ค้นหาหนัง

Once Upon a Time in China V | หวงเฟยหง ภาค 5 สยบโจรสลัด

หมวดหมู่ : หนังแอคชั่น
Once Upon a Time in China V | หวงเฟยหง ภาค 5 สยบโจรสลัด
เรื่องย่อ : Once Upon a Time in China V | หวงเฟยหง ภาค 5 สยบโจรสลัด

หวงเฟยหง และ หวงฉีอิง พ่อของเขาได้เดินทางออกจากปักกิ่งหลังการบุกยึดครองของชาติตะวันตก เพื่อกลับไปที่ร้านยาเป่าจือหลินพร้อมกับกลุ่มผู้ติดตาม ระหว่างทางพวกเขาก็ได้เจอกับ น้าสิบสาม ที่เมืองชายทะเลอันห่างไกลแห่งหนึ่ง ซึ่งที่นั่นกำลังมีปัญหาเรื่องโจรสลัดที่บุกขึ้นฝั่งมาปล้นและฆ่าคนในเมือง ทั้ง ๆ ที่บ้านเมืองก็กำลังอยู่ในยุคข้าวยากหมากแพงเพราะการบุกยึดของชาวตะวันตก หวงเฟยหงและพรรคพวกจึงต้องปราบเหล่าโจรสลัดเพื่อความสงบสุขของชาวบ้าน

IMDB : tt0110073

คะแนน : 5



ภาคนี้ถือว่ามีความสนุกหลายรสดีเหมือนกันครับ ผมว่าดีกว่าภาคที่แล้วนะ ซึ่งก็พอเข้าใจครับว่าคราวก่อนนั้น ฉีเคอะพยายามจะสานต่อแบบฉบับหวงเฟยหงเดิมๆ ที่หลี่เหลียนเจี๋ยทำไว้ แต่ทีนี้หลายอย่างมันไม่เข้ากับสไตล์และลีลาของเจ้าเหวินจั๋วเท่าที่ควร ทำให้ภาค 4 ยังไม่กลมกล่อม บางส่วนก็ซ้ำรอยภาค 3 และบางส่วนออกมาธรรมดาไม่น่าจดจำเท่า 3 ภาคแรก

แต่คราวนี้ ฉีเคอะ ลงมากำกับเองครับ พร้อมคืนชีพหนังหวงเฟยหงด้วยการปรุงให้รสชาติมีทั้งกลิ่นอายเก่าๆ และรสชาติใหม่ๆ ที่เข้ากับความเป็น เจ้าเหวินจั๋ว ซึ่งการปรุงที่ว่านั่นก็คือการใส่อารมณ์ขันโดนๆ ให้พวกลูกศิษย์ตัวแสบมาช่วยกันยิงมุข ส่วนตัวหวงเฟยหงเวอร์ชั่นเจ้าเหวินจั๋วในภาคนี้ก็นิ่มขึ้น มีลีลาคุณชายใกล้เคียงกับคาแรคเตอร์ของเจ้าเหวินจั๋ว พร้อมใส่เรื่องรักสามเศร้าระหว่างน้าสิบสามและน้าสิบสี่ลงไปด้วย และด้านการออกหมัดกังฟูก็ถือว่าพริ้วแบบพอเหมาะ ไม่ได้ออกหนัดหนักหน่วงเท่าสมัยหลี่เหลียนเจี๋ย ทำให้ภาคนี้อร่อยลงตัวกว่าภาคก่อน เรียกว่าสนุกไม่แพ้หวงเฟยหงภาค 3 เลย (แต่ยังไม่เทียบเท่า 2 ภาคแรก)

ภาคนี้ใช้ความช่วยเหลือจากเหล่าลูกศิษย์มาเพิ่มความมันส์ฮาได้เยอะครับ ส่วนที่เข้าท่าอีกประการคือการสอดแทรกแง่คิดคำคมลงไป คือในภาคนี้จะเป็นเรื่องของแผ่นดินจีนในยุคล่มสลาย ระบบระบอบต่างๆ ที่เคยมีก็โดนสลายอำนาจไป แต่พวกขุนนางที่ยังใช้อำนาจอยู่ก็มีครับ และบางคนก็ดันใช้อำนาจแบบเหลิงระเริง เพราะไม่มีทางการควบคุมเลยจัดเต็มในความบ้าอำนาจซะเลย จนทำให้มีคำคมดีๆ อย่าง “อย่านึกว่าเจ้าแต่งชุดประจำตำแหน่งแล้วจะนั่งอยู่บนหัวคนได้นะ ขึ้นได้ก็ลงได้อย่าลืมสิ”

ขณะเดียวกันเราก็จะได้เห็นผู้ร้ายประเภทต่างๆ ในยุคที่ไม่ได้มีแค่ขุนนางโฉดหรือพวกพรรคมารอีกต่อไป แต่คนธรรมดาก็ยังกลายเป็นคนที่ก่อความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นได้ เช่นพวกพ่อค้าสูบเลือด ฉวยโอกาสขายของแพงๆ จนหลายคนรวยท่ามกลางความลำเค็ญและคราบน้ำตาของเพื่อนร่วมชาติด้วยกัน หรือเหล่าโจรสลัดที่เกาะกลุ่มปล้นชิงเพื่อความอยู่รอด

แต่กระะนั้นตัวจางเป๋าไจ๋ หัวหน้าวายร้ายก็มีคำพูดที่น่าสนครับ เขาพูดว่าใน ตระกูลเขานับแต่อดีตถึงปัจจุบัน ไม่เคยมีใครสนใจหรือจดจำได้ จนเขามาเป็นโจรนี่แหละ ฮ่องเต้ยังต้องหันมอง เรียกว่าเป็นการจิกกัดสังคมได้พอสมควรเลยล่ะครับ เพราะคนมากมายทำสิ่งดีก็เท่านั้น ไม่ได้รับการพูดถึงหรือแม้แต่เอ่ยชม ในขณะที่คนทำสิ่งไม่ดีนั้นกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ ทุกคนพูดถึงและจดจำได้ ดีไม่ดีบางคนก็ได้ดีจากการทำไม่ดีซะอีกด้วย

อีกประเด็นที่ชวนคิดในหนังภาคนี้คือการที่ยุคสมัยในหนังนั้นคือยุคที่ระบบล่ม ทำให้มีคนมากมายพยายามจะดันตัวเองขึ้นมาเป็นผู้นำ ตั้งตนเป็นผู้ปกครองโดยอ้างว่าทำเพื่อความสงบ เพื่อรวมใจคน เพื่อทำให้เกิดระบบระเบียบขึ้นมา แต่ไปๆ มาๆ การมีคนปกครองมากเกินไป ก็กลายเป็นความวุ่นวายได้เหมือนกัน เพราะพวกเขาจะหมายแย่งอำนาจแทนที่จะร่วมมือกัน สุดท้ายก็เกิดก๊กเกิดเหล่า บ้านเมืองวุ่นวายเพิ่ม ประชาชนลำบากหนักกว่าเดิมเพราะมีก๊กกลุ่มคนมาหาเรื่องเขามากกว่าเก่าเสียอีก

เป็นภาคที่สนุกกว่าที่คิดครับ สนุกในแง่เนื้อหา ในแง่กังฟู แล้วก็แง่คิดดีๆ ซึ่งผมว่าจุดเด่นของหนังหวงเหยฟงนอกจากจะเป็นเรื่องกังฟูแล้ว เรื่องการวิพากษ์การล่มสลายของแผ่นดินจีนนั้นก็ถือเป็นไฮไลท์อีกประการที่ทำให้หนังชุดนี้มีคุณค่ามากกว่าแค่หนังต่อยตียุคผมหางเปียทั่วไป