ค้นหาหนัง

Police Story 2 | วิ่งสู้ฟัด ภาค 2

Police Story 2 | วิ่งสู้ฟัด ภาค 2
เรื่องย่อ : Police Story 2 | วิ่งสู้ฟัด ภาค 2

แทนที่เขาจะได้รับความดีความและความชอบที่สามารถจับตัวเจ้าพ่อค้ายาอย่างจูถาวได้ แต่เฉินเจียจี๋กลับโดนย้ายไปเป็นตำรวจจราจรแทนเพราะความบ้าระห่ำของเขาในการจับกุมจูถาวซึ่งทำให้กรมตำรวจจะต้องจ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้น แต่หลังจากเหตุการระเบิดที่ห้างสรรพสินค้า เขาก็ถูกเรียกตัวกลับมาทำงานในหน่วยอีกครั้ง เพราะการระเบิดในครั้งนี้เป็นฝีมือของคนร้ายที่ไม่ธรรมดาและต้องเป็นเฉินเจียจี๋เท่านั้นที่จะสามารถจัดการได้

IMDB : tt0095403

คะแนน : 8



ความสำเร็จถล่มทลายในภาคแรก (โกยไป 26 ล้านเหรียญฮ่องกง) ทำให้ภาค 2 ถือกำเนิดตามมาครับ โดย เฉินหลง กลับมารับบทนายตำรวจตงฉินจอมระห่ำนามว่า เฉินกูกู๋อีกครั้ง

เนื้อเรื่องในภาคนี้ก็สืบเนื่องจากภาคก่อนครับ นั่นคือหลังจากการปะทะครั้งใหญ่ระหว่างเขากับลูกน้องของจูถาว (ฉู่หยวน) พ่อค้ายาจอมวายร้าย แม้สุดท้ายเขาจะจับพวกมันได้ แต่ความเสียหายที่เขาก่อก็ทำให้พี่แกโดยโยกไปเป็นตำรวจจราจรแทน มิหนำซ้ำจูถาวยังรอดเงื้อมมือกฎหมายได้อีก มันเลยส่งลูกน้องมาก่อกวนชีวิตของกูกู๋และอาเมย์ (จางม่านอวี้) แฟนสาวของเขาอยู่บ่อยๆ

พอเจอมรสุมมากๆ เข้า เขาก็เลยอยากออกจากงานตำรวจครับ แล้วก็ไปเที่ยวกับอาเมย์ให้สบายใจ แต่ยังไม่ทันได้ออกก็ดันเกิดคดีคนร้ายขู่วางระเบิดขึ้นมา ทำให้กูกู๋อดไม่ได้ที่จะโดดลงมาลุยกับพวกผู้ร้ายอีกหนึ่งคำรบ

เป็นภาคต่อที่สนุกดีครับ แน่นอนว่าโดยส่วนตัวแล้วผมชอบภาคแรกมากที่สุด เพราะมัน “สุดๆ ในทุกด้าน” และ “ลงตัวในทุกเรื่อง” ทั้งแอ็กชัน ดราม่า ความฮา และการสืบคดี ส่วนภาคนี้หนังเทน้ำหนักมาทางดราม่ามากขึ้น โดยเฉพาะผลลัพธ์ที่เกิดจากการปฏิบัติงานของกูกู๋ ที่แม้เขาจะทำงานแบบเต็มกำลัง ไล่จับผู้ร้ายแบบสุดชีวิต แต่สิ่งที่ได้ตอบแทนหาใช่กลีบกุหลาบ มันกลับเป็นขวากหนามครับ ไม่ว่าจะโดนลงโทษทางวินัย โดนผู้ร้ายตามรังควาน ชีวิตรักแขวนอยู่บนเส้นด้าย และพวกผู้ร้ายยังเล็งเป้ามาที่คนรักของเขาอีก

แต่ที่บอกว่าเทมาทางดราม่านี่ก็ไม่ได้หมายถึงหนังจะเน้นดราม่านะครับ มันก็ยังเน้นแอ็กชันอยู่นั่นแหละ เพียงแต่มันจะมีส่วนของดราม่าแทรกลงมาเยอะขึ้น และฉากแอ็กชันหลายๆ อันก็มีที่มาจากปมดราม่านั่นเอง

ว่าถึงฉากแอ็กชันแล้ว ภาคนี้มีฉากบู๊บ่อยขึ้น แต่ฉากบู๊ที่ว่าเยอะขึ้นนี้ หลายซีนก็ยังไม่จัดว่าเด่นเท่าภาคแรกครับ เพราะภาคแรกแม้จะมีฉากบู๊ไม่เยอะเท่า แต่ทุกฉากมันตรงเป้าและสะใจ ส่วนภาคนี้เหมือนบู๊ให้มากขึ้นเพื่อเอาใจแฟนๆ ซึ่งก็โอเคล่ะครับ บู๊แบบเฮียเฉินมันก็คือบู๊ผสมฮาและเสี่ยงตายนิดๆ ให้พอตื่นเต้นได้อยู่ แต่บางฉากที่บู๊แบบเบาๆ ก็มี (อย่างพวกลูกน้องของจูถาว ที่นำโดยไอ้สี่ตาจอมกวนที่ชาร์ลี เฉากลับมารับบทเดิม)

ดังนั้นโดยรวมๆ แล้วฉากบู๊เยอะขึ้น แต่หากหักกลับลบกันแล้ว ผมว่าความมันส์ก็พอๆ กันภาคแรกนั่นแหละครับ (กล่าวคือบู๊เยอะขึ้น แต่ไม่ได้สะใจเยอะขึ้นนั่นเอง)

อีกหนึ่งอย่างที่หนังใส่เข้ามาในช่วงกลางเรื่องลงไปก็คือทีมตำรวจผู้ช่วยครับ ประมาณว่าคดีวางระเบิดมันใหญ่ ทางกรมเลยส่งคนมาช่วยกูกู๋ (หนึ่งในนั้นเราจะได้เห็นเหอเจียจิ้ง มาแสดงเป็นตำรวจในกลุ่มด้วยครับ) ซึ่งในแง่เนื้อหาก็พอเข้าใจครับว่าคดีมันใหญ่ เลยต้องใช้คนมาก แต่ถ้าเทียบกับภาคแรกที่กูกู๋ลุยเดี่ยว สู้แหลก สืบลำพังแล้ว ภาคแรกมันจะกดดันและคั้นอารมณ์มันส์ได้ง่ายกว่า เพราะใจเราจะไปอยู่ที่กูกู๋คนเดียว แต่กับภาคนี้เหมือนกูกู๋ก็โดนซอยความเด่นไปไม่น้อยเหมือนกันในตอนกลางๆ เรื่อง

ก็พอเข้าใจครับว่าหนังอยากจะเพิ่มความหลากหลาย และใส่อะไรใหม่ๆ ลงไป (คงไม่อยากย่ำรอยเดิมมากเกินไปน่ะครับ) ซึ่งก็ดีนะครับ ไม่ใช่ไม่ดี เพียงแต่หากเทียบความลงตัวแล้ว อย่างที่ภาคแรกเป็นมันลงตัวกว่ากันพอสมควรน่ะครับ

แต่ก็ไม่ผิดหวังครับ ภาคนี้จัดว่าดูสนุก แม้จะมีบางช่วงที่ช้าๆ ไปบ้าง แต่อย่างน้อยช่วงไคลแม็กซ์หนังก็มาพร้อมคิวบู๊เสี่ยงตายแบบจัดเต็ม ไหนจะฉากระเบิดสุดอลังอีก (อย่าลืมนะครับว่าหนังสมัยนั้น ระเบิดไฟท่วมก็คือระเบิดไฟท่วมของจริง ไม่มี CG อะไรมาช่วย) ดูโดยรวมแล้ว ภาคนี้จึงจัดว่าสนุกคุ้มค่า

ในแง่รายได้ภาคนี้แซงหน้าภาคแรกครับ เพราะทำไป 34.1 ล้านเหรียญ ประสบความสำเร็จอย่างสวยงามตามเคย