Chinese Doctors
เป็นภาพยนตร์จีนที่ดัดแปลงมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในช่วงต้นปี 2020 ซึ่งกล่าวถึงเรื่องราวความเสียสละของบุคลากรทางการแพทย์ชาวจีน โดยเฉพาะผู้ที่เข้ามาทำงานใน“โรงพยาบาลอู่ฮั่นจินหยินถาน” ซึ่งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโรคปอดชนิดใหม่ หรือที่เรารู้จักกันในภายหลังด้วยชื่อของ “ไวรัสโคโรน่า” โรงพยาบาลแห่งนี้ก็ได้กลายเป็นแนวหน้าในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในเมืองอู่ฮั่นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
IMDB : tt13696296
คะแนน : 10
บ็อกซ์ออฟฟิศเมืองจีนแผ่นดินใหญ่สัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงคราวเปิดตัวของหนังดราม่าทางการแพทย์ฟอร์มใหญ่ที่รวมดาราซุปตาร์ทั่วฟ้าเอาไว้อย่างคับคั่งใน "Chinese Doctors" ที่เป็นการตีแผ่เรื่องราวของบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องต่อสู้กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระยะเริ่มแรกที่เมืองอู่ฮั่น โดยสามารถทำเงินเปิดตัว 4 วันแรกได้อย่างน่าพอใจ แบบไร้คู่แข่งที่น่ากลัว
ตามรายงานระบุว่า Chinese Doctors ผลงานการกำกับหนังเรื่องล่าสุดของผู้กำกับชื่อดัง "แอนดริว เลา" (จาก Internal Affairs) ทำเงินเปิดตัวได้งดงามที่ 53.5 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 346 ล้านหยวน ขึ้นแท่นกลายเป็นหนังที่เชื่อมโยงการสนับสนุนการเมืองของจีนที่ทำเงินได้สูงสุดของปีนี้ได้เรียบร้อย แซงหน้าหนังดราม่าการเมือง "1921" ที่เปิดตัวไป 140 ล้านหยวน ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน
Chinese Doctors เข้าฉายเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันสถาปนาพรรคคอมมิวนิสต์จีน ครบ 100 ปี โดยหนังมีเนื้อหาที่สอดแทรกการสนับสนุนทางการเมืองเข้าไปในเรื่องด้วย โดยหนังอ้างอิงมาจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในการต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 ที่มีการอ้างว่าพบจุดเริ่มต้นที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน หนังเล่าฉากหลังเป็นการทำงานทีมแพทย์ประจำโรงพยาบาลจินหยินถัน และในอีกหลายๆ โรงพยาบาลที่ต้องเร่งยับยั้งควบคุมโรคระบาดนี้เอาไว้ให้ได้อย่างยากลำบาก
หนังยังได้ทีมนักแสดงชั้นนำจากเมืองจีนที่ตบเท้าเข้าร่วมแสดงในหนังดราม่าเรื่องนี้อย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น "จางฮั่นหยู", "หยวนควาน", "หลี่เฉิน", "โอวหาว", "โจวเย" หรือ "แจ็กสัน หยี" เป็นต้น โดยหนังเรื่องนี้ถือว่าได้ทำการถ่ายทำในช่วงระหว่างที่เมืองจีนยังคงมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่ ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2020 ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างยากลำบาก ทีมงานต้องทำงานโปรดักชั่นยาวนานกว่า 8 เดือน
ถึงแม้ว่า Chinese Doctors จะได้รับกระแสวิจารณ์ออกมาในภาพรวมไม่ค่อยดีมากสักเท่าไหร่ เพราะผู้ชมส่วนใหญ่มองว่าหนังยังมีส่วนที่ขาดๆ เกินๆ อยู่เต็มไปหมด อีกทั้งยังมีการแทรกซึมเนื้อหาสนับสนุนรัฐบาลและการเมืองเป็นโฆษณาชวนเชื่อแบบโจ่งแจ้งมากเกินไป กลายเป็นส่วนที่ขัดต่ออรรถรสของหนังดราม่าเรื่องนี้ไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งนี้หนังน่าจะสร้างแรงบันดาลใจที่ทรงพลังได้มากกว่านี้
ขณะที่บนตารางบ็อกซ์ออฟฟิศเมืองจีนในช่วงนี้ ส่วนใหญ่เป็นหนังท้องถิ่นที่ออกฉายไม่เว้นแต่ละสัปดาห์ มีหนังฝั่งฮอลลิวูดเข้าไปแทรกตัวได้อยู่บ้าง แต่ยังไม่มีโปรแกรมหนังฟอร์มใหญ่เรื่องไหนที่จะทำให้รายได้เปรี้ยงปัง หลังจากที่ "Fast and Furious 9" เป็นเรื่องล่าสุดที่ทำได้ และ "Black Widow" ก็ยังไม่มีกำหนดฉายที่แผ่นดินใหญ่ในตอนนี้