Moonlight Shadow ปาฏิหาริย์รักใต้เงาพระจันทร์

มาถึงคิวของผลงานหนังเรื่องล่าสุดของนางเอกญี่ปุ่นที่คนไทยพอจะคุ้นหน้าเธอกันเป็นอย่างดี อย่าง "นานะ โคมัตสึ" กับหนังดราม่าโรแมนติกที่ชวนติดตาม "Moonlight Shadow" (ปาฏิหาริย์รักใต้เงาจันทร์) ที่เรื่องนี้ได้มีโอกาสฉายรอบพรีวิวล่วงหน้าในเทศกาลหนังญี่ปุ่นปีนี้ของบ้านเรา หนังที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ที่ค้นหาอยู่ไม่น้อย อ่านเรื่องราวแล้วดูมีความแฟนตาซี เหนือธรรมชาติเบาๆ แต่พอเอาเข้าจริง...เนื้อในของหนังเรื่องนี้ค่อนข้างหน่วงและเนิบ ค่อนข้างเป็นอีกแบบที่คิดไปเลยทีเดียว

คงจะต้องออกปากบอกเลยว่า นี่ไม่ใช่หนังรักญี่ปุ่นตามตลาดทั่วไป หนังจะว่าดูง่าย...ก็ไม่ง่าย จะว่าดูยาก...ก็ไม่ได้หนักหนาอะไรขนาดนั้น แต่โดยรวมแล้วหนังก็ไม่ใช่แนวสำหรับตลาดเหมือนกับที่หน้าหนังได้โชว์เอาไว้ Moonlight Shadow เกือบจะกลายเป็นหนังสไตล์ art performance ที่ต้องมีการคิดเคราะห์ระหว่างทางที่้เล่าเรื่องและสื่ออารมณ์ อีกทั้งยังมีการใช้เทคนิคการแสดงในรูปแบบลักษณะท่าทางเข้ามาเป็นองค์ประกอบแทรกๆ ตลอดทั้งเรื่อง

หากคุณคิดว่าจะเข้ามาดูหนังรักญี่ปุ่น แนวๆ แฟนตาซีแบบผีแฟนกลับมาหาอีกครั้ง อันนี้บอกเลยว่า...คุณคิดผิด แต่อันที่จริงโครงเรื่องก็ไปในทางนั้น แต่การเล่าเรื่องของหนังซับซ้อนและซ่อนมิติเอาไว้เยอะกว่าที่คิด หลังจากเริ่มเรื่องมาได้ไม่ถึง 10 นาทีแรก ก็สัมผัสได้ถึงความเอ๊ะ...ข้างในใจแล้วว่า หนังเรื่องนี้ไม่น่าจะใช่แบบที่คิดเอาไว้ กระทั่งปล่อยใจให้หนังพาไปเรื่อยๆ ก็พบว่าหนังเต็มไปด้วยสัญลักษณ์มากมาย ที่กระจายอยู่ตามท้องเรื่อง ที่ปล่อยคนดูแบบตามมีตามเกิดว่าจะเข้าใจกับรายละเอียดหรือไม่

โดยหลักๆ Moonlight Shadow ก็คือหนังของคนที่ไม่ยอมมูฟออนไปจากความสูญเสียที่เผชิญหน้ามา และพาเข้าไปสำรวจถึงห้วงจิตใจของคนที่เพิ่งผ่านพ้นช่วงเวลาชีวิตที่ยากลำบากในการก้าวข้ามผ่านไปในแต่ละวัน แต่หนังที่กลายเป็นดราม่าจัดๆ ผนวกเข้ากับสัญลักษณ์ที่แตะต้องไปไม่ได้ไปตลอดทั้งเรื่อง กลายเป็นหนังที่ค่อนข้างเนิบช้า ทั้งๆ ที่หนังความยาวแค่เพียงชั่วโมงครึ่งตามมาตรฐาน แต่กลับรู้สึกว่าเป็นหนังที่ยาวนานเกินไป

ต้องสารภาพตามตรงเลยว่า หาวไปหลายฟาด ระหว่างทางที่ดู Moonlight Shadow โดยเฉพาะวิธีการเล่าเรื่องของหนังที่อินดี้เกินตัด เกือบจะกลายเป็นหนังที่เล่าเรื่องไม่รู้เรื่อง ตัดสลับไปมาจนกลายเป็นความขาดเสน่ห์ไปอย่างน่าเสียดาย และหนังก็เหมือนเล่าวนๆ ไปอยู่ในบ่อน้ำที่เป็นตาน้ำเดิมๆ ที่ปล่อยให้น้ำล้น แต่ก็ไม่รู้ว่าแหล่งน้ำนั้นจะไหลไปทิศทางไหน ถึงแม้ว่ายังดีหน่อยที่ นานะ โคมัตสึ ที่ถือว่าเป็นองค์ประกอบที่ดีที่สุดในหนังเรื่องนี้ พอจะช่วยบรรเทาและยกหนังทั้งเรื่องไปได้ตลอดรอดฝั่ง แม้ว่าบทหนังเรื่องนี้สร้างมิติเอาไว้เยอะ เยอะเกินไปจนได้รสชาติที่ไม่ค่อยอร่อยออกมา

เอาเป็นว่าโดยภาพรวมแล้วนั้น Moonlight Shadow เป็นหนังที่ไม่ได้เหมาะกับผู้ชมทุกคน อาจจะเป็นหนังเฉพาะแนวมากกว่า และคิดว่าค่อนข้างให้ผลลัพธ์ออกมาได้น่าผิดหวังไปสักหน่อย นักแสดงทุกคนเล่นได้ดีและสมบทบาทมาก เพียงแต่บทหนังและการเล่าเรื่องที่ยังไม่ค่อยลื่นไหลและลงตัวสักเท่าไหร่ กลายเป็นส่วนที่ทำให้หนังทั้งเรื่องต้องโคลงเคลงไปมาตลอดทาง นี่ไม่ใช่หนังรักแฟนตาซี แต่กลายเป็นหนังดราม่าจัดๆ ของคนไม่ยอมมูฟออน กับประเด็นและสิ่งที่ต้องการสื่อสารออกมาที่ทำให้รู้สึกเอ๊ะๆ ไปตลอดทั้งเรื่อง