IMDB : tt0268528
คะแนน : 8
เชื่อว่าหลายคนคงจะเป็นเหมือนผม ที่ใช้เวลาช่วงเทศกาลสงกรานต์ผสมโควิดเช่นนี้ นั่งดูหนังจาก Netflix เป็นการสาดความสุขจากภาพยนตร์แทนการสาดน้ำ
สาระสำคัญหนึ่งของเทศกาลสงกรานต์คือ การกลับไปพบกับครอบครัว ไปรวมญาติมิตรสนิทสนม ผมจึงเลือกหนังไทยในอดีตเรื่องหนึ่งที่แม้ไม่ใช่หนังครอบครัวโดยตรง แต่ตัวละครเอกนั้นมีครอบครัวเป็นศูนย์กลางที่ทำให้เขาลุกขึ้นมาทำการใดๆ จนเป็นเรื่องเป็นราวในภาพยนตร์
นั่นคือภาพยนตร์เรื่อง “ผีเสื้อและดอกไม้” จากการกำกับฯ ของ ยุทธนา มุกดาสนิท ในปี 2528 นั่นคือ 37 ปีมาแล้ว แต่หนังยังคงมีคุณค่าและทันสมัยในสาระของเรื่องพอสมควร
“ผีเสื้อและดอกไม้” เป็นหนังสือมาก่อน เขียนโดย “นิพพาน” และได้รับความชื่นชมจนพิมพ์ออกมาแล้วเกือบ 20 ครั้ง และถูกแปลเป็นภาษาต่างประเทศมาแล้ว 2 ภาษา คือ ญี่ปุ่น และจีน และถูกคัดเลือกให้เป็นหนังสือที่เด็กไทยควรอ่าน
เมื่อถูกนำมาสร้างเป็นหนัง คุณค่าของหนังก็ทำให้ได้รับเลือกให้เป็นผลงานด้านภาพยนตร์ที่ควรแก่การอนุรักษ์เรื่องหนึ่งของประเทศไทยด้วย
“ผีเสื้อและดอกไม้” มีฉากหลังของเรื่องราวเป็นจังหวัดชายแดนทางใต้ของไทย ที่คนท้องถิ่นเป็นชาวมุสลิม ซึ่งมีไม่มากนักที่หนังสือหรือภาพยนตร์จะถ่ายทอดเรื่องราวเป็นการเฉพาะของผู้คนในดินแดนภาคใต้ของเรา โดยเฉพาะในปี 2528 ตอนนั้น จึงนับว่าเป็นความแปลกใหม่และความท้าทายอย่างยิ่ง
แม้ต่อมาภายหลังจะมีหนังไปถ่ายทำเรื่องราวของผู้คนที่ภาคใต้กันมากขึ้นก็ตาม เช่นเรื่อง “โอเคเบตง” “วันเดอร์ฟูลทาวน์” “มหา’ลัยเหมืองแร่” หรือ “ละติจูดที่ 6”
เบื้องหลังของการอนุญาตให้สร้างหนังเรื่องนี้ได้ของค่ายไฟว์สตาร์ในยุคนั้น ซึ่งถือว่าเป็นค่ายหนังใหญ่แนวหน้าของวงการหนังไทยเลยทีเดียว ทั้งที่ดูจากแนวเรื่องที่ไม่ใช่แนวทางที่ตลาดชอบ และการต้องยกกองไปถ่ายทำในจังหวัดภาคใต้ทั้งเรื่อง ทำให้ใช้งบประมาณสูง เสี่ยงต่อการขาดทุนยิ่งนัก
ก็เพราะผลงานของยุทธนาที่ทำไว้ก่อนหน้านี้คือเรื่อง “น้ำพุ” ที่นำโดย ภัทราวดี ศรีไตรรัตน์ และ อำพล ลำพูน นั้นประสบผลสำเร็จอย่างงดงามทั้งรายได้และชื่อเสียงของหนัง เรื่องนี้จึงเป็นเหมือนรางวัลให้กับ
ยุทธนาก็ว่าได้
และก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ ที่หนังไม่ประสบผลสำเร็จในเรื่องรายได้ แต่สำหรับคุณค่าในตัวหนังนั้นประสบความสำเร็จมากมาย จากการได้รับรางวัลตุ๊กตาทองถึง 7 ตัว จากการประกาศรางวัลโดยสมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทย และได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติฮาวายอีกด้วย
“ผีเสื้อและดอกไม้” มีตัวละครเอกคือ “ฮูยัน” (แสดงโดย สุริยา เยาวสังข์) เด็กชายวัย 13 ปี ที่อาศัยอยู่กับพ่อ และน้องชายกับน้องสาวอย่างละคน แม่นั้นเสียชีวิตไปแล้ว พ่อซึ่งมีฐานะยากจนจึงต้องทำงานรับจ้างขนของตามสถานีรถไฟ พร้อมๆ กับการดูแลลูกทั้งสามคน
ถึงฐานะทางบ้านจะยากจนจนบางวันต้องไปขอยืมข้าวสารเพื่อนบ้านมาหุงกิน แต่สิ่งหนึ่งที่พ่อของฮูยันให้ความสำคัญคือ “การศึกษา” และโชคดีที่ฮูยันก็เป็นเด็กเรียนดีอีกด้วย แต่ทว่าด้วยกำลังทรัพย์ที่มีน้องทั้งสองจึงไม่อาจเข้าโรงเรียนได้ เขาจึงมีความคิดที่จะเลิกเรียนเพื่อออกมาทำงานหาเงินช่วยส่งน้องๆ ได้มีโอกาสได้เรียนหนังสืออย่างเขาบ้าง
ผู้ร้ายตัวจริงเสียงจริงของหนังเรื่องนี้ก็คือ “ความยากจน” นั่นเอง เป็นผู้ร้ายที่ไม่ว่าจะมีรัฐบาลมากี่ยุคกี่สมัย ต่างก็ประกาศสู้รบกับเจ้าผู้ร้ายตัวนี้กันทั้งนั้น แต่ก็ยังไม่มีรัฐบาลไหนทำได้
ด้วยความยากจนนี่เองทำให้คนเราขาดซึ่ง “โอกาส” และ “ทางเลือกในชีวิต”
ฮูยันก็เช่นเดียวกัน เขาได้เรียนแค่ ป.3 ก็ต้องลาออกมาเดินขายไอศกรีมแท่ง ซึ่งพอจะได้เงินทองช่วยเป็นรายได้เสริมจากงานของพ่ออยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร ไม่พอจะส่งน้องสองคนเข้าโรงเรียนด้วยซ้ำ
หนังแสดงให้เห็นถึงความพยายามต่อสู้กับชีวิตของฮูยัน เด็กชายที่มีจิตใจยึดมั่นในความดีงาม แม้เขาจะไม่ค่อยเชื่อมั่นเท่าไหร่นัก เพราะลึกๆ แล้วเขารู้สึกว่าการเป็นคนดีนั้นมันยาก
ในห้องเรียนตอนที่เขายังเรียนอยู่นั้น มีเพื่อนผู้หญิงที่เขาสนิทสนมด้วยชื่อว่า “มิมปี” สาวน้อยคนนี้มีความเป็นแม่ค้าเต็มตัว โดยบ้านของแม่เธอนั้นอยู่ติดกับชายแดนมาเลเซีย และเธอก็เดินทางโดยรถไฟเป็นว่าเล่นเพื่อซื้อของจากที่หนึ่งเพื่อไปขายที่บ้านของแม่เธอ
และบนรถไฟนี่เองที่สองคนได้เจอะเจอกันอีกหลังจากที่ฮูยันออกจากโรงเรียน และด้วยความที่คุยกันเพลินไม่ทันสังเกตว่ารถไฟเคลื่อนขบวนแล้ว ฮูยันจึงติดไปกับขบวนรถไฟที่มุ่งสู่ชายแดนของไทยไกลจากบ้านที่เขาอยู่
รถไฟขบวนนี้ไม่ได้แค่พาเขาไปยังพื้นที่ที่เขาไม่เคยไปมาก่อน แต่มันยังพาเขาไปพบกับ “ดินแดน” อีกพื้นที่หนึ่งที่ได้เปลี่ยนชีวิตเขาไปโดยสิ้นเชิง
นั่นคือการได้พบกับ “ขบวนการกองทัพมด” หรือพวกลักลอบขนข้าวสารหรือสิ่งของขึ้นบนรถไฟเพื่อเอาไปปล่อยที่ชายแดน แน่นอนมันเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่มันก็ตอบแทนด้วยค่าจ้างที่สมน้ำสมเนื้อ นั่นทำให้เด็กชายอย่างฮูยันที่ชีวิตไม่ได้มีทางเลือกนักเลือกที่จะทดลองทำดู
นอกจากเป็นความท้าทายใหม่ๆ ได้พบเพื่อนและสังคมใหม่ๆ สำหรับฮูยันแล้ว มันเป็นคำตอบให้กับความต้องการของครอบครัวของเขา ที่ตอนนี้เขาเหมือนเป็นหัวหน้าครอบครัวไปเสียแล้ว เนื่องจากพ่อเกิดอุบัติเหตุจนไม่สามารถทำงานรับจ้างแบบเดิมได้
ช่วงนี้ถ้าเป็นกราฟชีวิตแล้ว ก็เป็นช่วงที่พุ่งสูงของฮูยัน เขามีอะไรหลายอย่างที่เขาไม่เคยมีมาก่อน เขาได้ทำอะไรหลายอย่างที่เขาไม่เคยทำมาก่อน ในวันที่เหมือนเป็นบทพิสูจน์หน้าหนึ่งของเขาคือวันที่เขาพาน้องสองคนในชุดนักเรียนใหม่เอี่ยมไปเข้าโรงเรียน โดยมีเขาเป็นตัวแทนของพ่อไปส่งน้องๆ ในชุดกางเกงและเสื้อแจ๊กเก็ตยีนส์อย่างเท่
มันแปลกตาเสียจนคุณครูประจำชั้นที่เคยให้ความช่วยเหลือและสั่งสอนเขา ยังทักด้วยความกังวลถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ และเมื่อรู้ว่าเขาทำงานขนข้าวสารที่ผิดกฎหมาย ครูก็แสดงออกถึงความผิดหวังออกมาอย่างชัดเจน
นั่นคือการที่ฮูยันถูกตัดสินพิพากษาในบริบทของคนเป็นครู ที่จะว่าไปแล้วครูเองไม่ใช่ฮูยันที่ต้องเผชิญกับปัญหาและความลำบากในชีวิต จึงได้ตัดสินใจทำเช่นนี้ ที่ลึกๆ แล้วเขาก็รู้สึกสับสนอยู่ข้างใน
ในตอนท้ายเราจะได้เห็นการเติบโตขึ้นของฮูยัน เขามีความเข้าใจโลกมากขึ้น และได้พานพบกับรสชาติที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความกลัว มิตรภาพของความเป็นเพื่อน ความสับสนระหว่างความถูกต้องดีงามกับความอยู่รอด
ผู้ชมยังได้รู้สึกมีความหวังมากขึ้นในตอนจบ เมื่อพบว่าเขานั้นคิดได้ และคิดเป็น และยังมีความศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า และศรัทธาในความใฝ่ฝันของตนเองอยู่
หนังเรื่องนี้ถ่ายภาพสวย ยิ่งได้วิวจากพื้นที่จริงๆ ที่มีเสน่ห์ ก็ยิ่งทำให้เพลินสายตา และผู้ชมก็ยังจะได้สัมผัสรับรู้กับวิถีชีวิต วัฒนธรรมประเพณีของคนมุสลิม เป็นความงดงามที่หลายคนไม่เคยสัมผัสใกล้ชิดมาก่อน เรายังได้เห็นปัญหาของผู้คนและสังคมภาคใต้ในมิติต่างๆ ได้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำของคนมีอำนาจกับคนที่ไม่มีแม้แต่อนาคต
แม้หนังเรื่องนี้จะเกือบ 40 ปีมาแล้ว แต่ทุกวันนี้ดูเหมือนปัญหาที่ว่าก็ยังคงอยู่ กลับร้ายแรงกว่าเดิมด้วยซ้ำจากข่าวคราวการต่อสู้กันของเจ้าหน้าที่รัฐและคนในพื้นที่ที่เราได้ยินได้ฟังเรื่อยมา
“ผีเสื้อและดอกไม้” จึงเป็นหนังของครอบครัวที่ไม่ได้สวยหรูอิ่มเอมอันใด แต่ก็มีความสวยงามให้ผู้ชมได้อิ่มใจไม่น้อย
บอกได้ว่าคุ้มค่ากับการย้อนไปชมผลงานในอดีตจากฝีมือของ ยุทธนา มุกดาสนิท และทีมงานของภาพยนตร์เรื่องนี้แน่นอน
แล้วในใจของคุณอาจจะมีดอกไม้บานอยู่ และในความฝันของคุณอาจจะเป็นเหมือนผีเสื้อที่โบยบินไปอย่างอิสระเสรี…ก็เป็นได้