IMDB : tt9214832
คะแนน : 7
"หนังผู้ดี๊ ผู้ดีอังกฤษ ...ที่ดูสนุก เพลิน น่ารักและเฟียสมาก"
ชื่อของ Jane Austen สำหรับนักศึกษาสายวรรณคดีอังกฤษ คงจะคุ้นหู คุ้นชินไม่น้อย อย่างน้อยๆ ตอนเรียนต้องหยิบงานเขียนของ Austen มาเรียน คิด วิเคราะห์ ...ไม่ว่าจะเป็นงานอย่าง Pride and Prejudice , Sense and Sensibility ,Persuasion รวมถึง Emma. เรื่องนี้ ....นิยายของ Jane Austen ไม่ใช่แค่เรื่องราวรักๆ ใครๆ ประโลมโลก แต่ตัวเนื้องานยังแฝงการเสียดสีสังคม เสียดสีเรื่องชนชั้นในสังคมอังกฤษได้อย่างแยบยล
Emma.หนึ่งในวรรณกรรมเอกของ Austen ที่ผ่านการทำทั้งเป็นหนัง ละครหลายต่อหลายครั้ง ...ครั้งที่เราคุ้นเคยที่สุด ในปี 1996 ที่สร้างชื่อให้กวินเนธ พัลโทรว ในบทเอ็มม่า โด่งดังเป็นที่จดจำ ...รวมถึง Emma ยังเคยดัดแปลงให้เป็้นหนังวัยรุ่นร่วมสมัยในชื่อ Clueless ได้อลิเซีย ซิลเวอร์สโตนมาเล่น (ใครอยากดู Clueless มีให้ดูใน Netflix ครับ)
Emma. ในปี 2020 คือการเล่าเรื่องราวตามขนบของความเป็นพีเรียด เล่าเรื่องในสังคมอังกฤษสมัยยุคศตวรรษที่ 18 ด้วยเรื่องราวของสาวน้อยเอ็มมา วู้ดเฮ้าส์ (อันยา เทยเลอร์ จอย) ที่ให้คำจำกัดความเธอว่า เอ็มมา เธอเป็นผู้หญิงที่สวย เลิศ ฉลาด และรวยมาก (Handsome , Clever and Rich) ...เธอเป็นลูกสาวของมิสเตอร์วู้ดเฮ้าส์ (บิล ไนท์ตี้) พ่อผู้ขาดความเชื่อมั่น และดูเหมือนเป็นที่พึ่งอะไรให้ลูกสาวไม่ได้เลย เอ็มม่าอาศัยอยู่ในคฤหาสน์สุดหรูหรา เลิศล้ำอลังการในไฮบิวรี่ หมู่บ้านเล็กๆ ในชนบทของอังกฤษ ...ด้วยความเป็นลูกคุณหนู เป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อม ทำให้เธอเป็นเหมือนดาวเด่นในสังคมเล็กๆ ...ด้วยความที่สวยและรวยมาก ทำให้เอ็มม่าชอบทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชัก หลังจากที่จับคู่ให้พี่เลี้ยงได้แต่งงานกับมิสเตอร์เวสตัน พ่อม่ายฐานะดีในหมู่บ้าน จนทำให้เอ็มม่าคิดว่า เธอคือกูรูผู้หยั่งรู้ในเรื่องของความรัก เธอสนุกกับการเจ้ากี้เจ้าการจับคู่ให้คนโน้น คนนี้ อาจจะเป็นเพราะพี่เลี้ยงแต่งงานออกจากบ้านไป เธอคงเหงา เธอคงว่างตามประสาลูกคุณหนู เธอจึ่งหันมาใส่ใจจับคู่ให้แฮเรียต (มิอา โกธ) เพื่อนสนิทที่มีฐานะต่ำต้อยกว่าเธอ และแน่นอนการจับคู่ครั้งนี้ มันยุ่งเหยิงไม่เหมือนเก่า เพราะในความเป็นจริง เอ็มม่าแทบไม่ประสีประสาในเรื่องความรักเลย เธอไม่เคยเลยที่จะมีความรัก เธอไม่เคยรู้ใจตัวเองว่าจริงๆ แล้วเธอรักใครและใครที่รักเธอ ...แผนการจับคู่ครั้งใหม่นี้ ยิ่งจับ ยิ่งยุ่ง ยิ่งจับ ยิ่งติดกับ ยิ่งวุ่นวายจนแทบจะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ...แม้ตัวมิสเตอร์ไนท์ลีย์ (จอห์นนี่ ฟลินน์) ชายหนุ่มที่คุ้นเคยกับเอ็มม่ามานานจะคอยบอก คอยเตือนเธอว่าอย่าริทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักก็ตาม ...สุดท้ายเธอก็หาฟังไม่
Emma. เวอร์ชั่น 2020 ของผู้กำกับ ออทั่ม เดอ ไวลด์ ...แทบจะเดินตามเนื้อหาในหนังสือของเจน ออสติน ด้วยเรื่องราวที่ย้อนยุค แทรกการจิกกัดสังคม ชนชั้น โดยเฉพาะสังคมคนรวยที่คิดอยากจะทำอะไรก็ทำ ที่ทำเพราะสนุกที่จะทำ โดยไม่คิดถึงใจคนอื่นแม้แต่น้อย ซึ่งมันสะท้อนในตัวตนของเอ็มม่า นางเอกของเรื่อง แม้จะชื่อว่าเป็นนางเอก แต่เธอก็ไม่ได้เป็นนางเอกที่น่ารัก แสนดีสำหรับทุกคน เธอมีความมั่นใจในตัวเองสูง จนบางทีก็หมั่นไส้ ...แต่ในแง่ความเป็นมนุษย์ เอ็มม่า แม้จะชอบเจ้ากี้ เจ้าการไปบ้าง โดยเนื้อแท้เธอไม่ใช่คนไม่ดี ไม่ได้คนเลวร้าย ...เอ็มม่า อาจจะเหมือนเพื่อนเราหลายๆ คนในสังคมทุกวันนี้ ที่ชอบจุกจิก เจ้ากี้เจ้าการ จับคู่ให้คนโน้น คนนี้ จนวุ่นวายไปหมด บางทีก็รำคาญ แต่ก็เกลียดไม่ลง เพราะเนื้อแท้ เพราะเจตนาที่ทำคือหวังดี แต่วิธีการมันไม่ใช่
ถ้าจะติติงจริงๆ สำหรับ Emma. เวอร์ชั่นนี้ คือ การเล่าเรื่องที่แทบไม่ปูเรื่องราวใดๆ ให้คนดูเลย โดยเฉพาะคนที่ไม่รู้จักเอ็มม่า อาจจะงงๆ สับสนในช่วงเริ่มต้น แต่พอจับเรื่องได้ติด ก็ไม่มีปัญหาใดๆ ...แม้หนังจะย้อนยุค แต่เล่าเรื่องได้เร็วยังกะหนังวัยรุ่นไฮสคูลในยุคปัจจุบัน ...แม้บรรยากาศจะดูเก่าตามแบบหนังพีเรียด แต่ในแง่ภาษาภาพ ดนตรีประกอบ ที่เอาความเก่า คลาสลิก มาทำให้ดูร่วมสมัย ไม่เชย ...ด้วยการจัดวางภาพ ด้วยสีสันที่ใส่ในตัวภาพ ด้วยลูกเล่นการวางจังหวะดนตรี เพลง ที่แม้จะเป็นเพลงแบบโบราณ แต่พอจัดวางได้อย่างลงตัว ถูกจังหวะ มันทำให้หนังดูใหม่ ทันสมัย ดูเฟียสมากๆ ...ชอบการใส่สีในหนัง ที่ให้ความรู้สึกว่าดู Emma. เวอร์ชั่นพาสเทล ดูน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม ลงตัวอย่างบอกไม่ถูก
สิ่งหนึ่งที่ชอบมากคือการแสดงของน้องอันย่า เทย์เลอร์ จอย ...ที่ถอดแบบความเป็นเอ็มม่า ได้อย่างน่ารัก ลงตัว ไม่ซ้ำใคร จนทำให้เราลืมเอ็มม่าแบบกวินเนธ แบบอลิเซีย ไปได้เลย ...น้องอันย่าของเราดูดี มีเสน่ห์ เล่นได้อย่างหมดจด เป็นเอ็มม่าที่น่าหยิก น่าหมั่นไส้ แต่จะเกลียดก็เกลียดไม่ลงจริงๆ
Emma. คือการกลับมาเข้าโรงหนังใหม่ในรอบสามเดือน (หลังจากปิดเพราะโควิด) ได้อย่างชุ่มชื่นใจและมีความสุข ...เป็นหนังที่แฟนหนังสือของออสติน ไม่ควรพลาด ...แม้ไม่ใช่แฟนหนังสือ ถ้าอยากจะรู้ว่าเด็กสายวรรณคดี เด็กอักษรศาสตร์เขาเรียนอะไรกัน ก็น่าตีตั๋วไปดูไม่น้อย ...เป็นหนังเล็กๆ น่ารัก อบอุ่น ดูแล้วมีความสุขที่ได้กลับไปยิ้มในโรงหนังอีกครั้ง