Police Story 3: Super Cop | วิ่งสู้ฟัด 3
ตำรวจฮ่องกงได้ส่งตำรวจสายสืบแฝงตัวเข้าไปติดตาม แพนเทอร์ สมาชิกของแก๊งอาชญากรในคุก เพราะต้องการข้อมูลบางอย่างจากเขา และด้วยความช่วยเหลือจากตำรวจหญิงของจีน สายสืบชาวฮ่องกงจึงได้เข้าไปปะปนในหมู่นักโทษ เขาและแพนเทอร์ได้หลบหนีออกจากคุก ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้ จนแพนเทอร์เกิดความไว้ใจจึงพาตำรวจทั้งสองคนไปฮ่องกงและไปพบกับนายใหญ่ของแก๊งอาชญากร และแล้วแผนการทลายแก๊งจึงเริ่มขึ้น
IMDB : tt0104558
คะแนน : 8
เฉินหลง กลับมาบู๊เป็นคำรบ 3 ในบทเฉินกูกู๋ ตำรวจจอมลุย โดยคราวนี้เขาได้รับมอบหมายให้ไปร่วมงานกับตำรวจหญิงจากจีนนามว่า หยางเจี้ยนหัว (มิเชลล์ โหย่ว) ภารกิจคือปลอมตัวแทรกซึมเข้าไปในขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ เพื่อจะได้หาหลักฐานและจับหัวหน้าใหญ่ (Kenneth Tsang) ของขบวนการนี้มาลงโทษให้สาสม
เป็นภาคที่เฮียเฉินมาจับคู่บู๊กับมิเชลล์ โหย่ว ครับ ถ้าว่าในแง่ฉากแอ็กชันแล้วถือว่าเยอะนะครับ และดูลงทุนอลังการกล่าวคราวก่อน ที่มักจะบู๊กันในตึกหรือก็ไม่บนถนน แต่คราวนี้บู๊หลายสถานที่มากครับ ตั้งแต่กลางเมืองไปจนถึงกลางป่า ก่อนจะไปไล่ล่ากันบนหลังคารถไฟ อาวุธก็มาเต็มกว่าเดิม มีระเบิดมีกระสุนปลิวให้ว่อน ส่วนหนึ่งก็คงเพราะเรื่องมันใหญ่ขึ้นน่ะครับ เฮียเฉินต้องไปลุยกับพวกผู้ร้ายถึงรัง ซึ่งพวกมันก็มีอาวุธสงครามพร้อมอยู่แล้ว เราจึงจะได้เห็นฉากตูมตามเยอะหน่อย
ในแง่ความสนุกถือว่าพอๆ กับภาค 2 ครับ เฮียเฉินกับมิเชลล์ โหย่ว ก็เล่นกันได้ดี ทั้งช่วงฮาและช่วงบู๊ต่างก็มีวาระเด่นของตนเอง และที่ผมชอบเยอะหน่อยก็คือเราจะได้เห็นปฏิภาณไหวพริบของเฮียเฉินมากขึ้น เพราะคราวนี้เขาต้องปลอมตัวแทรกซึมเข้าถ้ำเสือ แน่นอนว่าถ้าพี่แกไม่ฉลาดหรือหัวไม่ไวก็ย่อมเอาตัวไม่รอด แต่นี่พี่แกฉลาด รู้ทัน มีการวางแผนตลบหลังหรือแสร้งทำเป็นโง่ในบางจังหวะเพื่อล่อให้ผู็ร้ายตายใจ อันนี้ยอมรับว่าเข้าท่าครับ เพราะภาคก่อนๆ เราจะเห็นแกบู๊เป็นหลัก แต่คราวนี้บู๊ด้วยใช้สมองด้วย ก็เป็นอีกรสชาติที่ไม่เลวครับ
แต่จุดอ่อนสำคัญของภาคนี้คือความอืดช้าไปในบางช่วง โดยเฉพาะตอนกลางๆ เรื่องที่หนังดูจะเดินเรื่องช้าไปนิด (ช่วงหลังจากเฮียเฉินแกไปเจอกับเจ๊โหย่วในคราบปลอมตัวเป็นครั้งแรกน่ะครับ) แต่ก็ไม่ถือว่ามากจนเกินไป แค่อดรู้สึกไม่ได้ว่าถ้ากระชับอีกนิดก็คงจะแจ๋วเลย
ตัวละครจากภาคเก่าก็ยังมากันนะครับ ไม่ว่าตงเปียวในบทลุงหวังและจางม่านอวี้ในบทอาเมย์ แฟนของกูกู๋ แต่ก็มีบทกันคนละไม่มากเท่าไรครับ
ภาคนี้ถือว่าทำเงินไปไม่แพ้ภาค 2 ครับ โกยไป 32 ล้านเหรียญฮ่องกง และยังได้ไปฉายอเมริกาด้วยนะครับ ทำไปกว่า $16 ล้านเหรียญ เรียกว่าเป็นหนึ่งในนามบัตรที่เฮียเฉินนำไปแนะนำตัวเองให้ฝรั่งเขาได้รู้จักในลีลาบู๊เสี่ยงตายปนฮาของเขา
สรุปว่าเป็นภาคต่อที่ยังดูสนุกอยู่ครับ