ค้นหาหนัง

Meet Joe Black | อลังการรักข้ามโลก

Meet Joe Black | อลังการรักข้ามโลก
เรื่องย่อ : Meet Joe Black | อลังการรักข้ามโลก

โจ แบล็ค (แบรด พิทท์) ชายหนุ่มลึกลับผู้ก้าวเข้ามาในชีวิตของวิลเลี่ยม แพร์รีช (แอนโธนี่ ฮอพกินส์) นักธุรกิจผู้มั่งคั่งและกำลังประสบความสำเร็จอย่างสูงในชีวิต ในฐานะยมทูตผู้จะนำวิญญาณของแพร์ริชไปสู่ปรโลก แต่ภารกิจของโจ แบล็คกลับไม่ง่ายอย่างที่เขาติดเมื่อเขาได้พบกับ ซูซาน (แคลร์ ฟอร์ลานี่) ลูกสาวสุดรักของแพร์ริชที่สอนให้เขารู้จักความรักและเยื่อใยที่ยากจะตัดรอน เขาและเธอจะทำอย่างไรเมื่อความจริงไม่สามารถทำให้ทั้งสองรักและอยู่ด้วยกันได้

IMDB : tt0119643

คะแนน : 8



Meet Joe Black เป็นหนังรักที่ใครหลายคนชื่นชอบ ยิ่งเมื่อดูจากใน Youtube จะพบว่ามีแฟนหนังอัดคลิปหนังเรื่องนี้ลงหลายต่อหลายฉาก และมียอดผู้ชมไม่น้อย และเมื่อผ่านไป 21 ปี Meet Joe Black ก็กลับมาโด่งดังในโลกออนไลน์เมื่อเมษายน ค.ศ.2019 มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า โรส โอ’ เชีย นำฉากอุบัติเหตุในเรื่องมาลงแชร์พร้อมทวีตว่า “This is the most bonkers one minute of a movie that I have ever seen” (ฉากหนึ่งนาทีที่งี่เง่าที่สุดในหนังเท่าที่ฉันเคยดูมา) ผลคือมีผู้แชร์ต่อนับหมื่นและกดไลค์นับแสนจากผู้ใช้หลายคนที่ไม่เคยรู้จักหนังเรื่องนี้มาก่อนจนกลายเป็นไวรัลขึ้นมา และถูกนำไปทำภาพเคลื่อนไหวล้อเลียน ไปจนมีการนำคลิปอื่นๆ จากหนังมาเล่นกันเพิ่มเติม ซึ่งแม้จะเป็นไปในทางขำขันเสียส่วนใหญ่ เช่น Meet Joe Black ติดเทรนด์ในทวิตเตอร์ปี ค.ศ.2019 เพราะคนเข้าไปดูหนังตั้งแต่ตอนที่มันเข้าฉายครั้งแรกปี 1998 โน่น แล้วเพิ่งเดินออกจากโรงมา (เป็นการสื่อว่าหนังยาวมาก) แต่ก็ทำให้คนอยากหาหนังเรื่องนี้มาดู

ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนังมีข้อบกพร่องในบทสนทนาที่ขาดความน่าเชื่อถือ รวมถึงความเยิ่นเย้อในหลายต่อหลายฉาก แต่ Meet Joe Black ก็นับเป็นหนังรักโรแมนติคที่น่าประทับใจ แม้หนังจะว่าด้วยความตายที่มาในรูปร่างมนุษย์เพื่อมาเตือนแก่ชายชราคนหนึ่งว่าถึงเวลาอำลาจากโลกนี้ซึ่งไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน หากตัวหนังเองนั้นเน้นถึงเรื่องคุณค่าและความงามของชีวิต ผู้สร้างตั้งใจเล่าแต่ละฉากอย่างค่อยเป็นค่อยไป ถ่ายนักแสดงนำทั้ง แบรด พิตต์ และแคลร์ ฟลอรานี่ อย่างงดงามทั้งในฉากที่ทั้งคู่เริ่มพูดคุยกันครั้งแรก ร่วมรัก และส่งสัญญาณลาจาก (หนังถ่ายภาพโดย เอมานูเอล ลูเบซสกี้ ซึ่งต่อมาได้ออสการ์จาก Gravity (2013), Birdman (2014), และ The Revenant (2015))

ความสัมพันธ์ระหว่าง บิล เพอร์ริช กับเทวทูตที่ถูกตั้งชื่อปลอมๆ ชั่วคราวว่า โจ แบล็ค เสมือนเป็นคู่ตรงข้ามที่ต่างสะท้อนให้เห็นถึงความหมายของชีวิตที่ต่างกัน มหาเศรษฐีวัยชราซึ่งหลังจากยอมรับเงื่อนไขให้ โจ แบล็ค มาอาศัยที่บ้าน เขาก็ต้องพบกับข้อผิดพลาดในการทำงานมากมายจนถึงขั้นอาจต้องสูญเสียสิ่งที่ตนสร้างมาทั้งชีวิตภายในเวลาไม่กี่วันก่อนถึงงานฉลองวันเกิดครั้งใหญ่ แต่นั่นก็ทำให้เขาหันกลับมามองลูกสาวสองคนอย่างใส่ใจอีกครั้ง

ส่วน โจ แบล็ค เทวทูตที่แม้จะมาในรูปลักษณ์หนุ่มรูปงาม กลับประพฤติตัวราวกับเป็นเด็กน้อยไม่รู้จักโลก มองทุกอย่างด้วยความสนุกไม่ได้ยี่หระว่าใครจะเดือดร้อน หรือถูกมองการกระทำของตนว่าน่าตลก แม้แต่ความรักของเขากับซูซาน ลูกสาวของบิล เขาก็มองอย่างผิวเผินเพียงคนสองคนรักกันก็เพียงพอแล้ว โดยไม่ได้คิดจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง จนหลายคนต้องเตือนเขาว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความรัก มันเป็นเพียงความลุ่มหลงเท่านั้น

ชีวิตที่แสวงหาสิ่งต่างๆ มากมายเพื่อสะท้อนความเป็นตัวตนของคนๆ หนึ่ง อาจไม่ได้พานพบความสุข หากไม่เข้าใจและใส่ใจคนรักที่อยู่ใกล้ตัว

เช่นเดียวกับความรัก ก็ไม่อาจเรียกได้เต็มปาก หากเราเลือกปิดบังตัวตนด้านที่สำคัญที่สุดกับคนที่เรามีจิตปฏิพัทธ์

แอนโธนี่ ฮอพกินส์ ในบท บิล เพอร์ริช แสดงฉากพ่อซึ่งเพิ่งตระหนักในการแสดงความรักต่อลูกได้โดยไม่ต้องเน้นการบีบคั้นอารมณ์ เช่นเดียวกับ แบรด พิตต์ ซึ่งแม้บทเทวทูตผู้เหมือนเด็กซนจะชวนหัว หากในฉากช่วงท้ายที่เขามองพลุที่เปล่งประกายบนท้องฟ้า แสดงให้เห็นทักษะการถ่ายทอดอารมณ์ทางสายตาที่ยอดเยี่ยมของเขาได้ดียิ่ง

ฉากยิงพลุดังกล่าวชวนให้นึกถึงประเด็นจากหนังญี่ปุ่นปี ค.ศ.1997 เรื่อง Hana-bi ของ ทาเคชิ คิตาโน่ ที่เปรียบชีวิตเหมือนพลุดอกไม้ไฟ ซึ่งส่องแสงสว่างไสวงดงามเพียงไม่นาน ก็มอดดับไป

อาจไม่ต่างอะไรกับกระแสไวรัลของ Meet Joe Black ที่ทำให้คนอาจพูดถึงเพียงชั่วคราว ก่อนจะถูกกลบหายไปด้วยกระแสอื่น แต่การทำให้ใครสักคนสนใจกลับไปดูหนังเรื่องนี้อีกครั้ง

ก็อาจนับได้ว่าเป็นโอกาสที่เพียงพอแล้ว