ค้นหาหนัง

Murder on the Orient Express | ฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรส

Murder on the Orient Express | ฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรส
เรื่องย่อ : Murder on the Orient Express | ฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรส

แอร์กูล ปัวโรต์ นักสืบมันสมองอัจฉริยะเชื้อสายเบลเยี่ยม ในฤดูหนาวปี 1934 แอร์กูล ปัวโรต์ ตั้งใจว่าจะลาพักผ่อนหลังจากทำงานที่เยรูซาเล็ม ระหว่างที่เขาเดินทางกลับยุโรป ผ่านเมืองอิสตันบูล เขาได้รับโทรเลขจากลอนดอนให้รีบกลับไปช่วยไขคดี จึงได้ขอร้องเพื่อนเก่า บุค ผู้จัดการรถด่วน Orient Express ให้ช่วยจัดที่นั่งให้เขากลับลอนดอน ห้องโดยสารของปัวโรต์ เป็นห้องโดยสารชั้น 1 ที่มีคนระดับร่ำรวยอาชีพต่างๆ ร่วมโดยสารด้วย ระหว่างทางเกิดหิมะถล่ม ขณะเดียวกันก็มีผู้ด้วยสารหนึ่งคนเสียชีวิต ปัวโรต์จึงต้องไขปริศนาหาตัวคนร้ายที่ซ่อนอยู่บนรถไฟให้เจอ

IMDB : tt3402236

คะแนน : 7



หลังจากที่ดูจบ ผมว่าเป็นหนังที่เนื้อเรื่องดีมาก ต้องเครดิตให้กับนิยายคลาสสิคของอากาธา คริสตี้ เนื้อเรื่องสนุก น่าติดตาม มีปมให้ขบคิดเยอะ เรื่องอารมณ์หนัง มีครบทุกอารมณ์ ฟีลลิ่งตลกบ้าง ช่วงไขปริศนาก็มีความรู้สึกหวาดระแวง ฟีลตกใจ มีช่วงดราม่าเค้นอารมณ์ มีหักมุมชนิดที่เปลี่ยนทั้งเรื่อง พร้อมกับบทสรุปหนังที่ผมว่าจบได้ดี อาจจะมีช่วงกลางเรื่องที่เนื้อเรื่องดูตกๆไปบ้าง ดูไม่น่าสนใจบ้าง แต่ก็ไม่ได้อยู่ในระดับขั้นอันตราย ส่วนในช่วงต้นเรื่องกับท้ายเรื่อง ผมว่าทำได้เยี่ยมเลยแหละ การดำเนินเรื่องก็ทำได้โอเค ดูเรียบง่าย รวดเร็ว กระชับ (แม้ว่าบางส่วนจะข้ามไปข้ามมาเร็วเกินไปหน่อย)

ที่ชอบมากอีกอย่างคือ บทสรุปและข้อคิดของเรื่องที่ปิดฉากได้สมบูรณ์ ในตอนแรกผมก็นึกว่าเป็นหนังนักสืบดูสนุกๆธรรมดาที่ผสมด้วยดาราคุณภาพ แต่พอดูจบก็พบว่า หนังสอดแทรกแง่คิดที่ลึกพอสมควรเกี่ยวกับเรื่อง ความยุติธรรม มโนธรรม การลงทัณฑ์ และจิตใจคน (ฟีลลิ่งคล้าย Les Miserable) ซึ่งผมประทับใจนะ โดยเฉพาะข้อคิดที่ว่า " แม้จะเป็นความยุติธรรม เฉกเช่นหนึ่งชีวิตแลกอีกหนึ่งชีวิต แต่มโนธรรมในจิตใจเรามันหายไปไหนกันหมด ? "

ในบทสรุปหนัง จริงๆผมว่า อาจจะมีคนรู้สึกขัดอารมณ์ที่มันดูขัดแย้งกับความเป็นจริงไปบ้าง แต่ถ้าเข้าใจเจตนารมย์ที่แท้จริงของหนังหรือแก่นเรื่องจากนิยาย ก็จะเข้าใจถึงการกระทำของปัวโรต์ว่าทำไมปัวโรต์ถึงได้กระทำเช่นนั้น

จุดที่น่าประทับใจอีกอย่างที่ไม่พูดไม่ได้ของ Murder on the Orient Express ก็คือ โปรดักชันหนัง ทำได้โคตรเนี้ยบเลย ทั้งฉากสถานที่ต่างๆ บรรยากาศหนังดูยิ่งใหญ่ ชุดนักแสดงดูสมจริง CG เนียน มุมกล้องสวยงามมาก เรียกได้ว่าเป็นหนังที่ทำโปรดักชันได้ครบองค์ประกอบ ในส่วนนี้ผมคะแนนเต็ม

ในหนังก็มีการใช้ฉาก Long Take ก็มีใช้เยอะพอสมควร ทำได้สวย เสริมอารมณ์หนังดี เพราะ Long Take เป็นการถ่ายยาวและเรื่องราวทั้งหลายก็เป็นเรื่องราวที่เกิดในขบวนรถด่วน การถ่ายยาวไปตามขบวนรถไฟ ทำให้มุมกล้องดูสวยงาม ดูลึกลับ สอดคล้องกับธีมหนัง

ดนตรีประกอบภาพยนตร์ ผมชอบดี ประกอบฉากต่างๆได้ดี น่าประทับใจ บางฉากอลังการ บางฉากลึกลับ ระทึก เข้ากับโทนหนังในช่วงนั้นๆ โดยเฉพาะฉากสุดท้ายตอนเฉลยการฆาตกรรม ดนตรีนี่โคตรเศร้าเลย ดูน่าเจ็บปวดใจ เล่าผ่านเพลง Justice ส่วนตอน End-Credit คือเพลง Never Forget ก็มาในธีมเดียวกัน ฟังแล้วหดหู่

ส่วนของนักแสดงคงต้องบอกว่าแสดงดีทุกคน แต่ละคนที่มาแสดง นี่ไม่ธรรมดาทั้งนั้น ทั้งผ่านงานแสดงมาอย่างโชกโชน ดีกรีออสการ์ก็หลายคน  โดยรวมจึงแสดงได้เยี่ยมทุกคน มีที่เป็นไฮไลท์คงต้องยกให้ Kenneth Branagh (นักสืบปัวโรต์) ผมว่าแกแสดงได้โคตรดีเลย คุณภาพมาก เมื่อช่วงต้นปีก็ได้เห็นแกในเรื่อง Dunkirk มาในเรื่องนี้ แอ็คชันท่าทางของแกให้กับบทนักสืบปัวโรต์จริงๆ หรือช่วงบีบอารมณ์ เวลาแกน้ำตาคลอ ดูเนียนมาก ตอนไขปริศนาต่างๆ ที่ต้องแสดงไหวพริบและความฉลาด ก็ตีบทแตก

นี่ถือเป็นความโชคดีอีกอย่าง ถ้าไม่ได้นักแสดงที่มีความสามารถมารับบทนำ แบกหนังไว้ หนังก็คงดูไม่เนียนและไม่น่าสนใจเท่านี้ เพราะหัวใจของเรื่องอยู่ที่ปัวโรต์ ถ้าปัวโรต์แสดงไม่ดี ภาพรวมหนังทั้งเรื่องก็จะแย่ตามไปด้วย คนอื่นๆ ไม่ได้มีบทเด่นเท่ากับบทปัวโรต์ (แถมบางคนกลับดูน้อยไปด้วยซ้ำ)