ค้นหาหนัง

Kill Bill: Vol. 2 | นางฟ้าซามูไร 2

Kill Bill: Vol. 2 | นางฟ้าซามูไร 2
เรื่องย่อ : Kill Bill: Vol. 2 | นางฟ้าซามูไร 2

การกลับมาอีกครั้งของภาพยนตร์ชุด Kill Bill ของ เควนติน ทาแรนติโน (Plup Fiction, Reservoir Dogs, From Dusk Till Dawn) ที่เริ่มต้นจากการเดินทางตามสะสางของ The Bride (อูมา เธอร์แมน) ที่มีรายชื่อคงค้างชำระหนี้แค้นอีก 3 รายที่เหลืออยู่ โดย 2 รายก่อนหน้านี้ โอเรน อิชิอิ (ลูซี่ ลิว) และ เวอร์นิต้า กรีน (วิวีก้า เอ. ฟอกซ์) ได้ปิดบัญชีเลือดไปเรียบร้อยแล้ว โดยเหลือสมาชิกแก๊งอสรพิษเพชรฆาตอีก 3 รายคือ บั๊ดด์ (ไมเคิล แมดเซน), แอลล์ ไดร์เวอร์ (แดรีล ฮันนาห์) และ บิลล์ (เดวิด คาราดีน) ที่เธอยังคงเดินหน้าไล่ล่าต่อไป ซึ่งหลังจาก Vol.1 ไม่นานเธอก็ค้นพบความจริงที่ว่า ลูกสาวของเธอยังคงมีชีวิตอยู่ เธอจึงเปลี่ยนจุดมุ่งหมายของภารกิจนี้ มาเป็น ฆ่าเพราะรัก แทนที่จะเป็น การแก้แค้น แต่ทุกอย่างก็ไม่ง่ายเหมือนที่เธอคาดไว้ตั้งแต่แรก เมื่อเธอถูกจับได้และฝังทั้งเป็น จากผู้ที่เธอควรจะสังหารตั้งแต่แรก...

IMDB : tt0378194

คะแนน : 10



ภาคต่อที่เล่าเรื่องในช่วงต่อมา เมื่อเจ้าสาว (Uma Thurman) สามารถล้างแค้นไปได้ 2 ใน 5 แล้ว เธอก็ยังคงเดินหน้าต่อไป เพื่อจุดประสงค์เดียวคือ ฆ่าบิลล์ (David Carradine) ครับ

ใครที่คาดหวังฉากแอ๊คชั่นมากสไตล์แบบตอนแรก อาจผิดหวังครับ แต่สำหรับผม นอกจากไม่ผิดหวังแล้วยังโดนแบบสุดๆ อีกต่างหาก

เพราะ ตอน 2 นี้เป็นเหมือนส่วนเติมเต็มที่ทำให้ตอนแรกสมบูรณ์ขึ้นครับ เพราะเราจะได้รุ้ว่าเหตุการณ์ตอนสังหารโหดกลางงานแต่งเป็นอย่างไร ได้รู้ว่าทำไมเจ้าสาว ถึงได้เก่งโคตรขนาดนี้ และได้รู้บทสรุปของเรื่องทั้งหมดด้วย

ต้องยอมรับว่าช่วงต้นๆ กับเรื่องของบัด (Michael Madsen) น้องชายของบิลล์ นั้นค่อนข้างอืดและไม่มีอะไรให้น่าติดตามเท่าไหร่ ต้องรอจนกระทั่งเจ้าสาวโผล่มานั่นแหละครับ ความสนุกก็เริ่มทยอยตามมาเป็นระยะๆ แต่ไอ้สนุกที่ว่านี่ไม่ใช่ฆ่ากันโหดๆ แบบภาคที่แล้วเพียงอย่างเดียว มันมีความเป็นดราม่ามากขึ้น (อย่างที่คนมันบอกกันน่ะ ฟังกันมากขึ้น พูดกันมากขึ้น) ซึ่งตรงนี้ถ้าชอบก็ชอบไปเลย แต่ถ้าไม่ชอบก็คงจะเกลียดไปเลยเช่นกันน่ะฮะ อันนี้ก็ห้ามไม่ได้ซะด้วย แล้วแต่ละกันครับ แต่บอกไว้เลยว่าหนังเรื่องนี้มันพูดกันแทบทั้งเรื่องจริงๆ มีฉากตีกันนิดหน่อยเท่านั้นเอง

แต่ไอ้ที่พูดนี่ ไม่ได้เรื่อยเปื่อยเลยนะครับ ทุกบทสนทนามีสิ่งต่างๆ แทรกตลอด ทั้งอุปนิสัยตัวละครหรือการบอกถึงแรงจูงใจในการทำสิ่งต่างๆ, การเฉลยสิ่งที่ยังคั่งค้าง รวมไปถึงสร้างอารมณ์ขันอีกด้วย … แต่ก็นั่นแหละ ลองว่าไม่ชอบหนังที่พูดๆๆๆๆๆ ผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะจูงใจให้ดูหรอกครับ ไม่อยากบังคับ แค่อยากบอกว่ามีสาระดีๆ แฝงอยู่เยอะ เอาแค่ไอ้ที่บิลล์ พูดวิจารณ์การ์ตูน “ซูเปอร์แมน” นั่น ก็เป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายของผมแล้วล่ะครับ

ไฮไลท์ ที่ค่อนข้างเข้มข้นก็จะมีช่วงที่หนังย้อนเล่าถึง การฝึกฝนระหว่างเจ้าสาวและไป๋เม่ (Chia Hui Liu) ที่ฝึกโหดแบบหนังจีนกำลังภายในชนิดที่ดูแล้วมันให้อารมณ์ในระดับเดียวกับ หนังจีนแนวจอมยุทธจริงๆ น่ะครับ มันถึงจริงๆ โดยเฉพาะไอ้ฉากคีบตะเกียบกินข้าวนั่นมันง่ายๆ นะครับ แต่ดูสีหน้าของไป๋เม่ฉากนั้นแล้ว มันโดนอ้ะ เพราะมันสื่อชัดๆ ว่าไป๋เม่แม้จะโหดสุดๆ ในการฝึก แต่เขาก็หวังดีต่อลูกศิษย์คนนี้อย่างจริงใจ และเขาก็เริ่มนับถือผู้หญิงคนนี้แล้วด้วย ทำให้ฉากต่อมาเป็นอะไรที่ให้อารมณ์มากขึ้นไปอีก แล้วดนตรียังมากระหน่ำอีก โอย ผมตายครับ ตายจริงๆ

ไฮไลท์ต่อมาก็ตอนเจ้าสาวตีกับแอลล์ (Daryl Hannah) น่ะครับ ที่ตีได้มันส์และฮาไปพร้อมๆ กัน และที่ผมชอบสุดๆ คือ เจ้าสาวจัดการกับแอลล์ได้อย่างสะใจมากๆ และไอ้ฉากที่ว่านี่แหละ มันถึงอารมณ์หนังจีนแนวล้างแค้นจริงๆ ครับ พี่ Quentin แกตั้งใจจะทำหนังเรื่องนี้เพื่อเคารพหนังเก่าๆ ของชอว์ บราเดอร์ส ที่เขาโปรดปราน และฉากนี้นี่แหละ ที่ผมถือว่าเขาทำสำเร็จครับ เพราะมันใช้มุขหนังจีนขนานแท้เลยอ้ะ ไม่เชื่อ ไปดูครับ

ตอนนี้ผม เริ่มตายเป็นพักๆ แล้วนะครับ แต่ฉากที่เล่นเอาผมอึ้งไปเลยก็คือ ฉากที่เจ้าสาวตรงไปหาบิลล์และพอเธอเปิดประตูเธอพบบิลล์ แต่เธอก็พบคนที่ไม่คาดฝันด้วย ไอ้ฉากนี้มันให้ความขัดแย้งทางอารมณ์อย่างหาที่สุดมิได้จริงๆ ครับ มันแย้งโคตรๆ และสีหน้าของ Uma ในแกนั้นมันสุดยอด เพระเธอไม่รู้จะโกรธ ร้องไห้ หรือดีใจดี เพราะทุกความรู้สึกมันปะทะเข้ามาในเวลาเดียวกัน … ไม่รู้จะเว่อร์ไปมั้ยนะครับ แต่ไอ้ฉากที่ว่านี่ ผมก็แทบจะเกร็งตามเจ๊ Uma แกไปด้วย ก็สำหรับผม ปีนี้เธอเหมาะกับออสการ์ที่สุดคนหนึ่งแล้วล่ะครับ แล้วพี่ David Carradine อีกคน ไอ้ฉากที่ว่านี่ผมตายเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ผมตายกับฉากนี้หนักกว่าเพื่อนเลยครับ

ดาราโคตรยอด การเดินเรื่องก็น่าติดตามตลอด (ถ้าตัดตรงช่วงของบัดไปหน่อย จะดีมาก) ดนตรีก็ยังถึงแก่ชีวิตผมตามเคย รวมไปถึง End Credits ที่สะใจผมสุดๆ และผมเชื่อแล้วล่ะครับว่า พี่ Quentin แกตั้งใจกับงานชิ้นนี้มาก ซึ่งผมก็ขอคารวะพี่แกด้วยความเคารพอย่างสูงครับ

เห็นเชาว่ากันนะครับ ว่าตอนแรกพี่ Quentin แกหมายมั่นปั้นมือที่จะให้ Warren Beatty มารับบทบิล และบทนี้ก็เขียนขึ้นมาเพื่อ Beatty โดยเฉพาะ (เอาแค่ประเด็นเรื่องเสือผู้หญิงนี่ก็ใช่แล้วล่ะครับ) แต่ Beatty บอกผ่านครับ แล้วแนะนำ Carradine เข้ามาแทน ซึ่งผมว่ามันก็ดีน่ะฮะ เพราะบทบิลล์นั้นดูเข้ากับ Carradine มากกว่าเยอะ คือ พวกมีวิทยายุทธน่ะครับมันน่าจะแบบนี้แหละ แต่ก็นั่นแหละครับ ถ้า Beatty มาเล่นจริงๆ ลักษณะนิสัยของบิลล์อาจจะไม่ใช่อย่างที่เราเห็นนี่ก็ได้

แล้ว ก็ตามเคยครับ หนังทำออกมาดี และลูกเล่น มุขวงใน ความหมายแฝงต่างๆ ก็อุดมอีกแล้ว อย่างของประกอบฉากเช่นฟลุตที่บิลล์เป่านั้นก็เป็นอันเดียวกับที่ Carradine เคยใช้ในหนังชุดทางทีวี Kung Fu นั่นเอง หรือจะเรื่องซูเปอร์แมนนั่น แล้วยังบทสนทนาอีกหลายอันซึ่งถ้าร้ายก้คงยาวมากล่ะครับ เพราะแกเล่นแฝงมันทุกช่วงเลย ก็เชื่อแล้วล่ะครับว่าพี่ Quentin แกตั้งใจทำออกมาจริงๆ เลย (ตอนพี่แกนั่งดูผลงานตัวเองคงสนุกพิลึกล่ะ)

มี ที่น่าเสียดายนิดนึงตรงที่ แรกเริ่มนั้นนะครับ หนังจะต้องมีฉากการต่อสู้ระหว่างเจ้าสาว กับยูกิ ยูบาริ ซึ่งเธอเป็นน้องสาวของโกโกะ (Chiaki Kuriyama) สาวตุ้มเหล้กจากภาคแรกนั่นเองแล้วเธอก็มาแก้แค้นในพี่สาว แต่สุดท้ายก็ถูกตัดออกไป เพราะพี่ Quentin แกเห็นว่าฉากตอน Massacre at Two Pines นั้นเหมาะจะเอามาใส่มากกว่าน่ะครับ เราเลยอดดูฉากการล้างแค้นนี้เลย

ซึ่ง คนที่จะมาเล่นเป็นน้องสาวของโกโกะก็คือ Kou Shibasaki นางเอกหนังสยองเรื่อง One Missed Call ไงล่ะครับ (และจะว่าไป Chiaki กับ Kou ก็เคยแสดงหนังร่วมกันมาแล้วใน Battle Royale น่ะครับ)

ตกลงว่า ถ้ายังไม่ได้ดู จงดูซะครับ อย่างที่บอก หนังมันหนักไปทางการพูดกัน ถ้าไม่ชอบก็ไม่ว่าครับ ผมเข้าใจว่าคนเรานานาจิตตัง แต่ถ้าสนใจหรือชอบหนังสไตล์พี่ Quentin แกล่ะก็ รีบดูเลยครับ ซื้อมาเลยก็ได้