ค้นหาหนัง

I Spy พยัคฆ์ร้าย-ใต้ดิน

I Spy พยัคฆ์ร้าย-ใต้ดิน
เรื่องย่อ : I Spy พยัคฆ์ร้าย-ใต้ดิน

เมื่อ Switchblade ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่ล่องหนต้นแบบที่ล้ำสมัยที่สุดที่เคยสร้างมา ถูกขโมยไปจากรัฐบาลสหรัฐ อเล็กซ์ สก็อต หนึ่งในสายลับชั้นนำของสหรัฐอเมริกา ถูกเรียกให้ลงมือปฏิบัติ สิ่งที่เขาไม่ได้คาดหวังคือการร่วมมือกับพลเรือนผู้อวดดี แชมป์มวยระดับโลกเคลลี่ โรบินสัน ในภารกิจจารกรรมลับสุดอันตราย การมอบหมายของพวกเขา: ใช้ทักษะและอารมณ์ขันที่เท่าเทียมกัน จับ Arnold Gundars หนึ่งในผู้ค้าอาวุธผิดกฎหมายที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก และทำลายแผนการทุจริตของเขาสำหรับเครื่องบิน

IMDB : tt0297181

คะแนน : 6



หนังแนวคู่หูสายลับที่สร้างจากซีรี่ส์ชื่อดังเมื่อยุค 1965 – 1968 นะครับ เรื่องราวเกี่ยวกับสายลับพิเศษอเล็กซ์ สก็อตต์ (Owen Wilson) ที่ทำงานไม่ค่อยจะได้เรื่องได้ราวเท่าไหร่ให้มาเข้าคู่กับ เคลลี่ โรบินสัน (Eddie Murphy) นักมวยจอมขี้โม้ สองคนถูกจับมาให้ร่วมงานในภารกิจตามหายานบินที่ล่องหนได้ ซึ่งกำลังจะถูกนำไปขายในตลาดมืด

ก็แน่ล่ะครับ ตามสูตรก็ต้องให้ทั้ง 2 คนตีกันประจำ จนทำงานพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ในตอนท้ายก็ค่อยมาร่วมแรงกันเอาชนะผู้ร้ายได้ … แต่ทว่า I-Spy ดันเอาสูตรนี้มาร่วมกันอย่างไม่ค่อยจะเข้าท่านักอ้ะครับ

ว่าตามจริงเลยคือหนังไม่สนุกครับ ดูไปหงุดหงิดไปด้วยซ้ำ อย่างแรกเริ่มจากนาย Eddie Murphy ที่แกดันพล่ามมากไปหน่อย พล่ามมากจนน่ารำคาญ ผมไม่แน่ใจว่าพี่แกจะพล่ามให้ออกในแนวขำๆ แบบ Chris Tucker ใน Rush Hour หรือเปล่านะครับ แต่รายนั้นน่ะเขาพล่ามแล้วมันฮาในเชิงน่ารักๆ แต่พี่ Eddie ผมพล่ามทีแล้วมันเกิดอาการคันบริเวณเท้ามากๆ กวนส้นจริงๆ แล้วมันกวนแบบน่ารำคาญน่ะครับ ประเภทว่าถ้าผมเป็นผู้ใหญ่ในองค์การ ผมคงไม่เอาไอ้บ้านี่มาทำงานแน่ๆ เพราะรับประกันมันทำเจ๊งแน่นอน เอะอะก็พล่ามแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่รู้จักกาละเทศะ ไม่มีสติเลยอ้ะท่านผู้ชม

ส่วนพี่ Owen ก็หายไปเลยครับ โดยพี่ Eddie แย่งซีนไปตลอด แต่อย่างที่บอกครับว่าแย่งซีนแบบหงุดหงิดอ้ะ คนดูคงไปสนใจพี่ Eddie ในแง่ที่ว่า “เมื่อไหร่เอ็งจะหุบปากซะทีวะ” มากกว่า ไม่ถือว่าขโมยซีนซะทีเดียวหรอก

ส่วนดาราเจ้าอื่นโดยกลืนหมดครับ ไม่ว่าจะ Malcolm McDowell ในบทอาร์โนลด์ กันดาร์ จอมวายร้ายหรือจะ Famke Janssen ในบทเจ้าหน้าที่พิเศษราเชล ไรท์ ออกมาอย่างงั้นๆ ทั้งสิ้น

หนังมีฉากไล่ล่า Action มันส์ๆ ก็ช่วงกลางเรื่องเท่านั้นเอง ตอนที่สองหนุ่มต้องวิ่งหนีออกมาจากคฤหาสน์ของอาร์โนลด์ มีแค่ช่วงนั้นเท่านั้นเองครับ ช่วงเดียวเลยจริงๆ ที่พอจะบอกได้ว่ามันความสนุกบ้าง แต่นอกนั้นทั้งหมดหนังออกมาค่อนข้างน่าเบื่อเลยล่ะครับ ช่วงต้นมาก็ไม่มีอะไร เจอแต่ความหงุดหงิดช่างพล่าม พอมาตอนท้ายก็ไม่ได้มีความดีขึ้นมา อย่างที่บอกครับ สูตรหนังแนวนี้มันคือพระเอกสองคนจะต้องตีกันอย่างมากมายจนงานจะพัง แล้วพอตอนท้ายสองคนก็จะเริ่มเข้าใจกันแล้วก็หาทางร่วมมือกัน ซึ่งหลายเรื่องทำได้ดีครับ แต่กับเรื่องนี้ ผมไม่เชื่ออย่างแรงว่าไอ้สองตัวนี่จะร่วมมือกัน คือถ้าจะต่อยกันน่ะก็พอเชื่อครับ ทำให้อารมณ์ร่วมแบบที่ควรมี ได้ขาดหายไปเป็นที่เรียบร้อย

ฉากแอ๊คชั่นก็เฉยๆ พัฒนาตัวละครแบบว่าสองคนจะหันมาร่วมมือกันก็ไม่มี ความตลกก็แบบงั้นๆ … แล้วมันจะเหลืออะไรล่ะพี่ 

ไม่น่าแปลกครับที่หนังจะเจ๊งระนาวกราวรูดได้ถึงเพียงนี้ ลงทุน 70 ล้าน ได้คืนมาราวๆ 33 ล้าน บอกได้ง่ายๆ ว่าเจ๊งครับ อันนี้ก็ส่วนหนึ่งต้องยกให้ Betty Thomas ผู้กำกับน่ะนะครับ งานของเธอที่อจะเข้าท่าจริงๆ ก็มีแค่ The Brady Bunch Movie แล้วก็ Private Parts ในขณะที่ Doctor Dolittle นั้นออกจะธรรมดามากกว่าครับ พอมาถึงเรื่องนีก้คนละเรื่อง ก็บอกได้เป็นเลาๆ ว่าคุณเธอไม่เหมาะกับหนังแอ๊คชั่นเท่าไหร่ กลับไปหากินหนังตลกน่ะดีแล้ว

จุดที่พอจะน่าพูดถึงก็มีดนตรีของ Richard Gibbs น่ะครับ ที่ให้จังหวะหนังสไตล์สายลับมันส์ๆ ได้ดีทีเดียว อีกอย่างที่ผมชอบก็คือไอ้มุขซุ่มโป่งน่ะอะ ประมาณว่าตามปกติทางองค์กรสายลับแบบนี้มักจะมีการจับคู่สายลับไปทำงานร่วมกันน่ะอะ แล้วถ้าแจ๊คพ็อต สายลับชายก็อาจจะได้ทำงานกับสายลับหญิง แล้วในเรื่องพี่อเล็กซ์แกก็ปิ๊งสายลับสาวราเชลไงฮะ พี่แกเลยหมกมุ่นจะได้ทำงานซุ่มโป่งกะเธอ ก็ฮาพอได้ล่ะครับ

อีกจุดก็การกัดความสองหน้าของเหล่าสายลับ ประเภทว่าสายลับมักมีสองหน้าเสมอ ประมาณว่าวันนี้อาจจะอยู่ฝ่ายดีแต่อีกวันก็อาจจะไปเข้าพวกฝ่ายร้าย ดังนั้นตอนท้ายมันก็เอามุขนี้มาเล่นน่ะครับ แต่ยังไม่ฮาพอครับ ถ้าเล่นจริงจังกว่านี้ล่ะฮายาวแน่ๆ

โดยรวมๆ หนังน่าผิดหวังครับ ดูเอาฮาอาจจะพอทำเนา (ถ้าไม่รำคาญพี่ Eddie ซะก่อนนะฮะ จริงๆ ดูพากย์ไทยก็ไม่เลว เพราะมันหยอดมุขเยอะ แต่ส่วนหนึ่งก็ทำให้ตัวพี่ Eddie แกน่ารำคาญอยู่เหมือนกัน) แต่ถ้าจะดูเอามันส์ล่ะขอเตือนครับ ไม่มันส์หรอกจ้า

คิดให้ดีแล้วกันพี่ แต่ผมบอกได้แค่ว่าถ้าไม่ตั้งความหวังมันอาจจะโอเคกว่านะฮะ