ค้นหาหนัง

Snatch | ทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าเอ็งอย่าโวย

Snatch | ทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าเอ็งอย่าโวย
เรื่องย่อ : Snatch | ทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าเอ็งอย่าโวย

เรื่องราวของการปล้นเพชร 84 กะรัต สุดมั่ว ที่มีทั้งพ่อค้าเพชร, โจรกระจอก, นักพนัน, คนขายปืน, อดีตหน่วย KGB, โปรโมเตอร์มวนใต้ดิน, เจ้าของบ่อนสล็อต เข้ามาพัวพัน จนเกิดเป็นเหตุการณ์ฝนตกขี้หมูไหล คนจัญไรมาพบกัน จนยากจะคาดเดาว่าสุดท้ายแล้วเพชรจะตกไปอยู่ที่ใคร

IMDB : tt0208092

คะแนน : 8



สำหรับ Snatch นั้น เป็นหนังที่ความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามสไตล์ผู้กำกับ Guy Richie ที่สูงมาก ดังนั้น มันอาจจะไม่ใช่หนังสำหรับทุกๆ คน อย่างน้อยๆ ก็กับคนที่ไม่ชอบหนังที่ขับเคลื่อนด้วยบทสนทนา และเรื่องราวแบบกาวๆ ที่ลากไปสู่บทสรุปที่ชวนวายป่วง แต่สำหรับคนที่รู้จักกับ Guy Richie มาจากหนังก่อนหน้าของเขา หรือ ชอบหนังที่มากล้นไปด้วยสไตล์แล้ว นี่คือหนังที่จะตอบโจทย์คุณได้อย่างแท้จริง ไม่ต่างอะไรกับหนังอย่าง Lock, Stock and Two Smoking Barrels และ Trainspotting ที่ทำออกมาได้ดีงามกว่าด้วยซ้ำ

สายหนังกายริชชี่, สายหนังสไตล์ยียวน, สายหนังเน้นบทสนทนา

Snatch นี่เป็นหนังที่เอามาเล่าได้ยากมาก ขนาดว่าเรื่องย่อ ก็ยังคงใส่ได้ประมาณหนึ่ง เพราะไม่ว่าจะเล่ายังไงก็ดูเหมือนจะเป็นการสปอยล์และทำลายเสน่ห์หนังไปจนหมด ด้วยเรื่องราวสุดสลับซับซ้อน ประกอบกับตัวละครที่มีมากหน้าหลายตา ทำให้คนดูต้องตั้งสมาธิในการรับชมหนังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพื่อพิจารณาถึงเหตุการณ์ในหนังว่า ใครเป็นใคร เกี่ยวข้องกันอย่างไร และจะทำอะไร ซึ่งในส่วนนี้ก็ต้องปรบมือให้กับ Guy Richie จริงๆ ในการเขียนบทสุดเฉียบได้ออกมามาบ้าบอคอแตก และชุลมุนไปกับสถานการณ์มากๆ นอกจากนี้การกำกับก็ยังถ่ายทอดมันออกมาให้เข้าใจง่ายได้อยู่ตลอดทั้งเรื่อง

ด้วยการดำเนินเรื่องที่มีชั้นเชิง และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในแบบที่ถ้าใครไม่ชอบก็เกลียดเลย เหมือนอย่างหนังเล็กๆ เรื่องอื่นๆ ของเขา อย่าง Lock, Stock and Two Smoking Barrels ที่เน้นการเล่าเรื่องที่สลับซํบซ้อนผ่านทางบทสนทนายาวเหยียดของตัวละครเช่นกัน ซึ่งกับคนที่หลงรักสไตล์ของเขาแล้ว ก็รักหนังสไตล์นี้ของผู้กำกับ Guy Richie ได้ไม่ยาก แต่ในขณะเดียวกันนั้น คนที่มาดูแบบงงๆ ก็จะร้องอิหยังวะไปกับหนังทั้งเรื่องว่ามันต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ ซึ่งเผอิญว่าเราดันอยู่ในส่วนแรกก็เลยแจกคะแนนให้กับหนังไปแบบไม่ต้องคิดมากนัก กับความบันเทิงที่หนังนั้นมอบกลับมาให้

ในแง่ของทีมดาราแต่ละคนก็ออกมาเท่ และปั่นประสาทดีมากๆ แม้ว่าสำเนียงของพวกเขาออกสไตล์ยุโรปฟังยากไปสักหน่อย (จริงๆ ก็ไม่หน่อยหรอก) แต่ก็เป็นเสน่ห์ให้กับหนังได้ไม่น้อย รวมถึงคาแรคเตอร์ของแต่ละคนที่ออกแบบมาได้น่าจดจำ แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางดาราอีกมากมายก็ตาม แต่ทุกตัวก็สามารถเชื่อมโยงกันไปหมดได้สนุกดี นับว่าเป็นหนังสไตล์ตลกร้ายอีกเรื่องที่เต็มไปด้วยรายละเอียดที่น่าสนใจ และสร้างความบันเทิงได้เป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้ก็ต้องย้ำอีกครั้งว่ามันอาจจะไม่ใช้หนังสำหรับทุกคนด้วยสไตล์เฉพาะตัวที่สูง หากไม่ชอบหนังประเภทยียวนบทพูดเยอะๆ อาจจะเกลียดมันไปเลยก็ได้ แต่สำหรับหลายๆ คนก็ต้องยกให้มันเป็น Masterpiece ของผู้กำกับ Guy Richie จริงๆ