ค้นหาหนัง

One Nite in Mongkok

One Nite in Mongkok
เรื่องย่อ : One Nite in Mongkok

ไหลฟู่ [Daniel Wu] มือปืนรับจ้างจากชนบทของจีนที่ถูกว่าจ้างให้มาเก็บเป้าหมายที่เกาะฮ่องกงในย่านม่งก๊ก ย่านชุมชนที่แออัดมากที่สุดของโลกและในขณะเดียวกันกรม ตำรวจฮ่องกงก็มีแผนที่จะปราบมาเฟียในย่านม่งก๊กภายใน 36 ชั่วโมง เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงหลังจากที่โดนมาเฟียหยามและครองเมืองมานานโดยไหลฟู่ไม่รู้ตัวเองเลยว่า มือปืนรับจ้างจากชนบทของจีนที่ถูกว่าจ้างให้มาเก็บเป้าหมายที่เกาะฮ่องกงที่กำลังเป็นเป้าหมายของกรมตำรวจฮ่องกง และผู้หมวดหมิว [ฟาง จงซิ่น] นายตำรวจมือดีของกรมก็คือผู้รับผิดชอบในคดีนี้และเมื่อสายของผู้หมวดหมิวได้มาแจ้งข่าวเรื่องการเข้ามาม่งก๊กของไหลฟู่ ทำให้ผู้หมวดหมิวต้องจับกุมไหลฟู่ให้ได้ก่อนที่เค้าจะก่อคดี แต่การจะจับกุมไหลฟู่ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเพราะไหลฟู่เกิดรู้ตัวเองก่อนว่ากำลังตกเป็นเป้าหมายของตำรวจ และระหว่างที่หนีการล่าตัวของตำรวจไหลฟู่ได้พบกับ ตันตัน [จาง ป๋อจือ] โสเภณีในย่านม่งก๊กซึ่งเป็นคนที่มาจากชนบทของจีนเหมือนกับไหลฟู่คอยให้ความช่วยเหลือในการหาที่ซ่อนตัว บทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นเช่นไรติดตามชมในหนังเรื่องนี้ One Nite in Mongkok

IMDB : tt0430772

คะแนน : 8



หนังมีตัวละครหลักหลายตัว เหตุการณ์ส่วนใหญ่เกิดขึ้นภายในคืนเดียว หนำซ้ำพล็อตและเรื่องราวก็ไม่ใช่ของใหม่ อันนี้ยังไม่นับรวมว่าฉากหลังของหนังซึ่งตีวงแคบอยู่ในย่านมงก๊ก ซึ่งผู้คนพลุกพล่าน และการถ่ายทำย่อมเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ของแสลงทั้งหมดทั้งปวงนั้น ก็ดูจะไม่เป็นปัญหาเลยสำหรับเอ๋อต่งเซิน

ถ้าใครเคยมีโอกาสไปเดินในย่านมงก๊ก คงจะเข้าใจความหมายของ One Nite In Mongkok ได้แบบไม่ต้องอธิบาย ร้านรวงทั้งแบบตึกแถวและแผงกั้นเบียดตัวกันแข่งกับผู้คนที่มาจับจ่ายใช้สอย กลางวันว่าคึกคักแล้ว แต่ถ้าลองให้เข็มนาฬิกาเลื่อนเลยหนึ่งทุ่มไป จะพบว่าที่แออัดกันในตอนพระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน เป็นแค่ลิเกออกแขกเท่านั้น

สินค้าที่วางขายกันอยู่ในตลาดมีตั้งแต่ของแพงแบรนด์ดัง ยันของเก๊ที่ลักลอบนำเข้ามาจากจีนแผ่นดินใหญ่ (ล่อตาล่อใจนักท่องเที่ยว ขนาดที่ไม่ว่าจะใจแข็งสักเท่าไร ก็ต้องยอมควักเงินออกมายื่นให้คนขายกันบ้าง) ไม่ต่างจากผู้คนที่จำแนกไม่ได้ว่าหลั่งไหลมาจากทิศไหนกันบ้าง “หนึ่งคืนในมงก๊ก” จึงเป็นคืนที่แสนจะวุ่นวาย และเต็มไปด้วยสีสัน

เหตุการณ์ในหนังเริ่มต้นเหมือนกับหนังแก๊งสเตอร์ฮ่องกงทั่วๆ ไป มาเฟียสองแก๊งใหญ่ทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง จนอีกฝ่ายโกรธแค้นหมายจะเอาชีวิตศัตรูให้ได้ โดยติดต่อเอเยนต์ให้นำมือปืนจากจีนแผ่นดินใหญ่ มาทำงานอย่างลับๆ

หนังตัดไปเล่าถึงตำรวจกลุ่มหนึ่งที่ต้องดูแลความเรียบร้อยของเมืองอย่างเข้มงวดกว่าเดิม เพราะอยู่ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ที่สำคัญ คือ การได้ข่าวว่า 2 กลุ่มอิทธิพลกำลังดำเนินการล้างแค้นกัน ย่อมหมายถึง สถานการณ์มีสิทธิ์จะบานปลายและเลวร้ายกว่าเดิม

ตัวละครฟากเจ้าหน้าที่ซีไอดี ได้รับการแจกแจงว่ามีทั้ง หัวหน้าที่ดูจะยังไม่ให้อภัยตนเองจากการวิสามัญผู้ต้องหา, น้องใหม่เส้นใหญ่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานวันแรก, ขาลุยที่พร้อมดูจะมีปัญหากับสายสืบอยู่ตลอดเวลา ฯลฯ แต่ยังไม่ทันที่จะได้รับรู้อะไร หนังก็กระโดดไปเล่าถึงตัวละครอีกกลุ่มทันที

ไหลฟู่ เป็นเด็กหนุ่มจากเมืองจีนที่ถูกจ้างวานมาปลิดชีพเจ้าพ่อใหญ่ในฮ่องกง เขาเดินทางมาโดยไม่รู้เรื่องราวอะไรทั้งนั้น นอกจากว่า เขาจะได้เงินก้อนหนึ่ง และอาจจะพอมีเวลาเหลือไปตามหาแฟนสาวซึ่งมาทำงานที่นี่และขาดการติดต่อเป็นเวลานานหลายปี

ด้วยความบังเอิญไหลฟู่ได้ช่วยเหลือโสเภณีหน้าตาน่ารักไว้คนหนึ่งจากการถูกแมงดาซ้อม เธอจึงอาสาออกพาเขาตระเวนมงก๊กเป็นการตอบแทน ในขณะเดียวกัน ตำรวจก็จับเอเยนต์มือปืนได้ และหมอนั่นก็ยอมเผยไต๋ออกมาหมด เพื่อให้ตำรวจตามสกัดไหลฟู่ได้ก่อนที่จะเกิดเหตุรุนแรงขึ้น

หนังชวนให้คิดว่า เรื่องราวที่ขมวดปมในตอนต้นค่อยๆ คลายตัวออก แต่กลับกลายเป็นตรงกันข้าม ตัวละครมากหน้าหลายตาที่พล็อตได้วางไว้ กลับถูกโยงมาเกี่ยวพันกันอย่างคาดไม่ถึง และบทสรุปก็ออกมาแย่กว่าที่มันควรจะเป็น

เมื่อ 6 - 7 ปีก่อน มีหนังฮ่องกงหลายเรื่องทีเดียวที่สื่อทั้งอารมณ์และบรรยากาศ ทั้งทางตรงและอ้อม (งานของปีเตอร์ ชาน เรื่อง Comrade, Almost a Love Story หรือ City of Glass ของมาเบล จางเป็นตัวอย่างงานที่อยู่ในระดับดีมากๆ) ถึงการคืนเกาะฮ่องกงให้แก่ประเทศจีน เกือบทั้งหมดแสดงอาการหวาดกลัวต่ออนาคตที่ไม่รู้ว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน และสิทธิเสรีภาพที่เคยมีจะถูกแผ่นดินใหญ่ลิดรอนไปอย่างไร (ชาวฮ่องกงมีฐานะบางคนถึงกับต้องย้ายนิวาสถานไปอยู่ต่างประเทศ)
 เป็นคำตอบสำหรับคำถามเหล่านั้นอย่างเจ็บแสบ เพราะในขณะที่คนฮ่องกงเป็นห่วงสวัสดิภาพของตนเอง แต่คนที่ตกเป็นเหยื่อลำดับแรกๆ จริงๆ กลับไม่ใช่พวกเขา คนอย่างไหลฟู่และตันตัน (โสเภณีสาวรายนั้น) ต่างหาก ทั้งคู่มาจากแผ่นดินใหญ่เพื่อชีวิตที่ดีกว่าของตนเองและครอบครัว แต่ก็จบลงด้วยการเป็นอะไรบางอย่างที่ไม่มีค่าเหลืออยู่เลย

ตันตันบอกว่า ก่อนจะมาถึงฮ่องกง เธอคิดว่ามันคงจะทำให้เธอมีความสุขกว่าอยู่ที่บ้านนอก คำว่า “ฮ่องกง” สำหรับเธอแล้ว ชวนให้นึกถึงอะไรที่หอมหวน แต่สิ่งที่เจอจริงๆ นอกจากควันพิษแล้ว คนที่นี่ยังแย่และห่างไกลจากที่คิดไว้แต่แรก

เช่นกัน หนังก็กำหนดให้ตัวละครอย่าง ตำรวจหนุ่มคนใหม่ที่ออกจะโผงผางเลือดร้อน เป็นตัวแทนของคนฮ่องกงอย่างชัดเจน เขาบอกว่าไม่เคยรู้สึกผิดถ้าจะยิงคนร้าย “พวกมันเลว ก็สมควรแล้ว” เด็กหนุ่มไม่มีความคิดอยู่ในหัวว่า คนที่ได้ชื่อว่าเลว มันก็มีชีวิตและเหตุผลในตัวของมันเองเหมือนกัน

เอ๋อต่งเซินไม่ได้สรุปว่า ใครเป็นฝ่ายผิด ทุกคนที่เหตุผลในการกระทำของตนเอง โชคร้ายหน่อยก็ตรงที่มันเป็นเหตุผลที่ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครเข้าใจของกันและกัน โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นในวันคริสต์มาสแบบที่พระเจ้าก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออะไรไม่ได้ มันก็แค่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะผ่านไปอย่างรวดเร็วในเมืองที่เวลาเป็นเงินเป็นทองอย่างมงก๊ก

One Nite In Mongkok ชวนให้ผมนึกถึงงานชั้นดีของตู้ฉีฟงเรื่อง PTU ซึ่งสนุกสนานพอกัน แต่พล็อตของมันไม่ได้มีลักษณะจงใจเหมือนเรื่องหลัง หรือเมื่อเร็วๆ นี้ผมเพิ่งได้ดู Collateral ของไมเคิล มานน์ ก็มีลักษณะคล้ายๆ กัน แต่ผมชอบงานของเอ๋อต่งเซินมากกว่าเยอะเลย

หนังโดยรวมอยู่ในระดับดีหมด การกำกับภาพ การตัดต่อและดนตรีประกอบเรียกได้ว่าถึงพร้อม เสียอยู่หน่อยตรงที่ทั้ง เดเนียล วู และ จางป๋อจือ ดูหน้าตาดีเกินไปสำหรับบทคนที่มาจากแผ่นดินใหญ่ นอกนั้นแล้วก็ไม่มีอะไรติดขัด จนทำให้ผมเชื่อแน่ว่า พอถึงฤดูกาลแจกรางวัลของฮ่องกงปีราวต้นปีหน้า One Nite In Mongkok คงสร้างสีสันให้กับงานไม่ต่างจากหนังอย่าง Infernal Affairs เลยทีเดียว