ค้นหาหนัง

Ride Along 2 | คู่แสบลุยระห่ำภาค 2

Ride Along 2 | คู่แสบลุยระห่ำภาค 2
เรื่องย่อ : Ride Along 2 | คู่แสบลุยระห่ำภาค 2

เบน เข้ามารับราชการตำรวจ โดยมีความใฝ่ฝันที่ก้าวไปเป็นตำรวจสืบสวนแบบ เจมส์ ว่าที่พี่เขย ขณะที่เขากำลังวางแผนแต่งงานกับ แองเจล่า แฟนสาว เบน ก็ได้รับมอบหมายไปปฏิบัติงานร่วมกับ เจมส์ ตามคำขอร้องของ แองเจล่า และ ผู้หมวดบรู๊คส์ โดยมีเป้าหมายในการทลายแก๊งค้ายาที่ไมอามี.M.

IMDB : tt2869728

คะแนน : 4



ภาคแรกของเรื่องนี้ผมชอบเลยล่ะครับ คือมันอาจจะไม่ได้สนุกสุดๆ อะไรนะ แต่มันเพลินน่ะครับ ดูแก้เครียดได้เรื่อยๆ เอามาดูซ้ำก็ยังขำได้อีก มันเลยกลายเป็นหนังโปรดในหลายปีให้หลังของผมไปโดยปริยาย (ว่าง่ายๆ คือหยิบมาดูบ่อยๆ นั่นแหละครับ)

พอมาถึงภาคต่อนี่ ทีมงานเดิมก็มากันครับ กับการกลับมาของพี่เขยสายโหดนามว่า เจมส์ (Ice Cube) กับน้องเขยสายบ๊องนามว่าเบน (Kevin Hart) ซึ่งภาคนี้เบนกำลังจะแต่งงานกับแองเจล่า (Tika Sumpter) น้องสาวของเจมส์อยู่รอมร่อครับ

แต่พอดีเจมส์มีภารกิจต้องสืบคดีที่ไมอามี่ แล้วเบนก็ตามไปด้วย ซึ่งก็คงพอเดาได้น่ะนะครับว่ามันต้องมีความวุ่นความบ้าตามมาอีกเพียบแน่นอน

ภาคนี้อาจไม่ลงตัวเท่าภาคแรกนะครับ แต่ยังพูดได้เต็มปากว่าสนุกอยู่ ความบ้าสไตล์ Hart ยังคงได้ใช้ผลครับ เช่นเดียวกับความเข้มของ Cube ที่เข้ากับความขำของหนังได้อย่างดี เพียงแต่จังหวะตบมุขอาจไม่ลงล็อคเต็มที่แบบภาคแรก รวมถึงเนื้อหาที่อาจจะดูโล่งกว่าภาคก่อนนิดหน่อย แต่ถ้าดูกันโดยรวมๆ ก็ถือว่าหนังตอบโจทย์ความบันเทิงได้อยู่ครับ

นอกจากดาราเดิมแล้ว ก็ยังได้ Benjamin Bratt มารับบทวายร้ายประจำตอน ซึ่งดีกรีความเด่นของพี่แกก็ยังไม่เยอะครับ ในขณะที่บทตัวโจ๊กอย่าง Ken Jeong ก็เสริมความฮาของหนังได้เป็นพักๆ (เพียงแต่อาจไม่ได้มากเท่าสมัยแกเล่น The Hangover)

และที่ลืมไม่ได้คือสาวเสน่ห์แรง Olivia Munn กับบทเจ้าหน้าที่ตำรวจไมอามี่ที่ต้องมาร่วมงานกับเจมส์ ซึ่งบทของเธอจริงๆ ก็เหมือนจะถูกสร้างมาเพื่อเข้าคู่กับเจมส์นั่นแหละครับ แต่จังหวะต่างๆ อาจไม่ทำให้เรารู้สึกว่า 2 คนนี้จะปิ๊งปั๊งกันสักเท่าไร แต่คาดว่าถ้ามีภาคต่อไปอีก บทของเธอก็น่าจะมากขึ้นน่ะครับ

Tim Story กลับมากำกับเหมือนเดิมครับ ซึ่งผมว่าพีแกเหมาะกับการทำหนังแบบพล็อตไม่ต้องหนัก แต่เน้นความสนุกเป็นหลักแบบนี้น่ะนะครับ เพราะพอลองย้อนดูงานๆ เก่าของแกอย่าง Fantastic Four ก็รู้สึกว่าแกเหมาะกับหนังดูเพลินๆ แบบไม่ต้องคิดมากดี

แต่ไปๆ มาๆ ผมว่าหนังชุด Think Like a Man น่าจะเป็นผลงานที่เขาทำได้ลงตัวที่สุดครับ หรือถ้าใครยังจำได้ จะพบว่า Barbershop ที่มาภาคต่อออกมาหลายตอนนั้น ก็มีเขานี่แหละที่ทำภาคแรกนำร่องเอาไว้

สรุปว่าภาคนี้สนุกดีครับ ดูได้เพลินๆ ด้านการสืบคดีอาจไม่ซับซ้อนอะไร แต่ผมเชื่อว่าหลายคนยินดีจะดูเพื่อความขำ ดูเพื่อคลายเครียดกันอยู่แล้ว ซึ่งหนังก็ตอบโจทย์ที่ว่าได้ดีพอสมควร เรียกว่าเป็นรองภาคแรกอยู่เล็กน้อย แต่ดูแล้วก็ทำให้เรายิ้มได้ไม่แพ้กัน

ไม่รู้เหมือนกันว่าหนังจะมีทำต่อออกมาอีกไหม เพราะถ้าว่าในแง่รายได้ก็ถือว่าไม่เลวครับ ทำไปทั่วโลก $124 ล้าน จากทุนแค่ $40 ล้านเท่านั้น (แต่ก็ยังน้อยกว่าภาคแรกที่ทำไป $150 ล้าน จากทุนแค่ $25 ล้านเท่านั้น)