ค้นหาหนัง

Raiders of the Lost Ark | ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า

หมวดหมู่ :
Raiders of the Lost Ark | ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า
เรื่องย่อ : Raiders of the Lost Ark | ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า

เรื่องราวเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1936 ดร.อินเดียน่า โจนส์ (แฮร์ริสัน ฟอร์ด) อาจารย์มหาวิทยาลัยที่มีความเชี่ยวชาญด้านโบราณคดี ได้รับการว่าจ้างจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลให้ตามหาหีบแห่งพันธสัญญาหรือหีบแห่งบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ของโมเสส ที่เชื่อกันว่าถ้าผู้ใดได้ครอบครองหีบใบนี้ ไม่ว่าจะทำสงครามกี่ครั้งก็จะได้รับแต่ชัยชนะ ซึ่งตอนนี้เขาได้ข่าวที่เชื่อถือได้ว่าทางนาซีกำลังตามหาหีบใบนี้ เพราะพวกนาซีเชื่อว่าหากได้ครอบครองหีบใบนี้ จะทำให้กองทัพนาซีได้รับแต่ชัยชนะ แต่การที่เขาจะตามหาหีบแห่งพันธสัญญาได้นั้น เขาต้องแฝงตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มนาซีและเขาต้องหาให้เจอก่อนที่นาซีจะได้ครอบครองหีบศักดิ์สิทธิ์

IMDB : tt0082971

คะแนน : 9



นับเป็นโชคดีของ Ford ที่เขาได้รับบทในตำนานไปจนได้ ถ้าว่ากันในแง่หนึ่งใครต่างใครต่างก็ชื่นชอบในตัว Ford ที่ดูเหมาะกับบทอินเดียน่า โจนส์อย่างยิ่ง ไปได้ดีทั้งตอนแต่งหล่อเป็นอาจารย์สอนหนังสือ และดูเท่ห์ฉลาดมีสมองและฝีมือเมื่อต้องสวมชุดภาคสนามกับหมวกพร้อมถือแส้

ในที่สุดหนัง Raiders of the Lost Ark ก็ถ่ายทำจนสำเร็จออกสู่สายตาผู้ชมเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 1981 และก่อกระแสความนิยมหนังแนวผจญภัยขึ้นมาในทันที กับเรื่องราวที่คนดูต้องมนต์ทันทีในฉากแรกสุดคลาสสิก ที่เปิดตัวอินเดียน่า โจนส์ ได้อย่างสุดยอดตื่นเต้น เมื่อเขาต้องผจญภัยฝ่าด่านกับดักเข้าไปนำขุมทรัพย์ออกมาจากถ้ำ ฉากหินยักษ์ที่กลิ้งลงมาไล่ทับอินดี้ยังคงสร้างความเร้าใจให้ผู้ชมมาจนถึงปัจจุบัน

ส่วนเนื้อเรื่องหลักก็เล่าย้อนไปปี 1936 โดยมีทางการอเมริกันมาขอความช่วยเหลือให้อินเดียน่าออกตามหา หีบศักดิ์สิทธิ์ ที่บัดนี้พวกเยอรมันนาซีกำลังต้องการมันไปเพื่อสร้างอำนาจให้กองกำลังตนเองและแสดงแสนยานุภาพ ประกาศชัยชนะเหนือศาสนาด้วยการครอบครองสิ่งของที่เป็นเสมือนตัวแทนของพระเจ้า ด้วยเหตุนี้เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับของอเมริกันจึงต้องการให้อินดี้ออกโรงชิงมันตัดหน้าพวกนาซีโดยเร็วที่สุด

แล้วหนังก็ยัดเอาสารพัดฉากการผจญภัยตรึงอารมณ์ การตามล่าขุมทรัพย์ที่อลังการและอัดแน่นไปด้วยแอ็กชัน (ครบสูตรหนังเจมส์ บอนด์แบบที่ Spielberg หมายมั่นไว้แต่แรกเริ่ม) กับมุกฮาๆ แทรกมาตลอดทั้งเรื่อง ก่อนจะปิดท้ายด้วยฉากสุดตะลึง เมื่อหีบศักดิ์สิทธิ์สำแดงอำนาจของมันออกมา

ถ้าถามว่าอะไรคือหมัดเด็ดของ Raiders of the Lost Ark บางคนค่อนขอดว่าที่ดังก็เนื่องจากชื่อคนทำมาบวกกับว่าหนังแนวผจญภัยแบบนี้ไม่ได้มีให้เห็นมานานนมแล้ว แต่หากวิเคราะห์ดูดีๆ จะพบว่าหนังมีองค์ประกอบที่ทรงพลังมาก นอกจากสไตล์การผจญภัยและฉากสนุกๆ มากมาย ยังมีตัวละครดีที่เด่นและคนดูพากันจำได้ทันทีที่เห็นหน้า ไม่ว่าจะอินดี้, แมเรียน คนรักของอินดี้ ที่สวยแต่แกร่งไม่แพ้ชาย, ดร.เรเน่ เบลล็อก (Paul Freeman) ขั้วตรงข้ามของอินดี้ ที่หวังแต่ได้สมบัติมาเพื่อผลประโยชน์และเงินทองเท่านั้น ในขณะที่อินดี้หาสมบัติเพื่อยัดเข้าพิพิธภัณฑ์แต่เพียงอย่างเดียว ไม่เคยคิดครอบครองแม้แต่น้อย

ยังมี ซัลลาห์ (John Rhys-Davies) ฉายานักขุดผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนไอยคุปต์ เพราะพี่แกขุดได้หมด ไม่ว่าจะอะไรขอให้อยู่บนแผ่นดินอียิปต์เป็นพอ ซ้ำยังมีเส้นสายกระจายไปทั่วอีกด้วย, มาร์คัส โบรดี้ (Denholm Elliott) เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์เพื่อนซี้ของอินดี้ ที่คอยเพิ่มอารมณ์อบอุ่นแกมขบขันให้กับหนัง และ ท็อต (Ronald Lacey) ผู้ร้ายนาซีหน้าตาบอกยี่ห้อที่อำหมิตอย่างสุดประมาณ ทั้งหมดนี่ช่วยกันทำให้หนังอินดี้มีกลุ่มตัวละครที่แข็งมากเรื่องหนึ่ง

แต่ที่เด็ดดวงเหนืออื่นใด คือการทำให้หนังผจญภัยเรื่องนี้ชวนติดตาม สามารถดึงคนดูให้จมไปกับเรื่องราวได้อย่างน่าปรบมือเป็นที่สุด

อันว่าหนังผจญภัยล่าขุมทรัพย์นั้น มีสิ่งหนึ่งที่คนทำหนังมักเข้าใจผิดเสมอว่า หนังผจญภัยที่ดีต้องมีฉากโลดโผนมากๆ มี Effect ตระการตา ซึ่งในแง่หนึ่งมันจริงครับ แต่นั่นมันแค่เรื่องภาพ การจะทำหนังผจญภัยให้ถึงวิญญาณมันต้องตีโจทย์ให้แตกว่าทำอย่างไรคนดูถึงจะอินไปกับเรื่องราว ทำอย่างไรคนดูถึงจะเชื่อว่าสมบัติที่พระเอกตามหานั้นมีอยู่จริง เพราะยิ่งเชื่อเป็นตุเป็นตะเท่าไร คนดูก็จะพลอยลุ้นและเอาใจช่วยมากขึ้นเท่านั้น (อันเป็นสูตรเด็ดที่ทำให้ The Da Vinci Code และ National Treasure ประสบความรุ่งเรืองเป็นอย่างดีครับ)

Raiders of the Lost Ark ต้องถือว่าซัดคนดูอยู่หมัด เพราะมีการทำการบ้านผนวกตำนานทั้งจากพระคัมภีร์เข้ากับเรื่องที่แต่งขึ้นอย่างกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วก็เอามาบอกเล่าทิ้งปมให้คนดูอยากรู้ต่อไปว่าหีบที่ว่านี่มีความลับประการใดบ้าง

ฉากเจ๋งที่เริ่มเล่าตำนานหีบ โดยอินดี้เป็นคนลงมือเล่าด้วยตัวเอง ว่าหีบศักดิ์สิทธิ์นี้ว่ากันว่าภายในได้บรรจุบัญญัติสิบประการ อันเดียวกับที่โมเสสนำลงมาหลังจากไปพบกับพระเจ้าบนยอดเขาไซนายห์ (Mount Sinai) ตามตำนานได้ระบุไว้ว่าหีบนี้หากใครครอบครองและใช้มันนำหน้ากองทัพใดแล้วล่ะก็ กองทัพนั้นจะไม่มีวันแพ้พ่าย และหากหีบนี้ผันผ่านไปยังเขตแดนใด ที่นั้นจะถูกทำลายราบเป็นหน้ากลอง

หนังตั้งคำถามใส่หน้าคนดูแต่เริ่มว่า “อะไรอยู่ในหีบกันแน่?” พร้อมทั้งได้แรงส่งจากดนตรีระดับมาสเตอร์พีซของ John Williams อันนี้ขอลองให้ไปฉากอินดี้เล่าตำนานหีบให้ดี ท่านจะได้ยินดนตรีที่ให้อารมณ์หลอนขนลุก ราวกับสื่อเป็นนัยๆ ว่าอินดี้กำลังจะได้พบกับอำนาจที่น่าสะพรึงของหีบ!

นี่คือสิ่งที่หนัง Adventures สารพัดเรื่องทำไม่สำเร็จครับ เอาแต่ใส่ฉากผจญภัยอย่างเดียว แต่ขาดตำนานที่น่าเชื่อ ทว่า อินเดียน่า โจนส์ทำได้ครับ เขาไม่ทอดทิ้งคนดูให้ค้างเติ่งอยู่หน้าจอหนัง แต่เขาดึงผู้ชมให้ร่วมผจญภัยไปด้วย จัดการลบเส้นบางๆ ระหว่างโลกเซลลูลอยด์และโลกจริงๆ ออก เชื่อมมันด้วยความเชื่อและเรื่องเล่า… สุดยอดครับ สุดยอดแบบที่หาหนังเรื่องไหนทำอีกไม่ใคร่จะมีเลยจริงๆ

แล้วไงล่ะครับ หนังดังสุดกู่ ทำเงินสูงสุดประจำปี 1981 โกยไปทั่วโลกถึง $384,140,454 เหรียญ ทุนแค่ยี่สิบล้าน กำไรแค่ไหนคูณหารกันเอาเอง (แต่ห้ามคูณด้วย 31 ครับ มันจะกลายเป็นเงินไทยและท่านจะอิจฉาตาลุกได้)

อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นที่กล่าวขวัญกันอย่างมากคือฉากจบของหนัง ที่ฉายให้เห็นภาพโกดังลับของรัฐบาลอเมริกาที่บรรจุของลึกลับมากมายไม่รู้กี่ร้อยชิ้น ถือเป็นการจบที่เอาใจผู้ชมอย่างแรง เพราะยุคนั้นชาวอเมริกันเชื่อว่ารัฐบาลของตนมีองค์กรลับคอยปิดบังความจริงให้พ้นจากหูตาของประชาชน การสรุปเรื่องแบบนั้นเลยสาแก่ใจผู้ชมเป็นพิเศษ!

นับว่าแปลกดี เพราะหนังนั้นมีตัวเอกเป็นอเมริกันฮีโร่ที่ออกโรงพิทักษ์ทุกชีวิต มีชัยเหนือกองทัพนาซีท้ายที่สุด แต่ก็ยังอุตส่าห์มีฉากจบแอบจิกกัดอเมริกันอีก… คนละอารมณ์แต่ยังออกมากลมกล่อม ไม่นับถือคงไม่ได้แล้วล่ะ

Raiders of the Lost Ark กลายเป็นสุดยอดหนังผจญภัยในตำนานที่นักดูหนังคนไหนไม่เคยได้ชมก็คงเรียกตัวเองว่าเป็นนักดูหนังได้ไม่เต็มปาก ครบรสและสนุกสนานเกินร้อย อีกทั้งยังวางมาตรฐานใหม่ให้กับโลกแห่งภาพยนตร์แนวผจญภัยสไตล์แอดเวนเจอร์

แต่อย่างที่รู้กันครับว่าเรื่องราวของศาสตราจารย์นักผจญภัยยังไม่จบแค่นี้ มันยังมีตอนต่ออีกสาม ซึ่งเบื้องหลังและตำนานของภาคต่อๆ ไปก็สนุกน่าติดตามไม่แพ้ตัวหนังจริงๆ เลยนะครับ แน่นอนว่าเรื่องต่อไปที่ผมจะเอามาฝากก็เตรียมพบกับที่มาแห่ง Indiana Jones and The Temple of Doom ที่ยังมีอีกหลายเรื่องที่คุณอาจยังไม่ทราบ ตัวอย่างเช่น ภาค Temple of Doom นั้นแท้จริงแล้วเป็นภาคก่อนหน้า ไม่ใช่ภาคต่อดังที่เข้าใจกัน และบทร่างดั่งเดิมก็เกือบจะนำพาอินดี้ของเราไปพบกับซุนหงอคง พญาวานรแห่งเทพนิยายไซอิ๋ว อีกต่างหาก เออ มันไปกันได้ยังไงล่ะเนี่ย โปรดติดตามตอนต่อไปครับ