IMDB : tt0804497
คะแนน : 8
หนังแนว coming of age มีให้เราดูอยู่เรื่อยๆจริงๆ มุ่งเน้นถึงการก้าวผ่านปัญหา อุปสรรคในชีวิตวัยรุ่นที่เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อโดยแต่ละเรื่องก็จะมีวิธีนำเสนอบอกเล่าเรื่องราวที่แตกต่างกัน สำหรับ It's Kind of a Funny Story ก็มีพลอตและวิธีการเล่าที่แปลกแตกต่างไปอีกแบบ โดยเล่าเรื่องราวของ เครค (Keir Gilchrist) เด็กหนุ่มที่รู้สึกว่าชีวิตตัวเองมันแย่ จิตตก จนคิดจะฆ่าตัวตาย (ทั้งๆที่จริงๆเหมือนชีวิตดี บ้านมีตัง โรงเรียนก็ดี อายุแค่16!) แต่ก็ยั้งตัวเองไว้ได้ แทนที่จะพาตัวเองไปกระโดดสะพาน กลับดิ่งเข้าโรงพยาบาลหวังจะได้รับการรักษา สุดท้ายหมอก็ให้อยู่สถานรักษาผู้ป่วยทางจิตเป็นเวลา 5 วัน เอาซี๊ มันเข้ากันง่ายๆงี๊เลย
วิธีเล่าเรื่องน่าสนใจน่าติดตามเพราะความช่างมโนของเครก ก็จะมีเสียงความคิดของเครก พร้อมกับภาพมโนจินตนาการที่ถ่ายทอดออกมา ทั้งตลก ทั้งเพี้ยน (นี่ชม) ซึ่งทั้งเรื่องคือการใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาล และมีการปูพื้นชีวิตส่วนตัวทั้งครอบครัวและเพื่อนฝูงด้วยเสียงความคิดของพระเอกเองตัดสลับกับเหตุการณ์ปัจจุบันได้น่าสนใจ ชอบการตัดต่อของหนังนะ
คุณอาจจะคิดว่าการเข้าไปอยู่สถานที่แบบนี้คงรายล้อมไปด้วยคนบ้า มันก็ไม่ขนาดนั้นนะ (มันไม่พีคเท่า One Flew Over the Cuckoo's Nest อันนั้นขึ้นหิ้งไปเนาะ) เครคได้เจอกับ บ๊อบบี้ (Zach Galifianakis จาก Hang Over) ชายที่ภายนอกก็เหมือนปกติ แต่ทำไมถึงเข้ามาอยู่ในที่แบบนี้ได้ และสาวน้อยวัยรุ่นที่เคยพยายามฆ่าตัวตาย(จริงๆ)มาแล้ว(ไม่ใช่แค่มโนแบบเครค) สาวคนนั้นคือ โนเอล (Emma Roberts จาก Nerve และScream Queens) ซึ่งไม่ใช่ว่าหมอหรอกที่รักษาเครคให้หายดี แต่ผู้ป่วยหรือคนบ้าที่รายล้อมเขาเนี่ยแหละ ที่ทำให้เขาได้เรียนรู้ เราอาจคิดว่าจุดที่เรายืนอยู่มันแย่ เรามันด้อยกว่าใครเขา แต่พอเราไปอยู่ในจุดที่รายล้อมไปด้วยคนที่เค้า"มีปัญหาจริงๆ" เราจะคิดได้เองว่าเรื่องเรามันเล็กขนาดไหน และการที่เครคเข้ามาอยู่ที่นี่นอกจากได้เรียนรู้คนอื่นแล้ว ยังได้ค้นหาตัวเอง รู้จักตัวเองมากขึ้น เห็นคุณค่าของการมีชีวิตมากขึ้น และสอนให้เห็นความสุขของการให้อีกด้วย
ภาพรวมหนังfeel good ความโรแมนซ์กำลังน่ารักๆ ข้อคิดดีให้แรงบันดาลใจแม้แง่คิดมันจะไม่ได้แปลกใหม่แต่วิธีการนำเสนอ่ด้วยการให้เด็กวัยรุ่นที่ไม่ได้บ้าเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลบ้าก็เป็นอะไรที่เพี้ยนได้ใจดีนะ ฮ่าๆ สิ่งที่คิดว่ายังไม่ถึงคงเป็นเรื่องของอารมณ์หนังมันไปเรื่อยๆ ไม่ได้ลึกชนิดที่เราจะอินและคล้อยตามได้อย่างสนิทใจนัก มันจึงดูได้ในระดับแค่เพลินๆเท่านั้น เดาบทสรุปได้ไม่ยาก