IMDB : tt0350258
คะแนน : 9
ไม่รู้จะเขียนยกย่องความยิ่งใหญ่ของ 'เรย์ ชาร์ลส' ยังไงดี เอาเป็นว่าตอนนิตยสาร Rolling Stone เขาจัดโหวตศิลปินยอดเยี่ยมตลอดกาลก็มีชื่อของเรย์เป็นอันดับ 10 รวมถึงการฝากผลงานเพลงฮิตขึ้นบิลบอร์ดอันดับหนึ่งจำนวนถึง 3 เพลง (Georgia On My Mind, I Can't Stop Loving You และ Hit the Road Jack)
หนังเล่าเรื่องของ 'เรย์ ชาร์ลส' (Jamie Foxx) สุดยอดนักร้องนักแต่งเพลงที่ตาบอดตั้งแต่ 7 ขวบ ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นเป็นนักดนตรีอาชีพจนถึงช่วงกลางของอาชีพ ซึ่งเป็นช่วงไต่เต้าจนประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยช่วงดังกล่าวเขาต้องเผชิญปัญหาการติดเฮโรอีนและเรื่องชู้สาวระหว่างออกทัวร์
ไปอ่านบทสัมภาษณ์ของ 'เทย์เลอร์ แฮ็คฟอร์ค' ผู้กำกับหนังเรื่องนี้เขาบอกว่าตัวเองได้สิทธิทำหนังชีวประวัติของเรย์มาตั้งแต่ปี 1987 แล้ว แต่เขาไม่สามารถหาสตูดิโอไหนจะมาออกทุนสร้างให้ ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจหาทุนสร้างทำหนังด้วยความอิสระ โดยบทหนังและการตัดต่อทั้งหมดได้รับความยินยอมจากตัวเรย์เอง (เรย์อ่านบทหนังผ่านอักษรเบรลล์ และอยู่ในการตัดต่อหนังครั้งแรก) นอกจากนี้เขายังบอกอีกว่าเลือกจะเล่าชีวิตของเรย์ผ่านหนังแค่ถึงช่วงกลางของอาชีพ เนื่องจากว่าชีวิตหลังเขาเลิกเฮโรอีนได้มีแต่ความสำเร็จโดยไม่มีส่วนอื่นมาขัดแย้งเหมือนช่วงก่อนหน้าที่เจอปัญหามากมาย
ชีวิตของเรย์ในวัยเด็กไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทั้งความเป็นคนผิวดำยากจนแล้วยังตาบอดอีก แต่สิ่งที่เขาโชคดีมาก ๆ คือแม่ที่ปลูกฝังทัศนคติสู้ชีวิตให้เขาตั้งแต่เล็กว่าถึงพิการก็ต้องช่วยเหลือตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งคนอื่น และต้องฉลาดเพื่อจะได้ไม่ลำบากเหมือนแม่ กระนั้นในวัยเด็กเขาก็มีปมที่เป็นภาพฝังหัวมาตลอดนั่นก็คือความรู้สึกผิดต่อการเสียชีวิตของน้องชายที่จมถังน้ำโดยเขาได้แต่นิ่งเฉยไม่ช่วยเหลืออะไรเพราะนึกว่าเป็นการแกล้งเล่นของน้อง
ปมความรู้สึกผิดในวัยเด็กส่งผลให้เขาเข้าสู่วังวนทดลองใช้ยาเสพติด เขาเสพยาโดยมองว่ามันไม่ได้ทำลายอาชีพศิลปินของตัวเอง เขาไม่เคยไปทำงานสาย, เขามีความรับผิดชอบต่อทุกการแสดง, เขาอัดเพลงเทคเดียวผ่านได้สบาย ๆ ทั้งยังสร้างสรรค์ผลงานดนตรีอันยอดเยี่ยมมากมายในช่วงที่ใช้เฮโรอีน แต่เขาไม่รู้ตัวว่ามันกำลังทำลายคนรอบข้าง ทั้งชู้รักของเขาที่แอบลองใช้ยาเสพติดโดยมองเขาเป็นต้นแบบ, และภาพของสื่อมวลชนที่รุมทำลายเมื่อรู้ข่าวว่าเขาติดยาซึ่งส่งผลกระทบต่อครอบครัวของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งที่ความจริงแล้วยาเสพติดมันเป็นการแก้ปัญหาที่ผิดวิธีของเรย์ เพราะเขาสามารถไปพบจิตแพทย์เพื่อทำการบำบัดรักษาปมความรู้สึกผิดวัยเด็กเหมือนที่เขาเอาชนะจิตใจตัวเองได้หลังเลิกยาจนประสบความสำเร็จต่อเนื่องยาวนาน
เรื่องความเก่งกาจในการประพันธ์ดนตรีก็ถูกท่ายทอดผ่านในหนัง โดยมีทั้งการยกย่อง 'อาห์เมท เออร์เทกุน' ผู้ค้นพบพรสวรรค์และชักชวนให้เขามาอยู่ในสังกัด Atlantic Records ซึ่งอาห์เมทมีความสำคัญต่อจุดเปลี่ยนชีวิตของเรย์อีกอย่างคือการเปลี่ยนแนวร้องจากการพยายามเหมือนสองนักร้องเพลงแจ๊สชื่อดังให้กลายมาเป็นสไตล์ของตัวเอง โดยเริ่มจากการเล่นสไตรด์เปียโนได้อย่างเร้าใจ, รวมถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้งที่เขาหันมาร้องเพลงคันทรี่อันโด่งดังขึ้นบิลบอร์ดอันดับหนึ่ง และที่ขาดไม่ได้คือการเป็นนักดนตรีคนแรกที่ปฏิเสธเล่นดนตรีในรัฐจอร์เจียเนื่องจากเป็นรัฐที่มีการแบ่งชนชั้นของผู้เข้าร่วมชมคอนเสิร์ตตามสีผิว เหตุการณ์นี้เป็นจุดที่ผมมองว่าทำให้เขากลายเป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ที่ใช้สถานะตัวเองต่อสู้เรื่องสีผิวแม้ไม่ได้ลงเล่นการเมือง
การแสดงของเจมี่ ฟ็อกซ์คู่ควรกับการได้รางวัลออสการ์การแสดงนำยอดเยี่ยมฝ่ายชายด้วยประการทั้งปวง การแสดงที่ยอดเยี่ยมเสมือนเป็นเรย์ ชาร์ลสจริง ๆ มันเกิดจากความทุ่มเททุกอย่างของเขา ตั้งแต่การใส่ตาเทียมให้เขามองอะไรไม่เห็นระหว่างถ่ายหนัง, ฝึกหัดท่าทางเลียนแบบเรย์ ซึ่งเขาทำได้เป็นธรรมชาติมาก ๆ อย่างเช่นการโยกตัวโยกคอโยกหัวแทบจะตลอดเวลา รวมถึงการเล่นเปียโนด้วยตัวเองทุกฉาก
ทั้งหมดนี้ทำให้ Ray คือหนังที่เป็นชีวประวัติบันทึกส่วนดี-ส่วนร้ายของเรย์ ชาร์ลสที่ทำให้เราเห็นทั้งความอัจฉริยะในด้านดนตรีและเส้นทางความสำเร็จที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของเขา