ค้นหาหนัง

Paycheck แกะรอยอดีต ล่าปมปริศนา

Paycheck แกะรอยอดีต ล่าปมปริศนา
เรื่องย่อ : Paycheck แกะรอยอดีต ล่าปมปริศนา

ไมเคิล เจนนิ่งส์ กำลังถูกตามล่า แต่เจ้าตัวไม่รู้ว่าเพราะอะไร หนุ่มอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกผู้นี้เคยได้รับการว่าจ้างโดยบริษัทไฮเทค เพื่อให้เขาทำงานในโครงการลับสุดยอด เจนนิ่งส์ต้องเข้ารับกระบวนการลบความทรงจำอยู่เป็นประจำเมื่องานชิ้นหนึ่งเสร็จสิ้นลง เพื่อให้เขาไม่สามารถนำความลับใด ๆ ของบริษัทไปเปิดเผยได้ และนั่นทำให้เจนนิ่งส์ได้รับเงินตอบแทนสูง เขาคาดหวังจะได้ตัวเลขแปดหลักจากโครงการล่าสุดที่กินเวลานานถึงสามปี

IMDB : tt0338337

คะแนน : 7



เรื่องนี้เป็นผลงานล่าสุดบนดินแดนฮอลลีวู้ดผู้กำกับ John Woo ซึ่งก็น่าจะเป็นงานชิ้นสุดท้ายที่เขาทำให้กับที่นั่นด้วย (ยกเว้นเขาจะกลับไปอีก แต่ก็ดูเหมือนพี่ท่านจะกลับมาเอเชียแบบค่อนข้างถาวรแล้วตอนนี้) ซึ่งตัวหนังก็ไม่ถึงกับประสบความสำเร็จนักในแง่รายได้ครับ ลงทุน $60 ล้าน ได้คืนมา $96 ล้านจากทั่วโลก ก็พอได้ทุนบ้าง คนดูส่วนมากก็มีทั้งที่ชอบและเฉยๆ ก็ว่ากันไปน่ะนะครับ

ส่วนผมนั้นแม้จะไม่ถึงขั้นชอบ แต่ก็รู้สึกสนุกไปกับหนังพอสมควร ดูเพลินดีน่ะครับ และออกจะสนุกเล็กๆ ที่ได้เห็น John Woo แกจับหนังแอ็กชันผสมไซไฟอะไรแบบนี้

ตัวเอกมีนามว่าไมเคิล เจนนิงส์ (Ben Affleck) อาชีพของเขาคือวิศวกรผันกลับ (Reverse Engineer) ซึ่งงานของเขาก็คือศึกษาวิทยาการต่างๆ ตามแต่ผู้ว่าจ้างจะสั่ง เช่น บริษัทหนึ่งอาจสั่งให้เขาศึกษาเครื่องยนต์กลไกที่บริษัทคู่แข่งผลิตออกมา ศึกษาย้อนไปว่าเขาผลิตมันออกมาได้ยังไง ใช้แนวคิดทฤษฎีหรือวิธีการใดในการสร้างสรรค์ ที่นี้พอเขาให้คำตอบผู้ว่าจ้างได้ ผู้ว่าจ้างก็จะนำเอาองค์ความรู้ที่ได้มาต่อยอดใช้เทคโนโลยีนั้นๆ ผลิตอะไรใหม่ๆ ออกมาตีตลาดสู้กับฝ่ายตรงข้าม อะไรประมาณนี้น่ะนะครับ

แต่สิ่งหนึ่งที่ไมเคิลต้องทำหลังเสร็จงาน คือลบความจำของตัวเองในระหว่างการทำงานชิ้นนั้นทั้งหมดเพื่อรักษาความลับให้กับลูกค้า และงานล่าสุดที่ไมเคิลรับ มีผู้ว่าจ้างคือเจมส์ เรธริค (Aaron Eckhart) มหาเศรษฐีพันล้านที่มาพร้อมโครงการลับอันยิ่งใหญ่ ซึ่งไมเคิลก็ใช้เวลาทำงานนั้นกว่า 3 ปีทีเดียว

และพอ 3 ปีผ่านไป เขาก็ตื่นมารู้ตัวอีกทีเมื่อความจำโดนลบแล้วครับ ซึ่งเขาก็ไม่คิดอะไร เพราะทุกงานก็ต้องทำแบบนี้ ขอเพียงเขาได้ค่าจ้างก็โอเคแล้ว และปรากฏว่าค่าจ้างที่เขาจะได้นั้นสูงเกือบ $100 ล้านทีเดียว

แต่สิ่งแปลกๆ ก็เริ่มต้นเมื่อมีคนแจ้งว่าตัวเขา (ในตอนทำงานอยู่นั้น) ได้ปฏิเสธรับเงินก้อนนั้น แต่รับเปลี่ยนเป็นรับของ 19 ชิ้นในซองกระดาษสีน้ำตาลแทน… และเขาก็เริ่มโดนตามล่าทั้งจากทางการและลูกน้องของเรธริค (โดยเฉพาะรายหลังนี่หมายจะเอาเขาให้ถึงตาย) จนเขาเองต้องรีบปะติดปะต่อเรื่องราวในช่วง 3 ปีนั้นให้ทัน ก่อนที่ชีวิตเขาจะต้องดับลงไปจริงๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่

โดยรวมแล้วหนังก็ดูเพลินดีครับ แม้จะไม่มีอะไรสดใหม่นัก และหนังก็ไม่ได้เป็น John Woo Style สักเท่าไร นอกจากเรื่องมิตรภาพที่มีนิดๆ แล้วก็มีนกพิราบ มีกรงนก กับมีสโลว์บ้าง แล้วก็มีการเอาปืนมาจ่อหน้ากันบ้าง อะไรประมาณนั้นน่ะครับ แต่ถ้าเราไม่คิดมากผมว่าหนังมันก็ดูได้นั่นแหละ (กล่าวกันว่าจริงๆ แล้ว Woo ไม่ต้องการใส่ฉากเอาปืนจ่อหน้ากันลงไปในหนัง เพราะเขารู้สึกว่ามันไม่เข้ากับโทน แต่ Affleck เป็นคนขอร้องให้ Woo ใส่ลงไป เพราะเขาชอบฉากสไตล์นี้มาตั้งแต่ตอนดู โหดตัดโหด (The Killer) แล้ว)

ดาราในเรื่องถือว่าโอเคครับ Affleck ก็ดูไม่เลวกับบทไมเคิล เจนนิงส์ ซึ่งตอนแรกว่ากันว่าทีมงานเล็งให้ Matt Damon มาแสดง แต่ Damon บอกปัดไป เพราะเขาเพิ่งแสดงบททำนองเดียวกัน (ชายที่ตื่นมาโดยไร้ความทรงจำ) มาหมาดๆ ใน The Bourne Identity, Eckhart ก็ดูร้ายแบบพอเหมาะครับ แต่คนที่ร้ายแบบหนักๆ ต้องยกให้ Colm Feore ในบทวูลฟ์ ลูกน้องของเรธริคที่ตามเก็บเจนนิงส์แบบถึงไหนถึงกัน และอีกคนที่โผล่มาเยอะ แต่ก็เด่นไม่น้อยอย่าง Paul Giamatti ในบทชอร์ตตี้ เพื่อนแสนดีของไมเคิล ในขณะที่ Uma Thurman ดูจะโดนกลืนจนความเด่นอยู่ในขั้นน้อยถึงน้อยมาก ซึ่งอันนี้ไม่แปลกใจเพราะบทผู้หญิงในหนัง John Woo จะไม่เด่นมากอยู่แล้ว

หนังได้เค้าโครงมาจากเรื่องสั้นของ Philip K. Dick ที่เรื่องสั้นของเขาเป็นต้นขั้วให้กับหนังดังๆ อย่าง Blade Runner, Total Recall และ Minority Report ซึ่งกับเรื่อง Paycheck นี้ว่ากันตามเนื้อผ้าแล้วมันก็อาจไม่เด็ดเท่าเรื่องเหล่านั้น แต่ก็ยังดูเอาเพลินเอาสนุกได้ครับ ขอเพียงไม่คิดมากจนเกินไป หรือไม่ตั้งความหวังมากเกินไปเท่านั้นเอง