ค้นหาหนัง

Once Upon a Time in China | หวงเฟยหง ภาค 1 หมัดบินทะลุเหล็ก

Once Upon a Time in China | หวงเฟยหง ภาค 1 หมัดบินทะลุเหล็ก
เรื่องย่อ : Once Upon a Time in China | หวงเฟยหง ภาค 1 หมัดบินทะลุเหล็ก

เรื่องราวเกิดขึ้นในช่างปี ค.ศ. 1875 ซึ่งเข้าสู่ช่วงปลายราชวงศ์ชิง ประเทศจีนต้องผจญศึกทั้งภายนอกจากเหล่าผู้รุกรานจากชาติตะวันตก และภายในจากการฉ้อราษฎร์บังหลวงของเหล่าขุนนางในราชสำนัก หวงเฟยหงและพวกพ้องต้องเข้าต่อกรเหล่านักเลงหัวไม้ ที่รวมหัวกับนักค้าทาสหลอกคนจีนไปเป็นทาสที่อเมริกา ในขณะที่น้าสิบสามก็ถูกคนเหล่านั้นหลอกไปขึ้นเรือเพื่อเอาไปขายเป็นโสเภณีเช่นกัน

IMDB : tt0103285

คะแนน : 8



ภาคแรกของหนังกังฟูระดับตำนานครับ

เรื่องราวเกิดในยุคล่าอาณานิคม ชาติตะวันตกรุมล้อมหมายจะครอบครองแผ่นดินจีน กดขี่ข่มเหงเอาเปรียบคนจีนไม่ว่าจะในเรื่องการค้าด้วยการทำสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ข่มขู่ราชสำนักด้วยการปิดล้อมและมอมเมาด้วยฝิ่น ไหนจะมีการหลอกคนจีนไปค้าแรงงานเถื่อน ส่วนขุนนางจีนบางรายก็ยังเอาเปรียบชาวบ้านอีก ทำให้บ้านเมืองระส่ำระสาย คนยากจนมีมากมาย บ้างก็ต้องเป็นอันธพาล บ้างก็หันไปเป็นโจร

แต่ก็มีคนอีกส่วนหนึ่งที่ยังยึดมั่นในคุณธรรม และศรัทธาในประเทศ อย่างอาจารย์หวงเฟยหง (หลี่เหลียนเจี๋ย) ที่กล้าลุกขึ้นเจรจากับชาวต่างชาติอย่างตรงไปตรงมา อีกทั้งยังคอยจัดการกับพวกคนจีนที่เอาเปรียบคนจีนด้วยกันเอง

ในภาคนี้เป็นการแนะนำหวงเฟยหงและลูกศิษย์แห่งสำนักเป่าจือหลิน อย่างฟันเหยินซู (จางเซี๊ยะโหย่ว) ที่ติดอ่างเวลาพูดภาษาจีน แต่พอได้พูดฝรั่งเมื่อไรก็เป็นอันคล่องปรื๋อ, หมูตอนหยง หรือลิ้มซีหยง (เจิ้งจั๊ดซือ) ศิษย์ร่างอ้วนที่ขยันค้าขาย แต่ลีลากังฟูก็จัดจ้านพริ้วไหว และยังเป็นการพบกันครั้งแรกของอาจารย์หวงกับ เหลียงควน (หยวนเปียว) (หรือเหลียงคุนแล้วแต่จะออกเสียงนะครับ) ว่าที่ศิษย์เอกในอนาคต ซึ่งตอนนั้นยังเป็นเพียงหนุ่มโรงงิ้วอารมณ์ร้อน และที่ขาดไม่ได้คือ น้าสิบสาม (กวนจื่อหลิน) คนรักของอาจารย์หวง

ยอมรับว่าหนังสามารถสร้างคาแรคเตอร์อาจารย์หวงได้อย่างยอดเยี่ยมและมีมิติ แม้สาระหลักของหนังจะว่าด้วยความรักชาติ แต่อาจารย์หวงเองก็ไม่ได้เป็นพวกรักชาติแบบไม่ลืมหูลืมตา แต่เขาก็ยังสนใจในเรื่องความก้าวหน้า เทคโนโลยี หรือเรื่องราวของประเทศอื่นๆ นอกแผ่นดินจีน อย่างตอนที่เขาถามน้าสิบสามว่า “เมืองนอกดีอย่างไร ว่างๆ เล่าให้ข้าฟังบ้างสิ” ก็เป็นการแสดงความเปิดกว้างของอาจารย์หวงได้อย่างดี

ขณะเดียวกันหนังก็ไม่ได้นำเสนอชาติตะวันตกว่าเป็นตัวร้ายเสมอไปครับ แต่มีทั้งคนที่ดีและไม่ดี อย่างตอนที่อาจารย์หวงเดินไปเจอพวกฝรั่งที่มาหวานล้อมให้คนจีนไปทำงานเมืองนอก (จริงๆ คือหลอกไปใช้แรงงานทาส) โดยใช้คำว่า “ทอง” หลอกล่อผู้คนด้วยคำโฆษณาเกินจริง จนอาจารย์หวงส่ายหน้าแล้วเดินจากมา

จากนั้นครู่เดียวก็มีบาทหลวงท่านหนึ่งเดินมายื่นใบปลิวให้ อาจารย์หวงเลยถามว่า “จะชวนข้าไปขุดทองหรืออย่างไร” ท่านบาทหลวงก็บอกว่า “ไม่ใช่หรอก ทรัพย์สินเงินทองไม่ใช่ของยั่งยืน แต่พระเจ้าต่างหากที่จะช่วยเราได้นะ”

ผมชอบครับ เป็นการสื่อแง่มุมง่ายๆ ว่าตะวันตกก็มีทั้งด้านที่ดีและไม่ดีครับ เช่นเดียวกับในชาติจีนเองก็มีทั้งมุมดีที่ทำให้ชาติแข็งแกร่ง เช่นฝีมือกังฟู แนวคิดปรัชญาจากนักคิดโบราณ ส่วนมุมไม่ดีก็มี อย่างพวกขุนนางทุจริตโกงกินทั้งที่บ้านเมืองกำลังจะเสียแหล่ไม่เสียแหล่ หรือการยึดในความเป็นจีนจนพากันต่อต้านชาติตะวันตกแบบไม่ไตร่ตรองใดๆ

อันที่จริงการจะไปตั้งหน้าโทษวัฒนธรรมของชาติอื่นอยูร่ำไปนั้นเป็นการด่วนสรุปที่อาจทำให้เราเสียโอกาสได้ เราเองนั่นแหละที่ควรจะต้องเรียนรู้ คัดกรองด้วยสติปัญญา อะไรดีก็รับไว้นำมาปรับใช้ให้เหมาะกับชาติเรา อะไรไม่ดีก็ปฏิเสธไม่ต้องยอมรับ หรืออะไรที่ยังก้ำกึ่งไม่รู้ว่าดีหรือไม่เราก็ค่อยๆ ศึกษาหาคำตอบอย่างมีหลักการ เหมือนที่อาจารย์หวงบอกน่ะครับ ว่าเราต้องเปลี่ยนแปลงบ้าง ไม่เช่นนั้นจะอยู่รอดรับมือชาติอื่นได้อย่างไร

ในแง่สาระนั้นถือว่าน่าพอใจมากๆ ครับ มีมุมให้คิด นำเสนอไปพร้อมๆ กับความเป็นหนังกังฟูที่พี่หลี่เหลียนเจี๋ยเองก็ออกหมัดซัดผู้ร้ายได้แบบต่อเนื่อง เมามันส์ออกรสมากๆ ครับ ด้านอารมณ์ขันก็เสิร์ฟมาเรื่อยๆ ช่วยให้หนังลื่นได้อีกเยอะ

สำหรับคู่ปรับคนสำคัญของอาจารย์หวงในภาคนี้ก็คือ เอี๋ยนเจิ้งตง ผู้มาพร้อมวิชาเพลงมวยเสื้อเกราะเหล็กที่ทำให้ร่างกายเราคงกระพันฟันแทงไม่เข้า ซึ่งเรื่องของเอี๋ยนเจิ้นตงนั้นก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างครับ ว่าการมีวิชาดีคู่กายนั้น เราต้องมีสติในการใช้ ควรมีคุณธรรมประกอบ ไม่เช่นนั้นวิชาดีๆ ที่มีนั้นอาจกลายเป็นสิ่งสร้างความเสียหายแทนที่จะสร้างสรรค์ให้เกิดผลดี

เป็นเหมือนสิ่งเตือนใจเราครับ ว่าหากเรามีของดี (ไม่ว่าจะวิชาดี ความรู้ดี สมองดี เงินทองมรดกเยอะดี หน้าตาดี หรือมีความสามารถรอบด้านดี) เราก็ควรตระหนักตามคำคม Spider-Man ว่าอำนาจอันยิ่งใหญ่มาพร้อมความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง (ใช้ได้ทุกสถานการณ์และชนชาติเลยครับ คำคมนี้)

เมื่อเรามีของดี หากใช้ดีย่อมเกิดผลดีทั้งต่อเราและสังคม แต่หากเราเผลอหลงในอำนาจ ใช้วิชาที่มีในทางที่ผิด ย่อมเกิดให้เกิดความเดือดร้อน แล้วเมื่อถึงจุดหนึ่งผลเสียก็จะย้อนกลับมาทำร้ายเราได้

จริงๆ ก็น่าเห็นใจเอี๋ยนเจิ้นตงไม่น้อยครับ ส่วนหนึ่งที่เขาเดินทางผิดก็เพราะสังคมบีบคั้น ไม่ว่าจะความแร้นแค้นยากจน, เพราะคนด้วยกันดูหมิ่นดูแคลนแทนที่จะช่วยเหลือเกื้อหนุนกัน, เพราะไม่เคยได้รับโอกาส, เพราะไม่มีเพื่อนคู่คิดหรือไม่มีใครคอยนำไปสู่ทางที่ถูก บทลงเอยจึงเป็นอะไรที่น่าสลดเช่นนี้เอง

ชวนให้คิดเหมือนกันครับ ว่าที่เราชอบคิดกันว่าเรื่องของคนอื่นไม่เกี่ยวกับเรานั้น บางสถานการณ์ก็อาจไม่ใช่ ถ้าเราเห็นคนดีมีฝีมือแล้วไม่ส่งเสริม ไม่ช่วยนำทางแนะนำเขาไปสู่ทางที่ชอบ นั่นอาจเท่ากับเราเป็นส่วนหนึ่งที่ปล่อยให้คนมีดี กลายเป็นปัญหาสังคมได้ ไหนจะคนไม่ดีทั้งหลายที่หากเราไม่หาทางปราม พวกเขาก็จะฮึกเหิมกำเริบ จากแก๊งเล็กๆ ก็กลายเป็นกลุ่มโจรใหญ่ๆ ได้เหมือนกัน

ในแง่หนึ่ง หนังชุดหวงเฟยหงนี้ก็เป็นการสะท้อนความจริงที่ว่า “จุดอ่อนชนิดใด ที่ทำให้จีนต้องล่มสลาย พ่ายให้กับต่างชาติ” ซึ่งถือเป็นอะไรที่น่าคิดวิเคราะห์ตามไม่น้อย

ด้านความมันส์ก็มีครบถ้วนครับ บู๊กันมันส์สะใจ มีลุ้นกำลังดี มีการไต่ระดับความมันส์เรื่อยๆ ครบเครื่องทั้งสาระและความสะใจแบบกังฟู อันนี้ขอชมลีลาการเล่าเรื่องของฉีเคอะเลยครับ ทำหน้าที่กำกับได้ยอดมากๆ

บทสรุปของเรื่องก็ถือว่าเข้าท่า สรุปลงท้ายได้ดีครับ หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดจบลง เมื่ออาจารย์หวงก็เอ่ยขึ้นว่า “ถ้าอเมริกามีทองจริง ทำไมฝรั่งต้องบุกแผ่นดินจีนด้วย?… บางทีเราอาจกำลังยืนอยู่บนแผ่นดินทองแล้วก็ได้”