ค้นหาหนัง

Neighbors 2: Sorority Rising | เพื่อนบ้านมหา(บรร)ลัย ภาค 2

Neighbors 2: Sorority Rising | เพื่อนบ้านมหา(บรร)ลัย ภาค 2
เรื่องย่อ : Neighbors 2: Sorority Rising | เพื่อนบ้านมหา(บรร)ลัย ภาค 2

สองสามีภรรยา Mac Radner (Seth Rogen) กับ Kelly Radner (Rose Byrne) กำลังขายบ้านหลังนี้แล้วไปอยู่หลังใหม่ เพราะ Kelly กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สอง แต่ ณ ขณะที่กำลังอยู่ในช่วง 30-day “escrow” ของการขายอยู่นั้น ก็เกิดเหตุการณ์ Déjà vu ขึ้น เมื่อกลุ่มนักศึกษาหญิง Kappa Nu นำโดยประธาน Shelby (Chloë Grace Moretz) ก็ได้ย้ายมาเช่าบ้านอยู่ข้างๆ สร้างปัญหาให้เพื่อนบ้าน และจัดปาร์ตี้กันแทบทุกคืน อดีตประธานบ้านกลุ่มนักศึกษาชาย Delta Psi ผู้มีประสบการณ์ช่ำชองอย่าง Teddy Sanders (Zac Efron) จึงเข้ามาช่วยอดีตไม้เบื่อไม้เมาแก้ปัญหานี้

IMDB : tt4438848

คะแนน : 4



BAD NEIGHBORS 2 เป็นหนังภาคต่ออีกเรื่องที่ทำได้สนุกกว่าภาคแรก ไม่ดูภาคแรกมาก่อนก็ดูรู้เรื่อง หากแต่อาจจะไม่ขำเท่าคนที่เคยดูภาคแรกมาก่อน นักแสดงคนอื่นๆ ทั้งนักแสดงนำอย่าง Zac Efron, Seth Rogen และ Rose Byrne ก็กลับมากันครบ รวมถึงนักแสดงสมทบ หรือกลุ่มเพื่อนของคู่สามีภรรยา Radners และแกนนำกลุ่ม Delta Psi หรือทีม Zac Efron เช่น Pete หรือ Dave Franco ก็ยังมาร่วมแจมอยู่

ตัวละครเดิมทุกตัวก็ดูเติบโตขึ้นกันหมด โดยเฉพาะ Zac Efron ภาคนี้ บอกเลย แซ่บขึ้นมาก ซิกแพ็คมาเต็ม แถมไข่มาเป็นยวง ส่วนตัวละครใหม่อย่างหนูน้อย Chloë Grace Moretz นี่ก็ยิ่งโตยิ่งน่ารัก แถมเรื่องนี้คือบทโคตรแสบซ่า พ่วงด้วยพลังหญิง feminist ด้วย นี่ชอบมาก เราว่านางเหมาะกับบทวัยรุ่นวัยแสบสุดๆ

หนังมีซีนเด็ดน่าจดจำเยอะอยู่ แถมยังมุกไม่ซ้ำ! อาจจะมีมุกต่อยอด หรือมีเอามุกเก่ามารีไซเคิลบ้าง เช่น มุกพาดหัวข่าวของคณบดี หรือมุก Airbag แต่สดกว่า ห่ามกว่า และฮากว่าภาคแรก แต่ละมุกนี่ลั่นมาก 18+ เยอะมาก บางอันนี่กล้าเล่นได้ไง บางมุกนี่หัวเราะกันลั่นโรง น้ำตาเล็ด อย่างมุก Airbag นี่เป็นมุกมาสเตอร์พีซสำหรับเรา มาเหนือเมฆ พีคกว่าในภาคแรกสิบเท่า ที่ชอบที่สุดคือ หนังทันสมัยด้วยมุก sexist, racist, และเทคโนโลยีสมัยใหม่ก็เข้ามามีบทบาทมากขึ้นด้วยอีกต่างหาก

หนังเน้นฮาหนักมาก สนุกจนละเลยเส้นเรื่องและสาระ แต่ลึกๆ ก็แอบมีสาระอยู่นะ (แต่ลึกมากๆ 555) โดยรวมยังคงธีมเดิมของภาคแรกไว้ เหมือนเป็นเหตุการณ์ Déjà vu แต่ก็มีแตกต่างและเพิ่มเติมจากเดิมพอสมควร กล่าวคือ

ภาคก่อน Seth Rogen และ Rose Byrne เสมือนตัวแทนกลุ่มคนวัยทำงานตอนต้น อายุยี่สิบปลายๆ หรือสามสิบต้นๆ ที่เพิ่งเริ่มต้นสร้างครอบครัว มีบ้านของตัวเอง และได้เป็นพ่อคนแม่คนหมาดๆ ปะทะกับทีม Zac Efron ซึ่งเป็นนักศึกษาคึกคะนองวัยใกล้เรียนจบ และต้องเตรียมรับมือกับชีวิตจริงหลังเรียนจบอย่างที่ครอบครัว Radners เจอ

ส่วนภาคนี้ Seth Rogen และ Rose Byrneโตขึ้นมาอีกนิด ภาระมากขึ้นและยิ่งใหญ่ขึ้น จากภาคก่อนที่ลูกสาวเพิ่งแบเบาะ ตอนนี้เริ่มวิ่งได้ พูดได้ แถมพวกเขากำลังจะมีลูกคนที่สอง และต้องย้ายไปอยู่บ้านใหม่ที่ใหญ่ขึ้น แล้วภาคนี้ยังต้องมาปะทะกับ Chloë Grace Moretz และแก๊งนักศึกษาสาว ที่แสบกว่าและฉลาดกว่ากลุ่ม Delta Psi ที่พวกเขาเคยสู้รบปรบมือหลายเท่า

แต่การเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาการของพวกเขาอาจจะชัดเจนไม่มากนักเมื่อเทียบกับบทของ Zac Efron ที่ตอนนี้เขาต้องเป็นหนุ่มวัยทำงานตอนต้นที่เส้นทางชีวิตไม่สนุกหรือรุ่งฟู่ฟ่าเหมือนสมัยเป็นประธานบ้านนักศึกษาชายอีกต่อไป แถมเพื่อนพ้องแต่ละคนของเขาก็กำลังไปได้ดีในหน้าที่การงาน บ้างก็กำลังจะมีครอบครัว ในขณะที่เขากำลังเคว้ง ต้องค้นหาตัวเอง เพราะเขาไม่มีอะไรเลยแม้แต่งานที่มั่นคง ซึ่งเป็นผลมาจากประวัติไม่ดีที่สร้างสมไว้สมัยเรียนนั่นเอง

โดยบทของ Chloë Grace Moretz จะต่างจากของ Zac Efron ตรงที่ Chloë Grace Moretz เป็นเฟรชชี่ เพิ่งมีชีวิตที่อิสระของตัวเอง และเป็น anti-sexist เธอกับเพื่อนร่วมกันก่อตั้งบ้าน Kappa Nu ขึ้น เพราะเธอต้องการเป็นตัวเอง และเลือกเส้นทางของตัวเอง

เธอไม่โอเคกับบ้านกลุ่มนักศึกษาหญิงสายสวยเปรี้ยวเซ็กซี่ของรุ่นพี่ Selena Gomez (กลุ่มของ Chloë เสมือนกลุ่มรวม minority ของผู้หญิง เช่น คนอ้วน คนผิวสี หรือคนเอเชีย) ไม่เห็นด้วยกับกฎที่ว่าบ้านกลุ่มนักศึกษาหญิงไม่สามารถจัดปาร์ตี้ได้แบบที่กลุ่มบ้านนักศึกษาชายทำได้ ประกอบกับไม่ปลื้มปาร์ตี้ของนักศึกษาชายที่กระทำกับผู้หญิงเหมือนผู้หญิงเป็น sex machine หรือเครื่องสนองตัณหาความหื่น

ในเรื่องนี้ ตั้งแต่ภาค 1 จนถึงภาค 2 ไม่มีใครเป็นตัวร้าย ทุกคนต่างมีจุดยืนของตัวเอง และพยายามทุกอย่างที่จะรักษา identity ของตัวเอง พร้อมกับปกป้องคนที่เขารัก อย่าง Zac Efron กับ Chloë Grace Moretz ก็จะทำทุกอย่างเพื่อพี่น้อง ในขณะที่ครอบครัว Radners ก็จะทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว โดยเฉพาะลูกสาวที่รักยิ่งของเขา (ทั้งที่ทำใจไว้ส่วนหนึ่งว่าวันหนึ่งลูกสาวนางอาจจะต้องเติบโตมาเป็นนักศึกษาซ่าแบบ Chloë Grace Moretz)

อย่างไรก็ดี เราต้องเรียนรู้และตระหนักถึงการเอาใจเขามาใส่ใจเราด้วย เพราะการเป็นตัวเอง การยืนหยัดในอุดมการณ์ที่ถือมั่น และการต่อสู้เพื่อคนที่ตัวเองรัก มันไม่ใช่เรื่องที่ผิดอยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญคือ สิ่งที่เราทำนั้น มันไปเบียดเบียนตัวตนของคนอื่น กระทบกระทั่งอุดมการณ์ของคนอื่น หรือสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น หรือทำร้ายคนที่เขารักหรือไม่… ก็เท่านั้น