ค้นหาหนัง

In the Mood for Love | ห้วงรักอารมณ์เสน่หา

In the Mood for Love | ห้วงรักอารมณ์เสน่หา
เรื่องย่อ : In the Mood for Love | ห้วงรักอารมณ์เสน่หา

เจ้ามู่หวัน (เหลียงเฉาเหว่ย) คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ กับ ชั่นไหลเจิน (จางม่านอวี้) เลขาบริษัทชิปปิ้งนำเข้าส่งออกสินค้า ที่นอกจากทั้งคู่จะเป็นอยู่ในชุมชนที่ชาวเซียงไฮ้อพยพที่ฮ่องกงเหมือนกันแล้วยังมาผูกพันกันด้วยแก้ว 3 ประการคือย้ายเข้าอพาร์ตเมนต์วันเดียวกัน ต่างก็มีคู่ครองกันแล้ว และคู่ครองของพวกเขาก็ลักลอบเป็นชู้กัน เหลือเพียงฟางเส้นสุดท้ายที่ว่าพวกเขาจะปล่อยตัวปล่อยใจแล้วยอมให้ความเสน่หาชักพาให้ทั้งคู่เล่นชู้กันเหมือนคนรักของพวกเขาหรือไม่

IMDB : tt0118694

คะแนน : 10



ผู้กำกับหว่องกาไว ทำหนัง In the Mood for Love ได้อย่างงดงาม ละเมียดละไม เอาอารมณ์ร่วม เอาความรู้สึกนึกคิดของตัวละครหลัก นำเนื้อเรื่องที่เรียบ นิ่ง เหมือนว่าหว่องจะมีแค่แกนเรื่องในขณะที่บท รายละเอียดอื่นๆ เหมือนจะใช้การ Improvise ผ่านอารมณ์ ความรู้สึก ผ่านการแสดงเป็นหลัก (ไม่แปลกใจที่มีข่าวว่าจางม่านอวี้ในช่วงแรกๆ ถึงกับถามหาบทเพื่อจะทำการบ้านก่อนการแสดง แต่หว่องเองแทบไม่มีบทให้เลย) ...ลองสังเกตดีๆ หว่องจะไม่ให้คนดูได้เห็นหน้าตัวละครทั้งสามีของคุณนายเฉินและภรรยาของคุณจ้าวเลย ซึ่งตัวละครทั้งสองตัว คนดูจะเห็นแค่ถ่ายผ่านหลัง หรือมาแค่เสียงสนทนา (โดยกล้องจะจับที่ตัวละครหลักแทน) ถ้าจะให้ผมตีความ เหมือนกับว่าหว่องจะแทนให้คนดูเป็นเสมือนตัวละครเอก ที่ดูห่างเหิน ไม่ใกล้ชิด ไม่ผูกพันกับตัวละครสามีและภรรยา เหมือนกับแทนหัวใจให้คนดูได้รู้สึก เข้าใจในการถูกทิ้งขว้างให้โดดเดี่ยว เปลี่ยวเหงา อ้างว้าง แปลกแยก เมื่อเราเข้าใจในตัวละคร เราจะเข้าใจในความรักต้องห้ามนี้ที่เกิดขึ้น ซึ่งหว่องเองก็ฉลาดพอ ที่ให้คนดูตีความกันเองว่าความสัมพันธ์ต้องห้ามนี้ มันเกินเลยไปหรือไม่หรือทั้งคู่สามารถยับยั้งอารมณ์ถวิลหานั้นไม่ให้เลยเถิดเกินเลยไปไกลกว่าที่ควรจะเป็นได้ (หลายคนตีความว่าทั้งคู่ไม่ได้มีอะไรเกินเลย อันนี้แล้วแต่มุมมองนะ ส่วนตัวผมยังแอบแคลงใจสงสัยในจุดนี้ เห็นได้จากตัวคุณจ้าวเอง แอบไปเปิดห้องในโรงแรมอีกแห่งเพื่อเขียนนิยาย และยังชวนคุณนายเฉินไปอ่านนิยายที่เขียนที่ห้องนั้น และห้องนั้นก็มีหมายเลขห้อง 2046 ที่หว่องตั้งใจให้ตรงกับชื่อหนังอีกเรื่องหนึ่งที่ถ่ายทำพร้อมกับหนังเรื่องนี้ในบ้านเรา)

ความโดดเด่นอีกเรื่องของหนังที่สัมผัสได้จากการดูจอใหญ่ นั่นคือการใช้ภาษาภาพ มุมกล้อง ผ่านมุมมองของคริสโตเฟอร์ ดอยล์ ผู้กำกับภาพคู่ใจ ...ภาพในหนังทั้งสื่อสาร ซ่อนสัญลักษณ์ชวนให้ขบคิด ตีความ ทั้งมุมภาพที่ถ่ายตัวละครโดยมีโฟร์กราวด์เป็นซี่หน้าต่างลูกกรง เปรียบเสมือนความรักต้องห้ามของทั้งคู่ที่ถูกจองจำ พันธนาการไว้ด้วยความถูกต้อง ศีลธรรมจรรยา ...บางมุมกล้อง เหมือนแทนสายตาคนดูที่แอบมองตัวละครเอกที่ทั้งอึดอัด สับสน ..บางมุมกล้องจะทิ้ง space ระยะห่างระหว่างกล้องกับตัวละคร ราวกับให้คนดูแอบมองในระยะห่างๆ แบบห่วงๆ ...บางมุมกล้องนิ่งแช่ไว้ราวกับทิ้งให้โดดเดี่ยวเพื่อดูความอ้างว้างของตัวละคร ขับกับเพลงในยุคคลาสสิกด้วยเสียงของ Nat King Cole ทั้งเพลง Te Quiero dijiste , Quizas Quizas Quizas และเพลงอื่นๆ ยังช่วยสร้างอารมณ์ร่วม ขับอารมณ์ถวิลหา พาหัวใจคนดูอย่างผมเข้าไปอยู่ในจอหนังได้อย่างอยู่หมัด และทำให้ผมตกหลุมรักหนังเรื่องนี้ได้อย่างเต็มความรู้สึกมากๆ (ต่างจากการดูผ่านจอทีวีรุ่นเก่าที่บ้าน)

การแสดงทั้งของเหลียงเฉาเหว่ย และจางม่านอวี้ ก็ดีงาม พริ้งเพริศบรรเจิด ทั้งการแสดงผ่านสายตา บอกความรู้สึกที่ไม่ต้องพูดเยอะแต่ใช้อวัจนภาษาผ่านร่างกาย ท่าทางเพื่อบอกความรู้สึกได้น่าทึ่ง รวมถึงชุดกี่เผ้าที่นางเอกจางม่านอวี้สวมใส่ก็สวยงามทุกชุด แถมสีสันของชุดที่ใช้ยังเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่บ่งบอกความรู้สึกของตัวคุณนายเฉินเป็นอย่างดี ....ดีใจที่ได้ดูจางม่านอวี้ บนจอใหญ่อีกหน รวมทั้งเหลียงเฉาเหว่ยด้วย

In the Mood for Love อาจไม่ใช่หนังสำหรับทุกคน อาจไม่เหมาะกับคนที่ชอบอะไรหวือหวา ฉับไว แต่เป็นหนังที่เหมาะกับการปล่อยหัวใจ ปล่อยความรู้สึกผ่านภาพ เสียง การแสดง หนังอาจจะไม่มีเรื่องราวที่หวือหวา แต่นี่คืองานที่มีคุณค่า งานระดับมาสเตอร์พีชของหว่อง กาไว ที่พาหัวใจของผม (และเชื่อว่าคนดูอีกหลายคน) ไปสัมผัสกับห้วงหนึ่งของอารมณ์ที่ผมเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนต้องมี ....นี่คืองานที่ยอดเยี่ยม สมบูรณ์แบบที่สุดและควรค่าแก่การไปดูในโรงภาพยนตร์สักครั้งครับ