดิมๆ มีจุดที่ขัดใจ และหาความสดใหม่แทบไม่ได้ แต่กลับกลายเป็นว่ายังคงเป็นหนังที่ปลุกเร้าความระทึกใจที่คดูยังสนุกอยู่แบบหอมปากหอมคอพอไปได้
นี่เป็นผลงานการกำกับหนังใหญ่เรื่องแรกของ "ไบรอัน แอนดรูว์ เมนโดซา" โปรดิวเซอร์คู่บุญที่ทำงานกับ เจสัน โมโมอา มาแล้วหลายเรื่อง นี่อาจจะเป็นส่วนที่ทำให้วิสัยทัศน์และการถ่ายทอดผ่านงานหนังชิ้นนี้ออกมาในรูปแบบที่ค่อนข้างไหลลื่นด้วยดี แม้ว่าองค์ประกอบต่างๆ ในหนังจะค่อนข้างซ้ำซากจำเจกับหนังแนวระทึกขวัญไล่ล่าที่เคยเห็นมามานักต่อนัก และไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่เลยก็ตาม
บทหนังเรื่องนี้ได้ 2 นักเขียน "เกร็ก เฮร์วิตซ์" และ "ฟิลลิป ไอสเนอร์" มาช่วยขัดเกลาให้ พวกเขาอาจจะคร่ำหวอดอยู่ในวงการมาสักพัก แต่ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์มากนัก ทำให้บทหนัง Sweet Girl ออกมาในรูปแบบสูตรสำเร็จตั้งแต่เริ่มต้น ให้ความรู้สึกเหมือนกับนั่งดูหนังเกรดรองๆ ที่สร้างมาเพื่อฉายทางโทรทัศน์มากกว่าหนังสำหรับฉายในโรงภาพยนตร์ แต่กลับพลิกขั้วได้อย่างมีสไตล์ในช่วง 30 นาทีสุด ที่ทำให้คนดูต้องรู้สึกตื่นเต้น!
เจสัน โมโมอา ยังคงให้การแสดงที่ใช้ได้ตามมาตรฐานของเขา บทที่เขาได้รับอาจจะไม่ได้แตกต่างจากผลงานเรื่องก่อนๆ ของเขาสักเท่าไหร่นัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขามีเสน่ห์กับบทบาทในลักษณะนี้เป็นอย่างดี และก็ทำออกมาได้น่าพอใจอยู่ ในขณะที่ "อิซาเบลา โมเนอร์" เป็นความเซอร์ไพรส์ของหนังเรื่องนี้ สามารถมมองออกได้ว่าบทที่เธอได้รับมีอะไรซ่อนอยู่ มีเส้นเรื่องและมิติที่รอการค้นหา กระทั่งหนังได้ตัดสินใจเลี้ยวหักศอกกะทันหันในช่วงท้าย และปรับโทนอารมณ์ของหนังให้สนุกยิ่งขึ้น
โดยภาพรวมแล้วนั้น Sweet Girl มีกลิ่นอายของหนังทริลเลอร์ไล่ล่าหลายๆ เรื่องรวมกัน มีส่วนผสมแบบในแฟรนไชส์หนัง Bourne นิดหน่อย บวกกับหนังทวงแค้นอย่าง Taken และหนังบู๊สไตล์ที่ "เลียม นีสัน" ชอบได้รับบทนำอยู่ทุกวันนี้ หนังปูเรื่องอย่างราบเรียบไม่ค่อยน่าตื่นเต้น แต่ค่อนๆ ยกระดับความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ก่อนจะนำไปสู่จุดหักมุมที่ต้องทำให้คนดู...อ้าปากค้างได้
ความรู้สึกแรกของหนังเรื่องนี้คือสามารถดูได้เพลินๆ สนุกตามสูตรที่วางหมากเอาไว้ มีตัวละครที่หนักแน่นและมีตัวละครเป็นตัวถ่วงที่ชวนทำให้คนดูแอบรู้สึกหงุดหงิดอยู่เบาๆ ยังมีความไม่สมเหตุสมผลอยู่เต็มไปหมด เส้นเรื่องการสืบเสาะหาข้อเท็จจริงในหนังก็ยังไม่ค่อยหนักแน่นพอสักเท่าไหร่ จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงท้ายเรื่องได้บีบรัดตัวเองด้วยการหักมุมแบบน่าประหลาดใจ จึงทำให้หนังที่ออกจะดูน่าเบื่อๆ ทวีคูณความสนุกทดแทนขึ้นมาได้
ในท้ายที่สุดแล้ว Sweet Girl ก็เหมาะสมดีแล้วที่สร้างออกมาเป็นหนังฉายจอเล็กแบบนี้ เพราะหลายองค์ประกอบของหนังยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะไปสู้กับหนังเรื่องอื่นๆ บนบ็อกซ์ออฟฟิศ ถึงแม้ว่าหนังจะไม่ได้แย่อะไร แต่ก็ยังไม่ใชหนังที่ดีสมบูรณ์แบบเพียงพอที่จะน่าจดจำสักเท่าไหร่ เป็นหนังอาชญากรรมระทึกขวัญที่ระดับความเข้มข้นยังไต่ไปไม่ถึงที่ สตาร์ทติดเครื่องได้ช้า แต่ก็ยังพอมีรสชาติให้รู้สึกอร่อยอยู่