ค้นหาหนัง

Spy Kids 2: The Island of Lost Dreams | พยัคฆ์จิ๋วไฮเทค Spy Kids พยัคฆ์ไฮเทคทะลุเกาะมหาประลัย

Spy Kids 2: The Island of Lost Dreams | พยัคฆ์จิ๋วไฮเทค Spy Kids พยัคฆ์ไฮเทคทะลุเกาะมหาประลัย
เรื่องย่อ : Spy Kids 2: The Island of Lost Dreams | พยัคฆ์จิ๋วไฮเทค Spy Kids พยัคฆ์ไฮเทคทะลุเกาะมหาประลัย

สำรวจการผจญภัยเพิ่มเติมของ Carmen และ Juni Cortez ซึ่งตอนนี้ได้เข้าร่วมธุรกิจสายลับของครอบครัวในฐานะสายลับ OSS ระดับ 2 ภารกิจใหม่ของพวกเขาคือการกอบกู้โลกจากนักวิทยาศาสตร์ผู้บ้าคลั่งที่อาศัยอยู่บนเกาะภูเขาไฟที่เต็มไปด้วยสัตว์ในจินตนาการ บนเกาะที่แปลกประหลาดแห่งนี้ ไม่มีอุปกรณ์ใดๆ ของ Cortez ทำงาน และพวกเขาต้องพึ่งพาไหวพริบและกันและกัน เพื่อเอาชีวิตรอดและกอบกู้โลก

IMDB : tt0287717

คะแนน : 4



1 ปีต่อมา เขาก็กลับมาอีกครั้งครับ ผู้กำกับ Robert Rodriguez (El Mariachi, Desperado, Spy Kids) ก็พาเอา 2 พี่น้องคาร์เมน (Alexa Vega) กับจูนิ (Daryl Sabara) กลับมารับหน้าที่สายลับจิ๋วอีกหน ในภาคนี้พวกเขาก็ได้เป็นสายลับจิ๋วเต็มตัวแล้วล่ะครับ

และภารกิจที่ได้คือ การเดินทางไปยังเกาะลึกลับที่ว่ากันว่า มีสัตว์ประหลาดเต็มไปหมดและจากประวัติที่ผ่านมา ใครก็ตามที่ย่างกรายเข้าไปในเกาะนี้ จะไม่มีวันได้กลับออกมาอีกเลย เอาล่ะสิครับ แล้ว 2 สายลับจิ๋วเราจะรอดออกมาได้อย่างไร และความลับบนเกาะที่ว่านั้นคืออะไร

ดาราหน้าเก่ากลับมาครบทีมครับ นอกจากสองพี่น้องคอร์เตซแล้ว คุณพ่อคุณแม่คอร์เตซก็ตามมารับบทเดิม (Antonio Banderas ในบท เกรกอริโอ้ กับ Carla Gugino ในบทอิงกริด) แล้วเรายังจะได้เจอกับพ่อตาแม่ยายของเกรกอริโอ้ด้วยนะครับ ซึ่งได้ Ricardo Montalban กับ Holland Taylor มาเล่น ซึ่งไอ้จุดนี้ก็เพิ่มเสียงฮาได้อีกโขครับ เพราะในเรื่องนั้น เกรกอริโอ้กับแม่ยายนั่นโคตรจะไม่กินเส้นกันเลยแม้แต่น้อย ตีกันตลอด แค่ฉากแรกที่ทั้งคู่เจอกัน ก็บ้ากันแล้วล่ะครับ

ภาคที่แล้วหนังลุงทุนราวๆ 35 ล้านนะครับ (และโกยไปร้อยล้าน กำไรเพียบ) ส่วนภาคนี้ลงไปประมาณ 40 ล้าน ซึ่งก็ถือว่าไม่มากเลย เพราะงานทุกอย่างออกมาโอเคนะครับ อีกทั้งดาราสมทบนี่ก็เพียบและมืออาชีพทั้งนั้น ไม่ว่าจะ Steve Buscemi ในบทโรเมโร่ นักวิทยาศาสตร์ลึกลับผู้สร้างสัตว์ประหลาดบนเกาะนั่น ซึ่งก็โผล่มาแบบเพี้ยนๆ ตามเคยครับ … อ้าใช่ และในเมื่อมี Buscemi ในหนังของ Rodriguez แล้ว จะไม่มี Cheech Marin กับ Danny Trejo ได้อย่างไร ฮ่าๆๆ  ก็สะใจคอหนังพี่ Rodriguez ล่ะครับ

นอกจากนี้ยังมี Christopher McDonald มาเล่นเป็นประธานาธิบดี, Bill Paxton มาเล่นเป็นดิงค์กี้ วิงซ์ เจ้าของสวนสนุกสุดเพี้ยนในตอนต้นเรื่อง (ที่ของเล่นทุกอย่างโคตรบ้าครับ) รวมไปถึงการเปิดตัวครอบครัว กิ๊กเกิ้ลส์ ซึ่งก็เป็นครอบครัวสายลับแบบคอร์เตซเหมือนกัน แต่ก็เป็นคู่แข่งกันด้วยนะครับ ก็ได้ Mike Judge เจ้าของบทดอนนาก้อน กิ๊กเกิ้ลส์จากภาคแรกมาเล่นเป็นหัวหน้าครอบครัว แล้วก็ยังมี แกรี่ (Matt O’Leary) กับ เกอร์ตี้ (Emily Osment – น้องสาวของ Haley Joel Osment ไงครับ) ลูกๆ ทั้งสองที่มาเพื่อแข่งกับสองสายลับจิ๋วตระกูลคอร์เตซโดยเฉพาะ ซึ่งก็ตีกันมันส์ดีครับ

แล้วก็เช่นเคย ภาคนี้ก็ทำตามความฝันของผู้กำกับอีกแล้วครับ แต่เป็นความฝันอีกอัน นั่นคือ ความฝันแนวผจญภัย

คืออย่างนี้ครับ ถ้าใครเกิดทันสมัยโน้นนะครับ (ผมก็ไม่ทันหรอก) ที่พวกหนังผจญภัยกำลังบูม ยุคที่หุ่นสต็อปโมชั่นกำลังเป็นของใหม่ (พวกหุ่นปั้นที่เขาต้องถ่ายทีละสเต็ปแล้วก็เอามาต่อกันน่ะครับ) อย่างที่เราเห็นในหนังผจญภัยยุคก่อนอย่างพวก ซินแบดอะไรทำนองนี้ มันจะมีตัวประหลาดเป็นไฮไลท์เลยครับ แต่ละตอนของซินแบดคนดูก็จะลุ้นกันว่า ซินแบดจะไปเจอตัวประหลาดแบบไหนบ้าง พวกนี้แหละ ที่มาโผล่ในเรื่องนี้ ลองสังเกตดูสิครับว่าสัตว์ประหลาดแต่ละตัวที่โผล่ในเรื่องนั้น มันจะกึ่งสไตล์เก่าๆ อย่างพวกโครงกระดูกยังเงี้ย เก่าแก่ของแท้เลยครับ ก็เป็นการคารวะหนังผจญภัยยุคเก่าแบบกลายๆ อ้ะนะครับ

ส่วนตัวหนัง มันอ่อนกว่าภาคแรกอยู่พอสมควร มันจะไปเน้นเรื่องการผจญภัยไปยังสถานที่แปลกๆ มากกว่า แต่ไม่ต้องห่วง ดูการผจญภัยก็โอเคแล้ว สนุกออก … อืมม์ ผมหมายถึงในกรณีที่คุณชอบนะครับ คือถ้าเห็นว่าเรื่องพวกนี้มันหลอกเด็กก็คงจะไม่ชอบเท่าไหร่หรอก ส่วนผม ผมสนุกครับ ชอบ มันบ้าสมสไตล์หนังยุคเก่าดี ยิ่งเจ้าตัวประหลาดงูทะเลนั่น สุดยอดครับ สีสวยและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน ช่างคิดจางงงงงนะพี่ Robert

ก็เป็นภาคต่อที่ทำได้ไม่น้อยหน้าภาคแรกครับ แม้อะไรๆ จะไม่แน่นเท่า แต่ก็ออกมาสนุก ดูเพลิน ดาราเด็กๆ แต่ละรายก็เล่นได้ดีโคตรๆ (เขาคัดมาดีมากๆ ครับ ยอมรับจริงๆ) สนุกตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งฮาและลุ้น ช่วงท้ายตอนตีกันก็มันส์พอได้นะครับผมว่า

ถ้าชอบตอนแรกก็ต้องตามมาดูล่ะครับ เหมาะมากสำหรับเด็กๆ หรือผู้ใหญ่ที่ชอบหนังผจญภัยแบบไม่ต้องการเหตุผลอะไรมากมาย