ค้นหาหนัง

Kimi คิมิ

Kimi คิมิ
เรื่องย่อ : Kimi คิมิ

แองเจล่า สาว IT ที่ทำงานด้านระบบสั่งการ Kimi ลำโพงอัจฉริยะอยู่อพาร์ทเมนต์ของเธอในช่วงโควิด 19 ระบาด เธอเป็นโรค Agoraphobia ที่กลัวการออกไปนอกห้องเจอผู้คน แล้ววันหนึ่งเธอได้บังเอิญไปเจอเสียงแทรกในระบบเหมือนเป็นเสียงเหตุการณ์การฆาตรกรรม เมื่อเธอต้องการแจ้งเรื่องนี้เพื่อหาความยุติธรรม เรื่องเลวร้ายกลับจะมาเล่นงานเธอเอง เรื่องราวจะเป็นยังไงไปดูกัน .M.

IMDB : tt14128670

คะแนน : 7



ถ้าหากว่าหนังสักเรื่องที่จะปะปนประเด็นเอาไว้หนัก ๆ หลากหลาย เช่น โรคจิตเวชที่ไม่เข้าสังคม, การแพร่ระบาดของโควิด-19, เทคโนโลยีอัจฉริยะ และ เหตุการณ์ฆาตกรรม ใช่แล้ว...ทั้งหมดนี่มารวมเอาไว้อยู่ในหนังเล็ก ๆ เรื่องที่มีชื่อน่ารักว่า "Kimi" ผลงานของผู้กำกับยอดฝีมือแถวหน้าของวงการ ที่กลายเป็นหนังกลางยุคโควิดแพร่ระบาด ที่สอดแทรกและเสียดสีสังคมเอาไว้ได้ในระดับที่แสบ ๆ คัน ๆ พอใช้ได้

เป็นเรื่องราวของ แองเจล่า พนักงานสาวทำงานไอทีที่มีภาวะเป็นโรคกลัวที่ชุมชน ทำให้ในช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาดเธอเก็บตัวเองอยู่แต่ในอะพาร์ตเมนต์และยิ่งตอกย้ำความไม่สุงสิงกับสังคมของตัวเอง แน่นอนว่างานของเธอสามารถทำอยู่ที่บ้านได้ เธอเป็นนักวิเคราะห์ข้อมูลเสียงจากระบบสั่งการของ Kimi ลำโพงอัจฉริยะ ที่อยู่มาวันหนึ่งเธอได้ฟังเสียงที่คล้ายกับเกิดเหตุฆาตกรรมปริศนาขึ้นอย่างน่าสะพรึงกลัว

เธอพยายามติดตามให้กับบริษัทแม่ได้ทราบถึงข้อมูลนี้ และหวังว่าจะได้นำเอาข้อมูลเสียงที่เธอเก็บมาได้ไปดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อ แต่ปรากฏว่าสิ่งที่แจ้งไปนั้นกลับไร้การตอบสนองและไม่มีความคืบหน้าใด ๆ เธอจึงที่ยิ่งหมกมุ่นและมั่นใจว่า สิ่งที่หูตัวเองได้ยินนั้นเป็นเหตุทารุณกรรมจริง ๆ ทำให้เธอต้องติดแหง็กอยู่กับการตัดสินใจที่ว่าจะนิ่งเฉย หรือเผชิญหน้ากับโรคความกลัว เพื่อไปผดุงความยุติธรรมที่ควรจะเป็น

นี่คือผลงานของ "สตีเว่น โซเดอเบิร์ก" จากหนังตระกูล Ocean's ที่น่าจะเป็นชิ้นงานที่สร้างระหว่างเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ใครที่เห็นภาพใบปิดก็อาจจะนึกไปถึงว่านี่คือหนังไซไฟพล็อตอินดี้อะไรหรือไม่ แต่แท้จริงแล้ว มันก็คือหนังดราม่าอาชญากรรมสุดระทึกขวัญที่สอดแทรกและจิกกัดสังคมได้ระดับที่พอประมาณ เป็นงานชิ้นเล็ก ๆ ของผู้กำกับท่านนี้ ที่หากเอามาแผ่ดูก็พบว่า...มันก็ไม่ได้เล็กอะไรสักเท่าไหร่นะ

Kimi มีประเด็นของหนังที่ค่อนข้างชัดเจนดี เพียงแต่วิธีการเล่าเรื่องยังค่อนข้างไม่ได้เป็นที่ดึงดูดความสนใจให้ได้มากพอ หนังวนลูปอยู่กับการปูเรื่องในช่วงครึ่งแรกที่ไม่ค่อยจะมีอะไร วนเวียนไปมาอยู่กับตัวละครหลักของเรื่อง แต่พอเมื่อหนังสตาร์ทเครื่องติดในช่วงครึ่งท้าย ก็ค่อย ๆ ยกระดับความน่าติดตามและความสนใจขึ้นมาได้อีกเป็นกอง และเริ่มเห็นลายเส้นกับสไตล์ความเป็นโซเดอเบิร์กออกมาทีละน้อย

"โซอี้ คราวิซ" ก็คือเป็นนักแสดงที่ต้องแบกรับหนังเอาไว้ทั้งเรื่องนี้ ก็ถือว่าเธอถ่ายทอดออกมาได้ค่อนข้างน่าพอใจ อาจจะยังไม่ใช่การแสดงที่ดีที่สุดของเธอแต่อย่างใด แต่จากอินเนอร์ในการกลั่นกรองออกมาเป็นคาแรกเตอร์คนที่มีภาวะทางจิตเวชชนิดหนึ่งนั้น ก็นับว่าทำการบ้านและตีโจทย์ออกมาได้ค่อนข้างใช่ได้ และเสน่ห์ของเธอก็พอจะช่วยพยุงหนังเอาไว้ได้อยู่ แม้ว่าการเล่าเรื่องจะเป็นอุปสรรคใหญ่ที่คนดูจะต้องฝ่าฟันผ่านไปให้ได้ในช่วงแรกก็ตาม