ค้นหาหนัง

On Her Majesty's Secret Service | ยอดพยัคฆ์ราชินี 007 [James Bond: George Lazenby]

หมวดหมู่ : หนังแอคชั่น
On Her Majesty's Secret Service | ยอดพยัคฆ์ราชินี 007 [James Bond: George Lazenby]
เรื่องย่อ : On Her Majesty's Secret Service | ยอดพยัคฆ์ราชินี 007 [James Bond: George Lazenby]

แม้องค์กร SPECTRE จะโดนถล่มจนพินาศไปแล้ว แต่ เจมส์ บอนด์ (George Lazenby) ก็ยังคงตามล่า เอิร์นส์ สตาฟโร โบลเฟลด์ (Telly Savalas) ที่ยังหลบหนีอยู่ บอนด์ได้พบเงื่อนงำว่าเจ้าของสถาบันวิจัยโรคภูมิแพ้ที่อยู่บนเทือกเขาอันห่างไกลในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ชื่อว่า เคาต์ เดอ โบลช็อง ที่จริงแล้วคือ โบลเฟลด์ นั่นเอง ต่อมา โบลเฟลด์ ได้ยื่นข้อต่อรองกับสหประชาชาติเพื่อให้นิรโทษกรรมความผิดของตนทุกข้อหา ไม่อย่างนั้นเขาจะปล่อยไวรัสร้ายแรงชนิดหนึ่งที่ทำให้ผู้ที่ได้รับเชื้อเป็นหมันใส่ชาวโลก บอนด์จึงต้องเข้าขัดขวางแผนร้ายของโบลเฟลด์ให้ได้

IMDB : tt0064757

คะแนน : 8



เนื้อเรื่องบอนด์ภาคนี้กำหนดให้บอนด์ (Lazenby) ออกโรงสืบหาโบลเฟลด์ (Telly Savalas) ที่ยังลอยนวล ข่าวล่าสุดแจ้งว่าโบลเฟลด์ไปเก็บตัวอยู่ที่สถาบันวิจัยบนยอดเขาแถบสวิสเซอร์แลนด์ บอนด์เลยปลอมตัวเข้าไปสืบ ก่อนจะพบแผนร้ายของโบลเฟลด์ที่หมายจะทำลายโลกด้วยสารพิษ

ความพิเศษของบอนด์ภาคนี้คือ เป็นตอนแรกและตอนเดียวที่บอนด์พบรักแท้และลงเอยด้วยการแต่งงาน เธอคือ เทรซี่ ดราโก (Diana Rigg) สาวหัวรั้นลูกเจ้าพ่อใหญ่ ซึ่งบุคลิกของเธอแข็งแกร่งละไม่มีใครปราบได้ นอกจากบอนด์เท่านั้น ด้วยความที่ทั้งสองมีลักษณะคล้ายกันในหลายด้าน และบอนด์ยังเคยช่วยชีวิตเธอไว้ด้วย (เธอคิดฆ่าตัวตายเพราะขาดความอบอุ่นครับ และบอนด์ก็เลยตัดสินใจมอบความอบอุ่นให้เธอ) ความรักเลยก่อตัว อันนำมาสู่พิธีวิวาห์ในที่สุด

การถ่ายทำหนังภาคนี้มีข่าวลบๆ ของ Lazenby ตลอด ไม่ว่าจะความเอาแต่ใจของเขา ที่คิดว่าตัวเองเป็นดาราใหญ่เลยชอบฟาดงวงฟาดงากับทุกคน จน Rigg และผู้กำกับ Hunt แทบไม่อยากมองหน้า มิหนำซ้ำยังผลาญงบกองถ่ายไปกับรถส่วนตัวและบุหรี่ชั้นดีที่เขาเชื่อว่ามันจำเป็นต่อภาพลักษณ์ดาราใหญ่เช่นเขา

อาจจะเพราะข่าวแง่ลบนี่แหละ ผู้ชมเลยพากันหมั่นไส้พาลไม่ไปติดตามหนังบอนด์ภาคนี้เท่าไร หนัง 007 ทุนสร้าง $7 ล้านเรื่องนี้เลยทำเงินในอเมริกาแค่ $22 ล้าน ดีที่ได้เงินจากตลาดโลกมาช่วย (เบ็ดเสร็จ 87.4 ล้าน) หนังเลยไม่ขาดทุน แต่ทางผู้สร้างก็ร่ำๆ ว่าจะเลิกสัญญานาย George คนนี้ซะ

ทว่าเหตุการณ์กลับพลิกผัน เพราะคนบอกเลิกสัญญาดันกลายเป็น Lazenby เสียเอง!

เหตุผลก็คือเขาเล็งเห็นว่าหนัง 007 ไม่น่าจะมีอนาคตอีกต่อไปแล้ว และอาจจะเป็นผลร้ายต่อชีวิตการแสดงของเขาอีกด้วย ทำให้ Lazenby ประกาศเลิกสัญญาทันที ซึ่งทางผู้สร้างก็ไม่มีปัญหาใดๆ เนื่องจากมันตรงตามความประสงค์ของพวกเขาอยู่แล้ว

แต่ถ้าไม่นับข่าวลบๆ จากกองถ่ายแล้ว หนังบอนด์ตอนนี้ถือว่าใกล้เคียงนิยายมากครับ เรื่องราวก็จัดว่าน่าสนใจ ถ้าจะบอกว่าพล็อตมีความเข้มข้นก็คงไม่ผิดอะไรนัก เพราะนอกจากจะมีเรื่องราวการสืบสวนผสมแอ็กชันของสายลับ 007 แล้ว ยังสอดแทรกประเด็นความรักของบอนด์ลงไปอย่างพอเหมาะ แต่อันนี้ก็น่าเสียดายครับที่ Lazenby แสดงออกถึงประเด็นเหล่านี้ได้ไม่ถึงขั้น

โดยส่วนตัวผมชอบพล็อตความรักระหว่างบอนด์กับเทรซี่นะครับ สองคนนี้มีอะไรเหมาะสมกันหลายอย่าง ทั้งความดื้อดึงหัวรั้นไม่ยอมใคร ต่างคนต่างก็มีชีวิตที่อ้างว้างเปล่าเปลี่ยว บนเส้นทางการทำงานของบอนด์นั้น เขาแทบไม่เจอใครที่จะแบ่งปันอารมณ์ความรู้สึกด้วยได้เลย ส่วนเทรซี่เองก็ขาดความอบอุ่น อยากได้คนเข้าใจ อยากได้คนดูแล เรียกว่าถ้าถอดรหัสเอาเฉพาะบทมาดูกันแล้ว ต้องถือว่าความรักของบอนด์ครั้งนี้น่าสนใจกว่าครั้งใดๆ เลยก็ว่าได้ เพราะมันถือเป็นการเจาะลึกสภาพจิตใจและแง่มุมความเป็นคนของบอนด์ไปในคราวเดียว

แต่ก็นั่นแหละครับ เสียดายที่ภาพบนจอและการแสดงไม่ไปถึงจุดนั้น แม้แต่ Rigg เองก็ไม่สามารถทำให้คนดูเชื่อสนิทใจได้ว่าเธอรักบอนด์ ซึ่งอันนี้ก็พอเข้าใจล่ะครับ ในเมื่อเธอกับ Lazenby มีปัญหากันบ่อยๆ เช่น ฉากเข้าพระเข้านางที่ต้องมีการประกบปากจูบกันนั้น เผอิญว่าก่อนเข้าฉาก Rigg ดันไปกินอาหารที่มีกลิ่นกระเทียมแรงๆ เข้า ทีนี้พอปากเธอประกบปาก Lazenby ฝ่ายชายก็หมดอารมณ์ทันที และหยุดแสดงฉากนั้นไปพักหนึ่งเลยทีเดียว

เอาเถอะครับ นี่เล่าพอให้ได้ทราบกันจะได้เข้าใจว่าทำไมการแสดงเข้าพระเข้านางของทั้งสองถึงดูห่างเหินยังไงพิกล

ด้านงานฉากก็จัดว่าเยี่ยมครับ อย่างฉากบนยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ กับการไล่ล่าด้วยสกีนับว่าน่าจดจำ การตามสืบในสถาบันวิจัยก็ลึกลับไม่เลว ซ้ำตอนจบยังมีเซอร์ก็ไพรส์ให้คนดูอึ้งหน่อยๆ ด้วย นอกจากนี้ที่ไม่ชมไม่ได้คือการแสดงของ Savalas ในบทโบลเฟลด์ ที่ถือว่าเยือกเย็น อำมหิตได้โดยไม่ต้องออกแรง

สรุปว่าบอนด์ภาคนี้มีของดีหลายอย่างครับ แต่ไม่ได้รับการดันจุดดีเหล่านั้นให้ออกมาโลดแล่นบนแผ่นฟิล์ม และการแสดงของ Lazenby เอง แม้จะไม่ได้ย่ำแย่อะไรมาก แต่ก็ยังไม่สามารถครองใจคนดูได้

จริงๆ ก็เห็นใจเขาเหมือนกันนะครับ เล่นหนังครั้งแรกในชีวิตก็เจอบทที่ต้องแสดงออกทางอารมณ์เลย ประสบการณ์ยังไม่มี แอ็กติ้งยังไม่แม่น เลยทำให้ผลที่ได้ออกมาเป็นเช่นที่เราเห็นน่ะครับ

แต่ยังไงบอนด์ภาคนี้ก็ยังถือว่าน่าพอใจครับ ส่วนหนึ่งคงเพราะ “ของดี” ในเรื่องที่แม้จะไม่เปล่งรัศมีออกมา แต่ก็พอจะพยุงหนังให้ออกมาโอเคได้