ค้นหาหนัง

RoboCop 3 | โรโบคอป ภาค 3

RoboCop 3 | โรโบคอป ภาค 3
เรื่องย่อ : RoboCop 3 | โรโบคอป ภาค 3

ภาพยนตร์เรื่องนี้กล่าวถึงเรื่องราวของโรโบคอป ที่ยังต้องกลับมารับมือกับเหล่าร้ายต่อไปแต่คราวนี้ผู้ร้ายที่เขาต้องต่อสู้กลับเป็น OCP บริษัทที่สร้างเขาขึ้นมา นั่นก็เพราะบริษัทนี้กลายเป็นบริษัทหน้าเลือดอย่างเต็มตัวไปแล้วโรโบคอป กับ แอน ลูอิส คู่หูจึงต้องร่วมมือกับกองกำลังต่อต้านการเวนคืนที่ดินอย่างไม่เป็นธรรมนี้และพวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับ พอล แม็กดักเกท จอมวายร้ายที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อกวาดล้างชาวบ้านและหุ่นยนต์นินจาที่ถูกส่งมาต่อกรกับโรโบคอปโดยเฉพาะ

IMDB : tt0107978

คะแนน : 4



เรื่องนี้ไม่เป็นที่ชื่นชอบของคนดูสักเท่าไหร่ครับ อย่างแรกอาจเป็นเพราะหนังถูกลดทอนความรุนแรงลงไป คิดดูครับ ภาคก่อนๆ นี่ติดเรท R ตลอดมา เลือดและฉากโหดๆ มีนับไม่ถ้วน แต่มาภาคนี้เหลือแค่ PG-13 ซึ่งแปลว่าเด็กดูได้ ผลลัพธ์ของหนังที่ออกมาก็เป็นหนังสำหรับเด็กจริงๆ นั่นแหละครับ ซึ่งในแง่หนึ่งก็ดูเหมือนว่าจะเป็นการขยายตลาดคนดูว่าไหมครับ พอเด็กดูได้ เงินก็น่าจะได้มากขึ้น

แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิครับ

เพราะฐานแฟนดั้งเดิมของหนังโรโบคอปนั้น ส่วนใหญ่จะชอบที่หนังมีความรุนแรงและมันส์สะใจแบบไม่ตัดทอน ทำให้ 2 ภาคแรกได้รับการตอบรับทางรายได้ในระดับที่น่าพอใจ แต่พอหนังอ่อนลง แฟนๆ ขาโหดก็เลยผิดหวัง ออกมาบ่นกันอุบว่าหนังไม่มันส์และไม่สะใจเท่าที่แล้วมา ผลออกมาเลยกลายเป็นความเจ๊งครับ (หนังลงทุน 22 ล้าน ได้คืนมา 10 ล้านครับ เจ๊งสนิท)

แต่สำหรับผมแล้ว บอกตรงๆ ว่ารู้สึกรับได้ครับ คือดูแบบไม่คิดมากและถอดความคาดหวังแบบ 2 ภาคแรกออกไปจากหัว แล้วก็ดูเหมือนดูพวกจีบันน่ะครับ หุ่นเหล็กไฮเทค มีอาวุธใหม่ๆ แล้วยังบินได้อีกต่างหาก – โหมดเหมือนดูหนังตำรวจอวกาศของญี่ปุ่นประมาณนั้น

แม้หนังจะอ่อนลง แต่ผมก็ยังชอบประเด็นในเรื่องครับ ไม่ว่าจะเรื่องการไล่ที่ชาวบ้านตาดำๆ ประมาณว่าบริษัท OCP มากว้านซื้อที่แล้วก็ไล่คนออกไปโดยอ้างว่าจะสร้างเมืองใหม่เพื่ออนาคต แต่กลายเป็นว่าคนที่โดนไล่แทบจะไม่เหลืออนาคต บางคนถึงกับต้องหมดลมหายใจลงไป

หรือการที่เหล่าตำรวจไม่ยอมก้มหัวให้กับ OCP อีกต่อไป จุดนี้ในฐานะที่ดูหนัง Robocop มาตลอดก็จะเห็นครับว่า OCP กดขี่สับโขกเหล่าตำรวจมากแค่ไหน ทีนี้เมื่อถึงจุดที่พวกเขาทนไม่ได้ จึงตัดสินใจเลือกข้างช่วยชาวบ้านแทนที่จะช่วยพวก OCP อย่างที่เคยเป็น ประเด็นนี้จริงๆ ถือว่าน่าสนใจในแง่ของพัฒนาการของเนื้อเรื่อง

แต่ก็นั่นล่ะครับ พล็อตจริงๆ น่าสนใจ แต่ด้วยการเล่าเรื่องที่อ่อนลง ความรุนแรงลดลง ความเข้มข้นสะใจลดลง เลยทำให้ความอร่อยไม่มากเท่าที่ควร

ด้านนักแสดงก็ถือว่าเรื่อยๆ ครับ Burke มาแสดงแทน Peter Weller เจ้าของบทเดิม เพราะ Weller ติดงานหนังเรื่อง Naked Lunch พอดี แต่ความเด่นก็ถือว่าไม่มากครับ คนที่เด่นนี่ผมว่ามีแค่ Jill Hennessy ที่มาแสดงเป็น ดร.ลาซารัส คนที่คอยดูแลโรโบคอปอยู่ เธอดูน่ารักนะครับ ยอมรับเลยว่าตอนดูนี่ชอบเธอเยอะอยู่ แต่ก็นั่นแหละครับ ผมเอาใจช่วยดาราคนไหน ดาราคนนั้นมักไม่ดังทุกที

จริงๆ หนังเรื่องนี้ทำเสร็จตั้งแต่ปี 1991 แต่กว่าจะได้ฉายนี่ปี 1993 ครับ สาเหตุมาจากบริษัท Orion ผู้สร้างหนังชุดนี้เกิดมาล้มละลายเอาช่วงนั้นพอดี เลยทำให้กว่าจะฉายก็หลายปีล่วงมา ครั้นพอได้ฉายก็หลุดโฟกัสอีก เลยทำให้ภาคต่อของ RoboCop ต้องยุติลง

Fred Dekker คือผู้กำกับภาคนี้ครับ ก่อนหน้านี้เขาเคยมีผลงานสนุกๆ อย่าง The Monster Squad (ซึ่งก็เป็นหนังปราบปีศาจสำหรับเด็กอีกนั่นแหละ) สำหรับการทำหนังภาคนี้ Dekker บอกว่าตอนทำนั้นเขาสนุกกับการกำกับครับ ทีมงานและเพื่อนร่วมงานล้วนเป็นมืออาชีพ และภายหลังเขาก็ออกมายอมรับว่าหลายๆ อย่างในหนังอาจดูไม่เวิร์กนักสำหรับความเป็น RoboCop โดยเฉพาะความรุนแรงที่ถูกลดลง (อันเนื่องมาจากคำขอของสตูดิโอครับ – นึกแล้วก็แอบขำนะ ทั้งๆ ที่ภาค 2 ก็มีฉากแซวโรโบคอปเวอร์ชั่นรักเด็กแท้ๆ แต่สุดท้ายผู้สร้างก็ดันทำให้โรโบรักเด็กขึ้นมาจริงๆ ซะงั้น)

และเขายังเปิดเผยด้วยว่าใจจริงแล้วเขาอยากทำหลายๆ ฉากให้ออกมามีลูกเล่นมากกว่าที่เป็น เช่น การต่อสู้ระหว่างโรโบคอปกับหุ่นนักฆ่าจากญี่ปุ่นนั้น เขากะจะให้สไตล์มันออกมาแบบหนังกังฟูฮ่องกงเลยครับ กะจ้างสตันท์มาจากฮ่องกงเลย แต่เนื่องจากทุนที่จำกัดเลยไม่ได้ทำตามที่ใจคิด (ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าถ้าเขาทำตามนั้นจริงๆ แล้วแฟนๆ จะคิดยังไงน่ะนะครับ)

สรุปว่าภาคนี้คนมากมายไม่ปลื้มครับ ส่วนผมดูแบบขำๆ ก็เอิ้กอ้ากไปตามเรื่อง… อย่างที่บอกน่ะครับ เหมือนดูจีบันน่ะ