ค้นหาหนัง

Il Mare | ลิขิตรัก ข้ามเวลา

Il Mare | ลิขิตรัก ข้ามเวลา
เรื่องย่อ : Il Mare | ลิขิตรัก ข้ามเวลา

อุนจู (รับบทโดย Jeon Ji-Hyun นางเอก My Sassy Girl) นักพากษ์การ์ตูนสาวขนข้าวของย้ายออกจากบ้านอิล มาเร่ บ้านเรียบสวยริมชายฝั่งไปอยู่ในห้องชุดเมืองใหญ่ วันเดียวกับที่ ซ่งหยวน (รับบทโดย Lee Jung-Jae) สถาปนิกย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านอิล มาเร่ หลังนี้ช่วงเวลานั้นเป็นวันคริสต์มาส วันที่ใครต่อใครมีคนสำคัญมาร่วมฉลอง แต่อุนจู ที่ลงท้ายว่า “บ้านนี้มีรอยเท้าสุนัขที่ลบไม่ออก ฉันไม่รู้ว่ารอยพวกนี้มาจากไหน” การ์ดใบที่ทำให้ซ่งหยวนประหลาดใจ เพราะบ้านอิล มาเร่ ที่เป็นบ้านของป้าของเขาไม่เคยมีใครเช่ามาก่อน วันหนึ่งซ่งหยวน ได้รับลูกสุนัขหลงทางมา และทำให้เขาเริ่มเข้าใจในจดหมายของอุนจู เพราะคิดว่าคงมีการเข้าใจผิดเนื่องจากจดหมายอุนจูลงปี 1999 แต่ซ่งหยวนอยู่ในปี 1997 เหตุการณ์ประหลาดทำให้ทั้งคู่พบว่า ตู้จดหมายบ้านอิล มาเร่ เป็นรอยต่อระหว่างช่วงเวลา ทว่าทั้งคู่ไม่อาจพบกันในจุดร่วมเวลาเดียวกันได้ อะไรจะเจ็บปวดกว่าการสูญเสียคนที่ตนรัก กับการรักคนที่เราไม่อาจได้พบกันตลอดกาล

IMDB : tt0282599

คะแนน : 8



จะว่าไปนี่ถือเป็นหนังเกาหลีเรื่องแรกๆ ที่ยกขบวนมาจู่โจมบ้านเรานะครับผม ซึ่งตอนที่หนังเรื่องนี้เข้าฉายผมก็ทั้งอยากดูและเฉยๆ เพราะช่วงนั้นผมก็ดูหนังเกาหลีแทบทุกเรื่องที่เข้ามาล่ะครับ ก็มีพวก Bichunmoo และ Shiri ซึ่งผมดูแล้วก็ไม่ได้ติดใจอะไรนัก เว้นแต่เรื่อง Shiri นี่แหละ ที่ทำช่วงท้ายได้กดดันแบบสุดๆ น่าติดตามมาก นั่นเลยทำให้ผมไม่ค่อยจะตั้งความหวังอะไร แต่กับเรื่อง IL Mare นี้ พอผมได้ดูตัวอย่างเท่านั้นล่ะครับ ต้องมนต์ทันที เพราะเพลงก็ดี และฉากต่างๆ ก็สวยงามดีเหมือนกัน เลยอยากดูขึ้นมาบ้าง

เรื่องนี้มันก็เกี่ยวกับความรักข้ามกาลเวลาของอันจู (จวน จิฮุน) หญิงสาวนักพากย์กับซังฮุน (ลี จุงแจ)สถาปนิกหนุ่ม ทั้งสองรู้จักกันผ่านทางตู้จดหมายหน้าบ้านริมหาดที่ชื่อว่า อิล มาเร่นี่แหละครับ ตอนแรกทั้งคู่ก็งงๆ ล่ะฮะว่ามันยังไง แต่ไปๆ มาๆ ทั้งสองก็ติดต่อคุยกัน จนในที่สุดจากคนแปลกหน้าก็เริ่มกลายเป็นการมีความรู้สึกที่ดีๆ ให้แก่กัน ส่วนเรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นไงก็ลองไปดูครับ บอกได้แค่คอหนังรักห้ามพลาดแล้วกัน

นักแสดงสองคน สุดบาทาครับ เจ๊จีฮุนผมน่ารักโคตรๆ เรื่องนี้ยังไม่มีอาการซาดิสม์ออกแบบ My Sassy Girl ครับ (แต่แววตาผมว่ามันเก็บกดพิลึกนะ) หน้าใสๆ ของเธอสามารถบอกความรู้สึกออกมาได้หมด ส่วนจุงแจก็ดูเป็นชายหนุ่มที่แฝงไว้ซึ่งความรวดร้าวลึกๆ นะครับ ส่วนดาราเจ้าอื่นก็ไม่ค่อยมีบทหรอกครับ 2 คนนี้นำและกุมบังเหียนของหนังตลอด และคุมได้อยู่หมัดซะด้วย

ต่อมาเรื่องฉากครับ สั้นๆ เลยคือแมร่งโคตรยอด หนังบ้าอะไรก็ไม่ทราบครับ บรรยากาศได้อารมณ์มาก คือตลอดทั้งเรื่องเราดูก็รู้ได้เลยว่ามันเป็นหน้าหนาวนะครับ แต่พอทั้งสองได้สื่อสารกันเท่านั้นแหละ ความอบอุ่นมันก็บังเกิดขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อครับ แล้วหนังยังทำได้อย่างดีมากๆ ในการสื่อและบอกกับคนดูว่าทั้งคู่ต่างก็มีความอ้างว้าง โดดเดี่ยวมากแค่ไหน โดยที่ไม่ต้องมีการบรรยายแม้แต่น้อยครับ แค่ไอ้ฉากไม่มีอะไรทำแล้วก็มานั่งปาเส้นพาสต้านี่ก็บอกได้แล้วว่าคนคู่นี้ไม่มีอะไรทำแค่ไหนน่ะ เพราะอยู่ว่างๆ มันเหงาไงครับ เลยต้องหาอะไรมาทำตลอด ซึ่งใครเคยรู้สึกแบบนี้รับรองเข้าใจแน่ๆล่ะ ว่าหากปล่อยให้ตัวเองว่างมากๆ มันจะเกิดความฟุ้งซ่านได้ในเวลาต่อมาครับ

แล้วที่หนักคือ ตอนอ้างว้างมันไม่ว่างเปล่า … ใจเจ็บแปล๊บด้วยนี่ซี่ ไอ้นี่แหละที่ไม่อยากให้เกิดที่สุดน่ะ

ผู้กำกับลีฮุนเซียงทำหนังได้ดีนะครับ จังหวะมันเนิ่บๆ ก็จริง แต่ทำไงได้ล่ะครับมันหนังโรแมนติกอ้ะ จะให้มาหมุนกล้อง 360 องศาแบบหนังพี่ Michael Bay หรือมานั่งสโลว์ภาพปลาอยนกพิราบแบบ John Woo มันก็ไม่ไหวน้าครับ มันต้องแบบนี้แหละ เนิ่บๆ ซึ้งๆ ทำให้คนดูซึมซับความเหงาของตัวละครเข้าไป แล้วจะได้เข้าถึงและคล้อยตาม แม้จะไม่ถึงกับสุดๆ ก็ตาม แต่หนังก็โอเคแล้วครับ ทำได้ขนาดเนี้ย

หนังมีฉากดีๆ หลายอยู่ครับ อย่างตอนที่ซังฮุนมารู้ว่าพ่อยังห่วงใยเขาตลอดเวลา แต่ดันมารู้เอาเมื่อสายซะแล้ว หรืออย่างไอ้ตอนที่ซังฮุนแกเดินไปหาอันจูในปีที่เธอยังไม่รู้จักเขา ท่าทางพี่แกนี่อยากจะเข้าไปคุยเต็มที่ครับ ยิ่งไอ้ตอนสวมที่ปิดหูนี่ทั้งน่ารักทั้งฮาเลยล่ะ ส่วนดนตรีประกอบก็สุดตีครับ ชนิดที่ต้องยกนิ้วโป้งทั้งสองข้างแล้วไปขอยืมจากองคุลิมาลมาอีกซัก 8 ให้มันเต็ม 10 กันไปเลยล่ะ

สรุปครับ นี่เป็นหนังรักโรแมนติกที่ทำได้ดีมากๆ แต่ต้องชอบหนังรักสไตล์อารมณ์ละเมียดนะครับ ค่อยๆ เดินเรื่องไป ไรเงี้ย ถ้าไม่ชอบแนวนี้ก็มีสิทธิ์เบื่อสูงมากครับ อันนี้ต้องแล้วแต่คอล่ะ แต่สำหรับผมแล้ว หนังทำได้ดีครับ ถึงเครื่องและน่าพอใจ ไม่น่าจะผิดหวังสำหรับคอหนังโรแมนติกครับ