ค้นหาหนัง

Slither สลิทเธอร์ เลื้อย...ดุ

Slither สลิทเธอร์ เลื้อย...ดุ
เรื่องย่อ : Slither สลิทเธอร์ เลื้อย...ดุ

เมื่ออุกบาตตกลงมาในเมืองเล็กๆที่แสนสงบสุข วีลซี่ แต่ทว่าไม่ใช่เพียงแค่อุกบาตเพียงอย่างเดียวที่ตกลงมา มันพาเหล่าปรสิตเลื้อยคลานน่าขยะแขยงตกลงมาด้วยเหล่าปรสิตที่สามารถเข้ายึดร่างกายมนุษย์เพื่อเข้าไปควบคุมให้ทำตามที่พวกมันต้องการโดยการเข้าทางปากหรือส่วนไหนๆก็ตามที่มีช่อง หากโดนเจ้าปรสิตพวกนี้ยึดร่างแล้วร่างกายจะค่อยๆกลายสภาพเน่าเละเฟะไปเรื่อยๆกลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด ไล่กินกัดสิ่งมีชีวิตทุกชนิด จากนั้นก็จะขยายพันธุ์ออกไปเรื่อยๆไม่จบไม่สิ้น คราวนี้ถึงเวลาที่ชาวเมืองจะต้องร่วมกันสู้ก่อนที่มันจะแพร่พันธุ์จนไม่มีมนุษย์หลงเหลือ

IMDB : tt0439815

คะแนน : 6



ตัวอย่างของหนังเรื่องนี้จัดว่าอหังการมากเลยนะครับ ถึงขนาดประกาศตัวว่าจะเป็นหนังที่เดินตามรอยหนังสยองระดับดังๆ ทั้งหลาย ด้วยการขึ้นแท่นเป็นหนังสยองชื่อดังประจำปี 2006 เนี่ย อืมม์ แล้วมันจะไปถึงตรงนั้นได้มั้ยหว่า

ตอนแรกก็กะวิ่งเข้าไปดูในโรงเหมือนกันครับ เพราะตัวอย่างมันแหยงจริงๆ นะ กะว่าสยองเต็มที่แน่ๆ ดูในโรงก็จะได้เต็มจอไปเลย แล้วไอ้ตัวเลื้อยๆ นั่นก็หยึยๆ อีก ก็คาดว่าน่าจะสนุกล่ะครับ แต่ก็นั่นแหละหนาคาดๆๆๆ มันไม่เท่ากับดูเองหรอกครับ ชัวร์สุด

หนังเดินตามสูตรหนังสยองเกรดบีแบบจงใจเลยครับ คือเปิดเรื่องมาก็พูดถึงเมืองเล็กๆ อันเงียบสงบ มีตำรวจสองนายนั่งคุยกันในรถ (ตามสูตรเป๊ะๆ ครับ ถ้าไม่ใช่ตำรวจก็ต้องเป็นหนุ่มสาวนั่งคุยกันและพยายามจะมีความสัมพันธ์กัน ไม่เคยมีครับที่จะเป็นอย่างอื่น)

แล้วก็มีอุกกาบาตพุ่งลงมาในเขตป่าแถวนั้นพอดี (ต้องลงที่เขตป่าครับ ไม่มีเล้ยที่มันจะพุ่งมาชนปั้มน้ำมันหรือโรงงานนิวเคลียร์ มันจะได้ตายกันหมดไอ้พวกตัวบ้าเนี่ย )

จากนั้นก็แนะนำตัวละครหลักๆ ครับ ตั้งแต่ บิลล์ พาร์ดี้ (Nathan Fillion) ผู้รักษากฎหมายสุดหล่อ ที่แอบมีใจให้ สตาร์ล่า (Elizabeth Banks) ครูสาวสุดสวย แต่สตาร์ล่านั้นก็แต่งงานแล้วครับ แต่งกับนายแกรนต์ (Michael Rooker) ซึ่งแก่กว่าเธอตั้งหลายปีแน่ะ

แล้วไม่นานจากนั้นก็ต้องมีตัวละครเคราะห์ร้ายซักตัวหนึ่งเดินไปเห็นเศษซากอุกกาบาต แล้วก็อยากรู้อยากเห็นครับว่า “โอ้ เจ้าสิ่งนี้ประหลาดจริง มันคืออะไรกันนี่?” แล้วก็โดนมันทะลวงเข้าไปสิงร่างตามระเบียบ (… อยากพูดประโยคเดิมครับ … “ถ้าเป็นผมล่ะแค่เห็นแสงแว่บๆ ในป่าก็ใส่ตีนหมาโกยอ้าวไม่คิดชีวิตแล้ว”)

แล้วเรื่องมันก็ต้องดำเนินแบบเรื่อยๆ พักหนึ่งก่อนไอ้ปรสิตบ้านี่จะออกฤทธิ์อาละวาดคร่าชีวิตชาวเมือง ซึ่งก็มีแต่พระเอกเท่านั้นที่จะหาทางหยุดยั้งและปราบเจ้าพวกตัวบ้านี่ให้สิ้นซากไป

นี่แหละครับ เรื่องตามสูตร จริงๆ ผมว่าเข้าท่านะ อันนี้พี่ James Gunn คนเขียนบทและกำกับแกก็จับจุดต่างๆ มาได้พอควรล่ะครับ

แต่ก็ยังมีจุดโหวงๆ อีกพอควรเหมือนกัน

เรามาว่ากันแบบแยกส่วนประกอบตัวหนังนะครับ มาซอยกันหน่อย แล้วค่อไยปสรุปรวมอีกที คือตัวหนังนั้นเปิดมาโอเคครับ มีอุกกาบาตหล่นมาตามสูตรก็ดี แต่พอพ้นช่วงนั้นมาหนังออกจะเรื่อยๆ ไปหน่อย คือเรื่อยอยู่ราวๆ ครึ่งเรื่องเลยล่ะครับ หนังยาว 95 นาทีนะครับ ก็บอกได้ว่าราวๆ 40 นาทีแรกของหนังมันค่อนข้างเรียบเรื่อยไปหน่อย คือจริงๆ ช่วงต้นๆ ซัก 20 นาทีจะเรื่อยก็ไม่ว่ากันครับ แต่หลังจากนั้นมันน่าจะมีอะไรมากกว่านี้ได้แล้ว ถึงเวลาสยองแล้วล่ะครับ ไม่ควรทิ้งนานเกินไปเพราะมันจะน่าเบื่อเอาได้ และในเรื่องมันก็ทิ้งนานไปนิด อีกอย่างคือพอถึงคราวสยองหรือแหวะมันก็ยังไม่ถึงขีดที่ควรเป็น กว่าจะได้สยองแหยะแหวะเต็มขั้นก็ไปเข้าไปครึ่งเรื่องนั่นแหละครับ ก็ถ้าว่ารวมๆ คือครึ่งแรกค่อนข้างอืดและชืดไปนิด น่าจะมีอะไรมาดึงความสนใจมากกว่านี้หน่อย คือเอาแค่เรื่องดราม่าที่ไม่ค่อยจะดราม่าของตัวละครมานำเสนอนั้นมันก็ออกจะผิดจุดไปหน่อยน่ะครับ เพราะคนที่มาดูหนังเรื่องนี้ก็อยากดูอะไรสยองๆ มากกว่า

แต่ดีครับ ดีที่ครึ่งหลังของหนังไม่ทำให้ผิดหวังนะ เริ่มจากเจ้าตัวร้ายตัวใหญ่สุดที่เป็นตัวละครตัวหนึ่งที่โดนมันสิง แล้วก็ค่อยๆ กลายสภาพนั่น สภาพมันน่ากลัวมากครับ ดูแล้วสยองจริงๆ แล้วยังมีตัวผู้หญิงที่โดนมันเอาไข่ไปฝังอีก แม่คุณที่ตัวโป่งพองนั่นแหละครับ โอยยยยย ดูไม่ได้เลย แล้วยังจะได้ตัวเลื้อยๆ ที่มีมากมายนั่นอีก สยองครับ บอกได้เลยว่าขยะแขยงดีมากๆ ตอนมันบุกบ้านของ ไคลี่ (Tania Saulnier) สาวน้อยในอ่างอาบน้ำนั่นทำได้ดีเลยล่ะครับ ดูสยองมาก แล้วหนังก็ถือว่าโอเคไปจนถึงตอนจบของเรื่อง ก็ว่ากันง่ายๆ ว่าช่วงครึ่งหลังของหนังจัดว่าสนุกใช้ได้ล่ะครับ ยิ่งได้ดาราจอมกวนประสาทอย่าง Gregg Henry มารับบทเป็นแจ๊ค แม็คเรดี้ นายกเทศมนตรีจอมปากเสียที่พล่ามได้ตลอด ก็เป็นอีกตัวหนึ่งที่เพิ่มสีสันให้ครึ่งหลังของหนังได้เป็นอย่างดี

แต่กระนั้นนะครับ หนังก็ยังไม่สมบูรณ์หรอก คือเข้าท่าเป็นช่วงๆ เท่านั้น ไอ้ที่โอเคก็คือตอนครึ่งหลังมา แต่ครึ่งแรกนั้นอืดเอ่ยไปหน่อย ส่วนดารานั้นก็ค่อนข้างธรรมดาครับ ไม่ว่าจะพระเอกอย่าง Nathan Fillion ที่พี่แกก็มีความเป็นโมโนโทนติดตัวมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว หรือจะ Elizabeth Banks ก็เหมือนจะมาสวยอย่างเดียว หรือพี่ Michael Rooker เองก็เถอะครับ แม้เรื่องก่อนๆ แกจะขโมยความเด่นได้เสมอ ขนาดหนังสามัญโคตรๆ อย่าง Bram Stoker’s Shadowbulider พี่ท่านยังดันตัวเองให้เด่นได้เลย แต่เรื่องนี้กลับชืดๆ ซะอย่างนั้น ส่วนสาวน้อยในอ่างน้ำอย่าง Tania Saulnier ตอนแรกก็ทำท่าว่าจะมาแรงครับ แต่ก็ดันแรงแค่ช่วงตอนครึ่งเรื่องพอดีเท่านั้นแหละ พอผ่านช่วงครึ่งเรื่องนั่นมา ก็กลายเป็นบทสมทบไปซะแล้ว

อย่างที่บอกน่ะ รายที่เด่นจริงๆ มีแค่ Gregg Henry เท่านั้น ดีไม่ดีถ้าไม่มีแกคอยปากเสียล่ะหนังอาจจะจืดกว่านี้ก็ได้นะครับท่านผู้ชม

ครับ ผมบอกไว้ตอนต้นนะฮะ ว่า James Gunn คนทำนั้นไม่เลวเลยที่จับจุดเด่นของหนังสยองหลายๆ อันเข้ามาผสมไว้ในเรื่องนี้ แต่มันก็ยังไม่ถือว่ามากพอครับ อย่างช่วงต้นเองก็ไม่มีอะไรมากไปหน่อย หรือตอนครึ่งหลังแม้จะโอเค แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะสนุกแบบตลอดนะครับ เพราะผมว่า The Faculty ก็ยังทำได้สนุกกว่ามาแล้ว จุดที่ Slither ทำได้ถึงจริงๆ คือความแหวะน่ะครับ สยดสยองขยะแขยงอันนี้ไม่มีข้อโต้แย้งแต่ประการใด ดูแล้วรู้สึกตัวเหนอะหนะขึ้นมายังไงก็ไม่ทราบ แต่ส่วนการสู้กับพวกบ้านั่นก็ไม่มากมายหรือจะการสร้างความหวาดผวาให้คนดูอย่างที่ควรจะมีก็ไม่มีเหมือนกัน เช่น ตามปกติหนังแนวนี้มันต้องมีฉากที่ไอ้ตัวพวกนี้ไปไล่ตอดชาวบ้านให้มันรู้สึกสยดสยองและสลดหดหู่น่ะครับ แต่ในเรื่องนี่ไม่มีเลย กลายเป็นเหมือนกับตัวพวกนี้มันจู่โจมแค่พวกพระเอกเป็นหลัก แต่พอดูๆ ไปก็มีเหยื่อไอ้พวกนี้ออกมาเดินป้วนเปี้ยนเพิ่มขึ้น ก็แสดงว่ามันต้องอาละวาดทั่วเมืองจริงมั้ยล่ะครับ ก็ให้เสียดายเหมือนกัน มันเลยไม่ครบเครื่องเรื่องภาพสยองน่ะครับ

สรุปคือมันก็เป็นหนังสยองที่ไม่เลวครับ แนวสัตว์ประหลาดไล่ทำร้ายคนที่ไม่เลว แต่มันก็ยังไม่เต็มที่ หรือจะการกัดหนังสยองเรื่องอื่นก็มีแบบพอประมาณเท่านั้น ไม่ได้มากมายอย่างที่คาดไว้ ลูกเล่นยังไม่เต็มที่น่ะครับว่างั้นเถอะ ดังนั้นหนังก็เลยยังไม่สามารถจะไปถึงระดับเจ๋งๆ ของหนังแนวสยองได้ แต่ก็ผ่านครับ ดูได้ไม่ผิดหวังนัก ที่ผมบ่นๆ อาจเพราะผมหวังมากอยู่ล่ะมั้งครับ แต่ถ้าไม่หวังก็น่าจะโอเค แต่ไม่รู้สิ ผมออกจะชอบหนัง Night of The Creeps มากกว่า คือไอ้เรื่องที่ว่านี่ออกมาแนวเดียวกันเลยคับ แต่สร้างนานแล้วนะ ตั้งแต่ปี 1986 มีตัวประหลาดเป็นปรสิตบุกทำให้คนเป็นซอมบี้แบบนี้เช่นกัน ซึ่งอันนั้นออกจะสนุกครับ มีการกัดแบบฮาดี แล้วตัวปรสิตนั่นก็มีลูกเล่น มีบทบาทมากกว่าในเรื่อง Slither นี่อีก

ก็ดูได้เรื่อยๆ ครับ ไม่เลวน่ะ อย่างน้อยถ้าจะดูเอาขยะแขยง ผมว่าเรื่องนี้ก็ตอบสนองได้ดีครับ