IMDB : tt12393526
คะแนน : 7
ตัวเรื่องแม้จะเป็นแนวสืบสวนฆาตกรรมของตัวพระเอกสัตยา แต่ก็ไม่ได้เดินเรื่องแบบจะปิดบังว่าใครเป็นฆาตกร ตัวเรื่องเลือกเฉลยเล่าเรื่องย้อนกลับเหตุการณ์ทีละช่วงด้วยตัวเอง โดยไม่เกี่ยวกับที่ตัวพระเอกตามสืบคดีนี้เลยแม้แต่น้อย ซึ่งเราจะได้เห็นช่วงเวลาก่อนกับหลังสัตยาหายไปจากบ้านนี้ 5 ปีว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมบูลบูลที่เคยเป็นเด็กสาวแก่นแก้วน่ารัก กลับมีนิสัยเปลี่ยนไปเป็นคนละคน และยังดูปล่อยเนื้อตัวกับผู้ชายคนอื่นที่เข้ามาในบ้านหลังนี้
ซึ่งตัวนักแสดง Tripti Dimri ที่เล่นเป็นบูลบูลถือว่าเป็นจุดขายของเรื่องที่มีเสน่ห์ไม่น้อย และตามบทต้องเป็นได้ทั้งปีศาจและเทพธิดาไปพร้อมกัน ก็ถือว่าคัดมาดีมากทั้งรูปร่างหน้าตาที่ดูเป็นสาวน้อยบริสุทธิ์ แต่มีเสน่ห์เย้ายวนสูง และยังต้องมีท่าทางวางอำนาจเหนือผู้คน ในฐานะนายหญิงของบ้าน ตามบทที่เธอแต่งงานกับชายสูงวัยเชื้อสายราชวงศ์ (ในเรื่องไม่ได้ระบุว่าเป็นวรรณะกษัตริย์หรือไม่) ซึ่งตัวบูลบูลเองคือตัวที่ดึงดูดคนดูให้คนดูติดตามเรื่องนี้โดยตรงตั้งแต่ต้นจนจบ มากกว่าการสืบสวนของสัตยาที่ไม่เชื่อว่าคดีฆาตกรรมที่แปลกประหลาดในหมู่บ้านนี้เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ ซึ่งจริงๆ ก็แทบไม่ได้มีเรื่องราวสืบสวนอะไรเลยด้วยซ้ำ แค่พระเอกตามสงสัยคนที่เกี่ยวข้องกับบูลบูลเท่านั้น
ภาพยนตร์เรื่องนี้หยิบเอาประเด็นการบังคับเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมาแต่งงานในสังคมอินเดียมาเล่น (ที่ทั่วโลกก็ประณามเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน) และแปลงสภาพชีวิตที่ถูกสามีกระทำย่ำยี ให้กึ่งๆ เป็นแบบเทพนิยายที่เจ้าหญิงต้องตกตระกรำลำบากจากอสูรร้าย ก่อนจะพลิกเรื่องให้กลายเป็นแนวแฟนตาซีสยองขวัญไป แต่เรื่องราวไม่ได้มีการหักมุมอะไรมาก ไปเด่นที่งานภาพแสงสีที่ย้อมสีสดออกมาเหมือนแนวเทพนิยาย ถือว่าค่อนข้างสวยและให้อารมณ์สยองขวัญจากสีแดงสดที่หนังเลือกใช้อิงกับพระจันทร์เลือด
ตัวเรื่องถือว่าดูได้เรื่อยๆ ไม่ได้รู้สึกว่ามีข้อเสียอะไรนัก นอกจากแค่บทไม่ได้ลึกอะไรมาก ประเด็นการเปลี่ยนแปลงไปของบูลบูลก็ถือว่าโอเค แม้จะไม่ค่อยสมเหตุผล แต่เรื่องถูกวางให้เหมือนกึ่งเทพนิยายอยู่แล้วก็ถือว่าพอเข้าใจได้ แต่กลับมีข้อเสียใหญ่ของเรื่องเลยคือฉากช่วงท้ายก่อนจบ ตัวเรื่องมีฉากไฟไหม้ป่าที่ไม่ค่อยสมเหตุผลหลายอย่าง รวมถึงตัวบูลบูลเองในช่วงท้ายที่น่าจะโชว์อะไรมากกว่านี้ แต่กลับออกมานิดเดียวแค่พอให้รู้ว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่เท่านั้น