Executive Decision | ยุทธการดับฟ้า

Executive Decision ในความทรงจำของผมนั้นถือเป็นหนังพลิกความคาดหมายครับ จำได้เลยว่าตอนแรกที่ตีตั๋วไปดูกับเพื่อนๆ ตอนมันเข้าฉายนั้นก็คิดว่าคงแค่หนังบู๊ทั่วๆ ไป ไม่คาดหวังอะไรมาก แต่ไปๆ มาๆ หนังออกมาสนุกและน่าจดจำมาจนถึงทุกวันนี้ครับ

หนังเข้มข้นมากครับ คนดูต้องลุ้นตั้งแต่เครื่องขึ้นยันเครื่องจอด เพราะเหตุร้ายมันเกิดขึ้นได้ทุกวินาที และถ้าทีมนี้ทำพลาดเมื่อไหร่ คนทั้งเครื่องและเมืองที่อยู่ใต้เครื่อง จะกลายเป็นอดีตทันที และอย่างที่ผมบอกครับ ยิ่งวายร้ายเก่ง หนังยิ่งมันส์ ซึ่งเรื่องนี้ ตัวนาจี ฮัสซันวายร้ายของเรื่องก็ทั้งร้าย ฉลาดและโหดเหี้ยม หนังเลยน่าติดตาม รวมไปถึงฝีมือกำกับของ Stuart Baird ที่ทำเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ก็ทำได้ในระดับที่ดีจนน่าพอใจ ผลงานต่อๆ มาของเขาก็เข้าขั้นดี (แต่ไม่ยักกะดังสักเท่าไร) ส่วนนักแสดงนั้น Russell ก็ไปได้ดีครับกับบทนี้ ท่าทางดูเป็นนักวิทยาศาสตร์จริงๆ ตอนพี่แกรู้ว่าต้องปฏิบัติการภาคสนามนั้น สีหน้าออกเลยครับว่าตื่นแค่ไหน

ส่วนพี่ Seagal จอมหักกระดูกกลับโผล่แค่ 10 นาทีแรกเท่านั้น แต่แค่ 10 นาทีบารมีของพี่เขาก็ออกมาเยอะแล้วล่ะครับ ซึ่งอันนี้ก็มีข่าวลือหลายกระแสเหลือเกิน บ้างก็ว่าที่พี่ Seagal แกมีบทแค่นี้ก็เพราะ บังเอิญพี่เขากับ Joel Silver ผู้อำนวยการสร้างหนังเรื่องนี้ เกิดมีปัญหาผิดใจกัน บทเลยถูกตัดออกไป แต่อีกกระแสก็บอกว่า จริงๆแล้ว บทที่พี่ Seagal เล่นนั้น ไม่มีอยู่ในหนังแต่แรก แต่บังเอิญ พี่เขากับ Silver เป็นซี้กัน Silver เลยเพิ่มบทให้พี่เขาเป็นกรณีพิเศษ

แล้วก็ยังมีอีกกระแสครับ นั่นคือในช่วงนั้นเริ่มมีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับพี่ Seagal ออกมา ว่าเขานั้นล่วงละเมิดทางเพศผู้หญิงหลายรายและทำร้ายร่างกายภรรยาเก่า ทำให้ Russell เอ่ยปากเลยว่าเขาจะไม่ขอร่วมงานกับ Seagal ทำให้บทของ Seagal ถูกลดลงไป แล้วบทเหล่านั้นก็ไปเพิ่มให้กับตัวละคร คาร์ลอส “แรท” โลเปซ ของ John Leguizamo แทน… ก็คงต้องมาลองชั่งน้ำหนักดูครับว่าเหตุผลที่แท้นั้นคืออะไร

นอกจากนี้ดาราเจ้าอื่นๆ ก็ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้หนังครับ ไม่ว่าจะ Halle Berry ในบทจีน แอร์โฮสเตสสาวที่คอยช่วยทีมของพระเอกในการต่อกรกับวายร้าย ซึ่งบทนี้เป็นบทแรกของเธอที่ได้ค่าตัวถึง $1 ล้านครับ (และว่ากันว่าตอนแรกเธอจะไม่รับเล่นบทนี้ครับ แต่พอได้ค่าตัวถึงหลักนี้เธอก็เลยตอบตกลง),  Leguizamo ในบทแรท มือขวาของเทรวิสที่ต้องมารับหน้าที่เป็นผู้นำทีมแทน, Oliver Platt ในบทเดนนิส คาลฮิล ผู้ประดิษฐ์ยานบินล่องหนที่จับพลัดจับผลูต้องขึ้นไปอยู่บนเครื่องด้วย บทของเขานั้นทำให้หนังทั้งกดดันและสนุกขึ้นในเวลาเดียวกันครับ, Joe Morton เป็นจ่าแคปปี้ หนึ่งในทีมที่ต้องมาประสบอุบัติเหตุจนขยับตัวไม่ได้ แต่เขากลับเป็นผู้เดียวที่รู้เรื่องระเบิดครับ เลยทำให้หนังลุ้นมากขึ้นว่า แล้วการถอดสลักระเบิดจะทำได้ยังไงถ้าพี่แกขยับตัวไม่ได้น่ะ

เกร็ดที่น่าสนใจของหนังเรื่องนี้คือ แรกเริ่มเดิมทีโครงการหนังเรื่องนี้อยู่ที่ค่ายดาวภูเขา Paramount Pictures ครับ ทีนี้ทาง Paramount เกิดสนใจอยากได้สิทธิ์หนัง Forrest Gump ที่ตอนนั้นอยู่กับค่าย Warner Bros ไปๆ มาๆ ทาง Paramount เลยเสนอขอแลกกันครับ แลกสิทธิ์การสร้าง Executive Decision ให้กับ Warner Bros ไป แล้วทาง Paramount ก็ได้ Forrest Gump ไป ซึ่งก็ถือว่า Win Win ครับ เพราะค่าย Warner นั้นถนัดทำหนังแอ็กชันมากกว่ามาแต่ไหนแต่ไร และผลลัพธ์ของ Executive Decision ก็ออกมามันส์อย่างที่เป็นครับ ส่วน Forrest Gump ก็ถือว่าเป็นอยู่ในมือของคนที่ถูกต้อง ก็เลยออกมาสุดยอดอย่างนั้น

ในแง่รายได้ก็ถือว่าน่าพอใจครับ ลงทุนไป $55 ล้าน ทำเงินไป $121 ล้านจากทั่วโลก ก็ถือว่าคุ้มทุนอยู่

สรุปอีกทีว่าหนังลุ้นและมันส์ตลอดครับ ก็เป็นอีกหนึ่งหนังลุ้นระทึกบนเครื่องบินอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดครับ เข้มข้น คุ้มค่าที่จะดูจริงๆ