ค้นหาหนัง

Final Destination 2 โกงความตาย...แล้วต้องตาย (2003)

Final Destination 2 โกงความตาย...แล้วต้องตาย (2003)
เรื่องย่อ : Final Destination 2 โกงความตาย...แล้วต้องตาย (2003)

ขณะมุ่งหน้าสู่ทางหลวง Kimberly Corman มีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งใหญ่ ทำให้การจราจรหยุดชะงัก คิมเบอร์ลีตกใจเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นจริง Kimberly เชื่อมโยงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเหตุการณ์ที่คล้ายกันซึ่งเกิดขึ้นเมื่อหนึ่งปีที่แล้วในวันเดียวกับที่เธอมีลางสังหรณ์: ภัยพิบัติเที่ยวบิน 180 หลังจากพูดคุยกับเคลียร์ ริเวอร์ส ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากภัยพิบัติเที่ยวบิน 180 คิมเบอร์ลีพบว่ารูปแบบการตายถูกรบกวน ซึ่งหมายความว่าทุกคนที่ควรจะตายในตอนแรกจะถูกฆ่าในอุบัติเหตุประหลาดที่แยกจากกัน Kimberly และผู้รอดชีวิตที่เหลือต้องทำงานร่วมกับ Clear เพื่อพยายามหยุด Death จากการทำซ้ำขั้นตอน

IMDB : tt0309593

คะแนน : 8



มาว่ากันให้ครบ กับตอนที่สองของหนังชุดโกงความตายที่ยังสานต่อเรื่องราวครับ งานนี้โยงมาที่คนกลุ่มใหม่ นำโดย คิมเบอร์ลี่ คอร์แมน (A.J. Cook) สาวน้อยที่ดันไปเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าว่าจะเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่กลางทางหลวง ก็เลยจัดการยับยั้งจนคนมากมายรอดมาได้ แต่ก็ซ้ำรอยภาคแรกครับ รอดมาไม่ได้แปลว่าจะรอดตาย ความตายก็ได้จัดการเดลิเวอร์รี่การตายอย่างสุดแสนสยองมาถึงบ้าน

งานนี้ทั้ง Morgan และ Wong วางมือ ไม่ทำต่อ ปล่อยให้ David R. Ellis มากำกับแทน ซึ่งตอนนั้นก็งงเหมือนกัน เพราะพี่แกผ่านงานกำกับมาแค่ครั้งเดียวนั่นคือเรื่อง Homeward Bound II: Lost in San Francisco (1996) หนังสองหมาหนึ่งแมวของ Disney ไงครับ ก็ให้สงสัยว่าทำหนังสยองมันจะเป็นอย่างไร

ถ้าว่ากันถึงเรื่องเงินทองล่ะก็น่าพอใจครับ ทำเงินไปไม่แพ้ตอนแรก ทุนสร้าง $26 ล้าน ได้คืนมาราวๆ $46,455,802 ในอเมริกา ส่วนนอกอเมริกาก็ได้ไปพอๆ กัน ก็เรียกว่าทำเงินใช้ได้ ทีนี้เรามาว่ากันถึงตัวหนังกันดีกว่า

โทนหนังมันไม่หม่นเท่าตอนแรกครับ อันนี้รู้สึกเลยนะ บรรยากาศมันเบาๆ จนเหมือนหนังวัยรุ่นของ Miramax พวก She’s All That ยังไงก็ไม่ทราบ นอกจากฉากการตายแล้ว อย่างอื่นไม่ใคร่จะกดดันนัก จริงๆ ก็พอเดาเจตนาคนทำออกมาละครับว่าอยากทำให้บรรยากาศในหนังไม่เครียดนักเพื่อให้คนดูรู้สึกว่ามันเหมือนโลกจริงๆ ที่สามารถเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ แม้บรรยากาศจะดีแค่ไหนก็ตาม แต่บรรยากาศมันเนิ่บเกินไปครับ

แต่ส่วนอื่นๆ หนังก็พยายามนะ อย่างการสร้างทฤษฎีใหม่มาเชื่อมโยงการโกงความตายระหว่างกลุ่มใหม่และกลุ่มเก่า พร้อมทั้งตามเอานางเอกหน้าสวยจากภาคแรกอย่าง Ali Larter กลับมาแสดงบทเดิมจากภาคแรกเพื่อช่วยไขปริศนาการโกงความตายครั้งใหม่ แต่โดยอารมณ์มันไม่ได้ชวนลุ้นเท่าตอนแรก แม้ฉากการตายจะหนักหนากว่าก็เถอะ แต่อารมณ์เสียวหรือผวา ประหนึ่งว่ากำลังมี “ความตาย” มาคุอยู่รอบๆ ทุกคนนั้นกลับไม่ใคร่จะได้สัมผัสสักเท่าไร

ไม่ใช่ว่าหนังไม่ดีนะครับ มันก็ออกมาไม่เลวสำหรับตอนต่อ แต่ถ้าเทียบกับตอนแรกแล้วมันก็ยังห่างๆ กันอยู่ แต่พอดูได้ครับ ไม่ใหม่แตก่ไม่ขี้ริ้ว พอสนุก พอสยองไปตามจังหวะ เพียงแต่ฉากจบมันออกจะเหมือนหนังตลกไปหน่อยยังไงก็ไม่ทราบ

ส่วนชื่อของตัวละครในเรื่องก็ตามเคยครับ เอานามสกุลผู้กำกับและดาราหนังสยองเก่าๆ มาขอยืม อย่างนางอเกนีก่ชัดครับ คอร์แมนนี่เอามาจากราชาหนังสยองเกรดบี Roger Corman อย่างไม่ต้องสงสัย หรือตัวละครที่ชื่อ นอร่า คาร์เพนเตอร์ ก็แน่นอนครับ หยิบมาจาก John Carpenter ผู้กำกับ Halloween นั่นแหละ และพูดถึง Halloween ก็บอกเลยแล้วกันว่า โรงพยาบาลโรคจิตที่เคลียร์ ริเวอร์สเข้าไปรักษาตัวนั้นเป็นแห่งเดียวกับโรงพยาบาลตอนต้นเรื่องในหนัง Halloween: Resurrection (2002) ด้วยล่ะนะครับ นอกจากนี้ Tony Todd จากภาคแรกก็ยังตามมาอุ่นเครื่องความสยองตามเคย

อีกเกร็ดหนึ่งที่น่าสนุกสำหรับหนังเรื่องนี้ ถ้าใมครยังไม่ชมภาคแรกอย่าเพิ่งอ่านนะครับหรือไม่อยากทราบเรื่องราวภายในก็อย่างเพิ่งอ่าน

*คือตอนแรกจะมีการให้อเล็กซ์ ตัวเอกจากภาคแรกมามีบทด้วยนะครับ แต่มาเพื่อตายนะ คืออเล็กซ์พยายามเอาตัวรอดจากสถานการณ์ความตาย แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้น เพราะบทเดิมกำหนดให้พี่แกตายเพราะโดน “ไวรัส” ฆ่าจนตาย เนื้อตัวเน่าเฟะ … ทีนี้ผู้สร้างเห็นว่ามันจะไปกันใหญ่ครับ เดี๋ยวหนังโกงความตายจะกลายพันธุ์ไปแบบพี่เจสันและเฮียเฟรดดี้ เลยไม่เอาบทอเล็กซ์ใส่ลงมาก็ได้ แค่บอกไว้ว่าแกมีชะตากรรมเป็นอย่างไรพอ*

ก็ประมาณนี้แหละครับ ไม่ผิดหวังนะ เพราะดูได้เรื่อยๆ ไม่มีปัญหาสำหรับคอหนังสยอง