ค้นหาหนัง

Godzilla

Godzilla
เรื่องย่อ : Godzilla

รอยเท้ามหึมาประทับร่องรอยเหยียบย่ำทำลายไว้กระจัดกระจายกินพื้นที่กว้างนับหลายไมล์ สัตว์ประหลาดร่างยักษ์นำความน่าสะพรึงกลัวมุ่งหน้าสู่เกาะเล็กๆที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นที่มีชื่อว่า แมนฮัตตัน เจ้าสัตว์ร้ายตัวสูงตระหง่านบดขยี้ไปทั่วเมือง อย่างไม่ปรานีปราศัยโดยไปแวะจุดสำคัญ ๆ อย่าง เมดิสัน สแควร์ การ์เดน, อาคารไครส์เลอร์, เซ็นทรัลพาร์ก และ รถไฟใต้ดิน โดยระหว่างทางมันก็แวะเหยียบตึกใหญ่ๆ และรถแท็กซี่ที่โชคร้าย ร้อนถึงกองทัพแห่งอเมริกันที่นำ โดยนายทหารอวดดี (เควิน ดันน์) และนักชีววิทยา นิก ทาโตพูโลส (แม็ตทิว บรอเดริก) ที่มีทฤษฎีอธิบายได้ว่า GODZILLA ก็คือกิ้งก่าที่กลายเป็นยักษ์เพราะได้รับกัมมันตภาพรังสีจากการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ของฝรั่งเศสที่แปซิฟิกใต้นั่นเอง! ครั้นกองทัพไม่ยอมรับทฤษฎีของนิกที่พยายามอธิบายว่าทำไมเจ้าก็อดซิลลาถึงเลือกมานิวยอร์ก สมาชิกกองกำลังลับสุดยอดของฝรั่งเศส (ฌ็อง เรโน) ก็เลยตัดสินใจรับเขาไว้แทนเพื่อร่วมกันวางแผนที่จะกำจัดเจ้าสัตว์ประหลาดร่างยักษ์ที่มีชื่อว่า GODZILLA

IMDB : tt0120685

คะแนน : 6



ก่อนว่ากันถึง Godzilla ของใหม่ก็ขอย้อนไปรำลึกของเก่าสักหน่อยนะครับ

พี่ก็อตภาคนี้โดนคนบ่นไปพอประมาณ ที่บ่นเยอะหน่อยหนีไม่พ้นประเทศญี่ปุ่นที่เป็นต้นตำรับที่มองว่าพี่ก็อตฉบับนี้ “มันไม่ใช่อ้ะ” ส่วนหนึ่งคงเพราะความผูกพันน่ะครับ เพราะจะว่าไปพี่ก็อตสำหรับชาวญี่ปุ่นก็ไม่ต่างจากโดราเอมอน หรือโทร่าซังสักเท่าไร

ในขณะที่คนอีกส่วนหนึ่งก็มองว่าหนังไม่มีอะไรเท่าไร ว่าตามจริงมันก็คือหนังสัตว์ประหลาดบุกเมืองนั่นแหละ เพียงแค่ทุนหนาและมีสเกลที่ใหญ่กว่าพวกหนังเกรดบีเท่านั้นเอง

สำหรับผมแล้ว จำความรู้สึกตอนดูครั้งแรกได้ ตอนนั้นก็รู้สึกโอเคครับ คือไม่ได้ชอบมากมายอะไรนะฮะ แต่ดูเอามันส์ได้พอเพลินๆ อย่างน้อยมันก็ลงสูตรสำเร็จล่ะครับ มีโชว์ Effect สัตว์ประหลาด มีฉากระเบิดตูมตาม มีแอ็กชันและการไล่ล่า มีฉากการทำลายล้างที่ดูลงทุนและอลังการ เรียกว่าถ้าดูแบบไม่คิดมากมันก็เพลินตาอยู่ล่ะครับ เห็นตึกพัง ฮอระเบิด เมืองพินาศ (ออกแนวซาดิสม์ไหมนี่ผม 555)

ด้านตัวละครฝ่ายมนุษย์ก็ถูกออกแบบมาให้คนดูจำได้ง่ายๆ ตั้งแต่ ดร.นิค ทาโทโปลัส (Matthew Broderick) นักวิทยาศาสตร์ที่ตระหนักเป็นคนแรกว่าโลกกำลังเจอกับสัตว์กลายพันธุ์ขนาดใหญ่เป็นตัวแรกอยู่ พี่แกก็มาพร้อมมาดเนิร์ดๆ หงอๆ ตามสไตล์, ฟิลลิป (Jean Reno) สายลับจากฝรั่งเศสที่ตามรอยสัตว์ประหลาดมา เพราะเขาแน่ใจว่ามันคือผลจากการทดลองนิวเคลียร์แถวๆ เฟรนซ์โพลินิเชีย อันเป็นความรับผิดชอบของประเทศเขา, ออเดรย์ (Maria Pitillo) นักข่าวสาวที่พยายามไต่เต้า และพอดีเธอเป็นแฟนเก่านิค ก็เลยพยายามหาข่าวจากเขาซะเลย และ วิคเตอร์ (Hank Azaria) ตากล้องที่ชอบทำอะไรแบบ “ทำก่อนแล้วค่อยวิ่งทีหลัง” เนี่ยครับ แต่ละรายลงสูตรจริงๆ

เนื้อหาผมว่าทีมงานก็พยายามผูกนั่นแหละครับ ไม่ว่าจะเหตุผลการกำเนิดของพี่ก็อต, เหตุผลที่มันเดินทางมายังเกาะแมนฮัตตัน, การไล่ล่าและพยายามกำจัดมันโดยเหล่าทหารหาญ แล้วหนังยังมีพล็อตที่จัดว่าพยายามเซอร์ไพรส์คนดูเล็กๆ เมื่อเหล่าพระเอกต้องเผชิญกับลูกๆ ของพี่ก็อต ก่อนที่เรื่องราวจะมาขมวดไปในตอนท้าย เมื่อพี่ก็อตพิโรธขึ้นมาจริงๆ

ผมออกจะชอบ Gimmick ที่ทีมงานพยายามใส่ลงไป อย่างพี่ก็อตที่จริงๆ แล้วมันไม่ได้อยากทำลายเมืองเล่นหรอกครับ มันแค่มาหาที่วางไข่ และมันก็ไม่รู้ว่าไอ้ตึกรวมบ้านช่องเนี่ยมันคืออะไร ก็เลยเดินชนเดินย่ำเหมือนตอนมันเดินเหยียบหินเหยียบดินตามปกติ ว่าง่ายๆ คือสัตว์ยักษ์ตัวนี้ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร มันแค่ทำตามสัญชาตญาณ แบบที่นิคบอกนั่นแหละครับว่า “มันก็แค่เดรัจฉานเท่านั้นนะครับ มันไม่รู้จักตึกไม่รู้จักคนหรอก” ในขณะที่ตอนท้าย เหตุผลในการอาละวาดของก็อตซิลล่าก็นับว่าแอบดราม่าอยู่เหมือนกัน

ภาคนี้เหมาะแก่การดูเอามันส์ครับ อย่างผมนี่ก็ยอมรับว่าตอนออกวีดีโอก็เอามาเปิดดูหลายรอบอยู่ครับ แก้เหงาได้เพลินๆ ดี แต่ถ้าถามว่ามีอะไรดีเด่นติดใจไหมก็คงต้องขอตอบว่าไม่ได้ชอบในแง่หนังคุณภาพหรอกครับ แต่ชอบเพราะมันเพลินๆ เท่านั้นล่ะ

แฟนๆ ของหนังชุด Godzilla ต้นฉบับส่วนใหญ่จะไม่ปลื้ม เพราะโทนหนังและตัวพี่ก็อตมันคนละแนวทางกับฉบับญี่ปุ่น ซึ่งจะว่าไปอันนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยครับ เนื่องจากจริงๆ แล้ว Roland Emmerich ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ประกาศเลยว่า เขาน่ะไม่ปลื้ม Godzilla ฉบับดั้งเดิมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

เรื่องนี้ขอย้อนไปในอดีตนิดหน่อยนะครับ ว่าโปรเจคท์ Godzilla นี้ฮอลลีวู้ดเล็งว่าจะทำมานานมากๆ ตั้งแต่ต้นยุค 90 แล้วครับ ผู้กำกับอย่าง James Cameron, Tim Burton, Joe Johnston และ Paul Verhoeven ต่างก็เคยโดนทาบทามมาแล้วทั้งสิ้น แต่รายที่ถือว่าใกล้ความจริงที่สุดก็คือ Jan de Bont ที่สมัยนั้นเพิ่งดังสุดๆ จาก Speed โดยบทสมัยที่ de Bont จะกำกับนั้น เนื้อเรื่องไม่เหมือนฉบับ 1998 นี้เลยครับ แต่จะไปเหมือนชุดต้นฉบับของญี่ปุ่นแทน โดยบทหนังจะกำหนดให้พี่ก็อตแกเป็นสัตว์ประหลาดอายุพันปีที่ถูกปลุกขึ้นมา เนื่องจากโลกถูกสัตว์ประหลาดต่างดาวนามว่า กริฟฟอน บุกมาโจมตีครับ และแน่นอนว่าสัตว์ประหลาดทั้งสองย่อมปะทะกัน ซึ่งจริงๆ Stan Winston มือ Special Effect ระดับโลกได้ออกแบบทั้งพี่ก็อตและเจ้ากริฟฟอนนี่เสร็จเรียบร้อยแล้วด้วยนะครับ

แต่พอดีว่าทุนสร้างสุทธิของหนังฉบับนี้จะสูงกว่า $150 ล้านเสียอีก ทำให้ผู้สร้างถอยครับ สร้างไม่ไหว de Bont เลยตบเท้าออกจากโปรเจคท์ไปทำ Twister แทน แล้วในเวลาต่อมา Emmerich ที่กำลังดังสุดๆ จาก Independence Day ก็ก้าวเข้ามาแทน และเขาก็เอ่ยปากกับบริษัทผู้สร้างเลยครับว่าเขาไม่ชอบ Godzilla ฉบับเก่า และข้อแม้เดียวที่เขาต้องการคือทุกฝ่ายต้องยอมให้อิสระแบบเต็มที่กับเขา ประมาณว่าจะทำเนื้อเรื่องออกมาแนวไหน แบบไหน ยังไงต้องได้ทั้งหมด ไม่งั้นเขาไม่กำกับ

ด้วยตัวเลขรายได้ ID4 ที่โกยไป 800 กว่าล้านทั่วโลก ก็เลยทำให้ทุกฝ่ายยอมพี่แกหมดครับ… และ Godzilla ฉบับนี้เลยถูกดัดแปลงออกมาห่างไกลจากฉบับดั้งเดิมด้วยประการละฉะนี้

แม้หนังฉบับนี้จะทำรายได้ไปไม่น้อย คือได้ไป $379 ล้านจากทั่วโลก โดยหากเทียบกับทุนสร้าง $130 ล้านแล้วก็ถือว่าหนังทำเงินอยู่ แต่ด้วยกระแสตอบรับที่ออกแนวแง่ลบเสียส่วนมาก โดยเฉพาะแฟนๆ พี่ก็อตที่ถึงกับตั้งชื่อให้พี่ก็อตฉบับนี้ว่า GINO ซึ่งเป็นคำที่ย่อมาจาก “Godzilla In Name Only” เลยทำให้ผู้สร้างระงับแผนทำภาคต่อครับ แม้แรกเริ่มเดิมทีจะมีการวางพล็อตไว้เป็นไตรภาคก็ตาม

รายได้ในอเมริกานั้นถือว่าน้อยครับ ได้ไป $136 ล้านพร้อมกระแสตอบรับในแง่ลบ ส่วนหนึ่งก็เพราะอเมริกานั้นมีหนังสัตว์ประหลาดเกรดบีออกมาจนเกร่อครับ และบางกระแสก็มองว่าตัวละครในหนังเรื่องนี้ไม่ค่อยฉลาดนัก โดยเฉพาะเหล่าทหารที่ดูจะรับมือกับพี่ก็อตได้ไม่เก่งเท่าไร ซึ่งออกจะต่างจาก ID4 ที่ทุกคนดูจะห้าวหาญ เสียสละ และดูเก่งกล้า เลยมีคนตั้งข้อสังเกตว่าชาวมะกันบางส่วนก็รู้สึกไม่โอกับตรงนี้เท่าไร

ยังไงก็ลางเนื้อชอบลางยาครับ เชื่อว่าคนที่ชอบก็มี คนที่เฉยก็มี เอาเป็นว่าภาคนี้ดูเอามันส์ได้ครับ แต่ออกแนวจบแล้วก็จบกัน และสำหรับผมสิ่งที่น่าจดจำจริงๆ ต้องยกให้การแสดงของ Reno ที่ดูเท่ห์และมีพลังดี กับ Azaria ที่เพิ่งเสียงฺฮาให้หนังได้ไม่เลว

อ้อ แล้วรู้ไหมครับว่า Emmerich แกเอบกัด Roger Ebert นักวิจารณ์ชื่อดัง (ผู้ล่วงลับไปแล้ว) ที่ชอบวิจารณ์หนังเขาในแง่ลบ เขาเลยสร้างตัวละครที่ชื่อนายกเทศมนตรีอีเบิร์ตขึ้นมาซะเลย โดยตัวละครนี้ออกแนวนักการเมืองที่ดีแต่พูดทว่าไม่ยอมทำอะไรที่มันเข้าท่าๆ และท่าประจำของพี่แกก็คือ Two Thumbs Up อันเป็นท่าประจำของ Ebert ตัวจริงด้วยครับ และตัวละครผู้ช่วยนายกยังมาชื่อ จีนอีก ซึ่งนี่ก็อ้างถึง Gene Siskel คู่หูผู้ล่วงลับของ Ebert นั่นเอง… จุดนี้ Emmerich แกทำเอาสนุกเป็นส่วนตัวจริงๆ