IMDB : tt0109552
คะแนน : 6
ภาคแรกเป็นอย่างไรผมก็ร่ายไปแล้วนะครับ และนี่คือภาคต่อ ที่เขาทำออกมาเป็นหนังลง VDO โดยเฉพาะ ซึ่งตอนนั้นนะครับ เป็นช่วงที่ทางค่าย Universal Pictures เขานิยมเอาหนังฮิตๆ ของตัวเองมาทำภาคต่อลง VDO ก็คงเป็นกลยุทธหนึ่งในการหาเงินหาทางเข้าบริษัทล่ะครับ แล้วก็อย่างที่เคยบอกไปนานแล้วว่า ตลาด VDO นั้นไม่ใช่กระจอกนะครับ หนังลง VDO เลยโดยไม่ผ่านโรงบางทียังทำเงินทำทองได้มากไม่แพ้หนังโรงด้วยซ้ำไป
ในบรรดาหนังภาคต่อที่ลง VDO ทันทีก็มีหลายเรื่องครับ อย่าง The Birds II: Land’s End (นี่ก็ภาคต่อหนังคลาสสิคเลยนะนั่น), Tremors II: Aftershocks, Another Midnight Run, Vanishing Son IV, ภาคต่อตั้งไม่รู้กี่ภาคของ The Land Before Time, It Came from Outer Space II (นี่ก็เล่นของสูงครับ เอางานในตำนานมาทำเลย แต่ผลที่ได้ไว้จะเอามาบอกซักวัน) และแน่นอนครับ รวมไปถึง Darkman ภาคต่อนี้ด้วย
เรื่องราวดำเนินต่อเนื่องจากภาคแรกครับ เพย์ตัน เวสท์เลค หรือ ดาร์คแมน (เปลี่ยนคนแสดงเป็น Arnold Vosloo พี่อิมโฮเทพจาก The Mummy ไงครับ) ยังคงซ่อนตัวใต้เงามืดต่อไป ระหว่างนั้นก็ยังหาทางคิดค้นการสร้างเนื้อเยื่อเทียมขึ้นมาให้มันใช้งานได้นานกว่า 99 นาที เพื่อวันหนึ่งเขาจะได้มีหน้าตาโดยถาวร แต่การทดลองก็ยังคงล้มเหลวเรื่อยมา
ส่วนอีกด้านหนึ่งเขาก็ยังเป็นดาร์คแมน บุรุษลึกลับในเงามืดที่ต่อกรกับวายร้ายทุกรูปแบบ โดยไม่เกรงกลัวอะไร เพราะเขาไม่เจ็บครับ เนื่องจากระบบประสาทหายไปหมดแล้ว ไม่เจ็บ ใครจะยิงจะฆ่าก็ไม่เป็นไร เป็นคนไร้ซึ่งความเจ็บทางกาย แต่กับจิตใจนี่ไม่ต้องพูดถึงครับ แย่จะตายคิดดูต้องอยู่ในที่มืดๆ ไม่อาจเจอคนได้อย่างมนุษย์ทั่วไป
แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อโรเบิร์ต จี. ดูแรนท์ (Larry Drake) จอมวายร้ายรายที่ทำให้เขาต้องสูญเสียทุกอย่าง จนต้องกลายมาเป็นดาร์คแมน ได้ฟื้นจากอาการโคม่า แล้วมันก็เริ่มดำเนินการชั่วช้าสร้างองค์กรใต้ดินขึ้นมาอีกครั้ง แล้วครั้งนี้มันยังหาทางสร้างอาวุธมหาประลัยที่ร้ายกาจกว่าปืนร้อยกระบอกด้วยซ้ำครับ มันเป็นเลเซอร์ที่มีอานุภาพทำลายล้างรุนแรงชนิดที่พังโกดังได้ทั้งแถบ
งานนี้ ดาร์คแมนย่อมไม่อาจยืนดูอยู่เฉยๆ ได้แน่นอน
ครับ … ที่ผมบอกว่าหนังภาคต่อแบบลงวีดีโอนี่น่ะนะครับ เป็นทางหาเงินเข้า ซึ่งก็ใช่ เพราะหนังส่วนมากจะเป็นหนังที่ดังๆ มีชื่อทั้งนั้น แต่ก็นั่นแหละครับ ที่มันทำออกมากันไม่รู้ว่าถ้าทีมงานหนังต้นฉบับได้มาดูจะเสียใจรึเปล่าก็ไม่รู้ เพราะส่วนใหญ่ผลที่ได้มันออกมาแบบไม่น่าเสียดายเวลาสร้างแม้แต่น้อย
กับ Darkman ชุดนี้ก็เกือบไปเหมือนกันครับ
คือ … สไตล์และรูปแบบของหนังมันถูกลดเกรดลงมาเป็นหนัง VDO นะครับ ทุนสร้างก็น้อย จินตนาการก็เลยค่อนข้างจะโดนจำกัดจำเขี่ยสุดๆ อันนี้น่าเห็นใจครับ แต่ที่แย่กว่านั้นคือบทครับ บทที่โดนเขียนมาอย่างอ่อนสุดๆ จนไม่น่าทำออกมาเลย อย่างเรื่องภาคต่อของ The Bird นี่หนักมาก ดูไปแล้วอยากจะบ้า แต่กับเรื่อง Darkman นี่ก็อย่างที่บอกครับว่ายังพอเอาตัวรอดมาได้ บทแม้อ่อนแต่ก็ไม่ได้ทำให้เราอยากเขวี้ยงม้วนทิ้งซักเท่าไหร่ ยังพอดูได้ แค่อย่าเอาไปเทียบกับต้นฉบับก็แค่นั้น
จากพล็อตเรื่องผมว่าเป็นการฉลาดนะครับ ที่ดึงเอาดูแรนท์กลับมาฉะกับดาร์คแมน เพราะดูแรนท์นี่มันก็ร้ายนะครับ มาทางเดียวกับโจ๊กเกอร์ คู่ปรับของแบทแมนเลย ดังนั้นในเบื้องต้นพล็อตมาถูกทางครับ และจะว่าไปเนื้อหามันก็เข้าท่านะ คือมันไม่ใช่แค่ให้ดูแรนท์ฟื้นขึ้นมาแล้วตีกับคาร์แมนไปเรื่อยๆ มันมีปมให้ดาร์คแมนแค้นดูแรนท์ แล้วก็ทำให้ดาร์คแมนเนี่ย รู้สึกผิด อย่างตัวละครนักข่าวสาวเหล็กที่ชื่อ จิลล์ แรนดอลล์ (Kim Delaney) ซึ่งดาร์คแมนกลับนำพาเธอไปสู่อันตราย อันทำให้เขาต้องจัดการดูแรนท์ให้ได้อะไรอย่างเนี้ย นับว่าผูกปมได้ดีครับ
เพียงแต่อย่างที่ผมบอกไปว่าหนังทีวีหนังวีดีโอมันมีข้อจำกัดครับ จะทำให้หนังมันอลังการก็ไม่ได้ ทุนมันมีลิมิตน่ะ ฉากก็เหมือนกันครับทำระเบิดถล่มหนักๆ อย่างภาคแรกก็ไม่ได้เหมือนกัน มันเลยทำให้หนังออกมาในระดับพอดูได้เท่านั้น
อีกส่วนหนึ่งที่เป็นเหตุสำคัญก็คงเพราะผู้กำกับ Bradford May ที่มีผลงานเป็นหนังทีวีซะส่วนมากก็ยังคุมหนังได้ไม่ลงตัวเท่าพี่ Sam Raimi จากภาคแรก (มันก็ไม่น่าได้ล่ะครับ) เอาแค่มุมกล้องก็ธรรมดากว่ากันเยอะแล้ว เนื้อหาแม้จะมีดีบ้าง แต่การเดินเรื่องกลัยบไม่เร้าใจครับ เหมือนพายเรือในอ่างมากกว่า ปมที่เข้าท่าก็โดนนำเสนอแบบเรื่อยๆ น่ะครับ อันนี้ก็น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน
เอาเป็นว่าท่านดูแค่ภาคแรกจบก็พอแล้วครับ ผมว่ามันสมบูรณ์ในตัวอยู่แล้ว ไม่ต้องมาดูต่อก็ได้ เพราะมันเป็นการเสริมเรื่องที่ไม่จำเป็นนัก ดูแรนท์ก็ไม่ได้มีฤทธิ์เดชมากมาย คือดูเป็นเด็กดีกว่าภาคแรกเยอะอ้ะคับ ทั้งๆ ที่คนเล่นก็คือ Larry Drake เจ้าเก่า แต่ความเหี้ยมกลับไม่มหาศาลเท่าตอนแรก ส่วนบทดาร์คแมนที่เปลี่ยนมาเป็น Arnold Vosloo (ตอนแรกนึกว่าจะให้ Bruce Campbell มาแสดงซะอีกน่ะ) เขาก็ไม่เลวนะครับ สวมบทได้เข้าท่า แต่มิติและความอ่อนโยนของเพย์ตันก็หายไปหมดเหมือนกัน อันนี้ก็เสียดายครับ
อีกอย่างคือบุคลิกดาร์คแมนภาคหลังๆ นี่เปลี่ยนเป็นว่าเขาเป็นคนแข็ง ไม่สับสนอ่อนโยนแบบตอนแรกอีกแล้ว ถ้าคิดตามเหตุผลคงเพราะตัวละครนี้โดนมาหนักมั้งครับ ก็เลยไม่ค่อยจะมีเวลาไปอ่อนโยนกับใคร แล้วยังต้องอยู่ลำพังหน้าเละๆ อีก สุขภาพจิตไม่เหลือพอดี ก็เลยกลายเป็นคนแข็งไปในที่สุด
ครับ ดูภาคแรกแล้วก็พอ สบายใจดี