ค้นหาหนัง

Breaking News in Yuba County หลัวหาย อย่าเผือกหา

Breaking News in Yuba County หลัวหาย อย่าเผือกหา
เรื่องย่อ : Breaking News in Yuba County หลัวหาย อย่าเผือกหา

ซู บัตตันส์ แม่บ้านชีวิตสุดแสนน่าเบื่อ แต่วันหนึ่งซูพบกว่า คาร์ล สามีของเธอได้หายตัวไปอย่างปริศนา ทันทีที่ แนนซี่ นักข่าวสาวน้องต่างแม่ของเธอออกข่าวเรื่องสามีพี่สาวหายในช่องของตัวเอง ก็ทำให้ซูกลายเป็นที่สนใจของผู้คนในยูบา เคาน์ตี้ และเปลี่ยนให้เธอเป็นคนดังเพียงข้ามคืน แต่ความวุ่นวายยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะทันทีที่ข่าวออกไป มินา ลูกสาวแก๊งมาเฟียพร้อมพวกก็กลายเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ ท่ามกลางความโกลาหลและคนเพี้ยน ซูจะทำอย่างไร ในเมื่อหลัวก็หาย ชื่อเสียงก็ต้องรักษา ปฏิบัติการจับโป๊ะตัวแม่จึงเริ่มต้นขึ้น

IMDB : tt7737640

คะแนน : 7



มื่อมาดูเรื่องราวของ Breaking News In Yuba County เราก็แทบเห็นการซ้อนทับกับเหตุการณ์ที่บ้านกกกอกอย่างน่าตกใจเพียงแต่มันเกิดที่ยูบาเคาน์ตี ประเทศสหรัฐอเมริกาที่กำลังมีสถานการณ์เด็กคนหนึ่งหายไปจากบ้านและพิธีกรรายการทอล์กโชว์ก็ปฏิญาณหน้าจอเลยว่าเธอจะกัดเรื่องนี้ไม่ปล่อยจนกว่าเด็กคนนี้จะหาเจอและบังเอิญว่าในอีกฝั่งของหน้าจอทีวีก็ดันมีคนดูอย่าง ซู บัตทันส์ (อัลลิสัน เจนนีย์)

สำหรับซู บัตทันส์นิยามที่เหมาะกับเธอที่สุดคงหนีไม่พ้นแม่บ้านสังคมเมินที่หนังเปิดเรื่องด้วยฉากที่เธอไปรับเค้กวันเกิดของตัวเองพร้อมฟังพอดแคสต์ให้กำลังใจตัวเอง ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าซูไม่ได้มีความสุขในชีวิตนัก และหนังก็ทำให้เห็นว่าในวันเกิดเธอต้องเผชิญเรื่องลบ ๆ ในชีวิตมากมายแม้แต่ตัวหนังสือ SUE บนหน้าเค้กยังถูกเขียนว่า SUC (ใกล้เคียงกับคำว่า Suck ที่แปลว่าแย่หรือห่วย) ซึ่งเหมือนมันจะนำมาซึ่งความอลหม่านในชีวิตของเธอในเวลาต่อมา

และความอลหม่านนั้นก็มาเป็นชุดจากความลับดำมืดที่ คาร์ล (แมตธิว โมดีน) สามีของเธอถูก มีนา (อควาฟีนา) ลูกสาวมาเฟียบังคับให้เขาฟอกเงินสู่การเล่นชู้กับลีอาห์ (บริดเจต เอเวอร์เรต) สาวไฮโซที่เธอจับได้คาเตียงในม่านรูดจนสามีของเธอหัวใจวายตาย ซึ่งเธอเลือกจะซ่อนศพแล้วเริ่มดราม่าสามีหายเพื่อให้ แนนซี (มิลา คูนิส) น้องสาวของเธอทำสกู๊ปข่าวให้

แต่เป้าหมายของเธอจริง ๆ คือการได้ออกรายการทอล์กโชว์ของ กลอเรีย ไมเคิลส์ (จูเลียต ลิวอิส) พิธีกรเบอร์ต้นบนทีวีที่หวังดึงเรตติงต่อเนื่องจากเรื่องของคาร์ล เมื่อซูแถไปว่าสามีของเธอรู้เรื่องการหายตัวไปของเด็กสาวคนดัง ในขณะเดียวกันนักสืบแคม แฮริส (เรจินา ฮอลล์) ก็เริ่มสงสัยในรูปคดีและเริ่มคิดว่าซูต้องรู้เห็นการหายตัวไปของสามีตัวเองแน่ ๆ

จากพลอตที่เราเล่าเสียยืดยาวจะพบว่าโทนของหนังมีความคล้ายคลึงกับหนังของพี่น้องโคเอ็นมาก ๆ ตั้งแต่เรื่องราวอาชญากรรม อิทธิพลมืดหรือตัวละครเทา ๆ ที่ยากจะบอกได้ว่าใครเป็นคนดีหรือเลวซึ่งบทหนังของอแมนดา ไอโดโคก็เล่นเอาล่อเอาเถิดด้วยสถานการณ์สุดวายป่วงมากมายได้อย่างสนุกสนาน โดยไม่ลืมเติมแง่คิดการวิพากษ์การทำงานของสื่อได้อย่างเจ็บแสบ

แต่ที่เราคิดว่าหนังเรื่องนี้มาได้ไกลเกินหนังพี่น้องโคเอ็นจริง ๆ คือการสร้างตัวละครอย่างซูที่รับบทโดยแอลลิสัน เจนนีย์ที่ปั่นหัวเล่นกับความรู้สึกคนดูตั้งแต่ต้นจนจบได้แบบสุดเหวี่ยงมากโดยเฉพาะการปูปมต้องการความสำคัญและคำว่า SUC บนหน้าเค้กก็แทบจะแตะต้องทุกอย่างในความเป็นซูจริง ๆ และแม้เราจะแอบสงสารนางที่มีชีวิตแบบ “ถูกละเลย” จากครอบครัวและสังคมแค่ไหนแต่ก็ยากจะยอมรับในความ “วอนนาบี” ของนางที่อยากเป็นคนดังจนถึงขั้นยอมซ่อนศพเพื่อให้ตัวเองอยู่ท่ามกลางสปอตไลต์ !

และสปอตไลต์ที่ว่ามันก็น่าโมโหมาก ที่มันดันมาจากการทำงานของสื่อที่หิวกระหายเรตติงอย่างไม่แคร์จริยธรรม ซึ่งขัดกับหลักการทุกอย่างของการทำข่าวที่อยู่ในหลักสูตรสื่อสารมวลชนทุกอย่าง นั่นมันเลยทำให้คนอย่างซูที่แม้จะไม่ได้เป็นคนเลวร้ายโดยสันดาน แต่การเอาตัวเองไปออกสื่อเพื่อให้ตัวเองเป็นคนสำคัญตามต้องการก็เหมือนเอาคุณประโยชน์ที่สื่อควรมีต่อประชาชนไปใช้ประโยชน์อย่างหน้าด้าน ๆ

เอาล่ะในเมื่อรีวิวนี้ก็เริ่มเลยเถิดมาสู่การวิพากษ์สื่อมวลชนถึงเบอร์นี้ก็เลยขอนำคิดต่อเนื่องด้วยฉากหนึ่งในหนังที่นักสืบแคม แฮริสจำต้องปล่อยซูจากห้องสอบสวนเพราะสื่อมวลชนจับภาพที่เธอลากตัวซูเข้าโรงพัก ที่กลายเป็นชุดข้อมูลที่บิดเบือน จนกลายเป็นว่าตำรวจรังแกคนที่เดือดร้อนผัวหาย ซึ่งฉากเล็ก ๆ ฉากนี้ยิ่งทำให้กรณีบ้านกกกอกที่เราเอามาเทียบเคียงตั้งแต่ต้นรีวิวนี้

ซึ่งในช่วงเวลาหนึ่งของปี 2020 คงปฏิเสธไม่ได้ว่า “ข่าวอาชญากรรม” ถูกทำให้กลายเป็น “ละคร” อีกเรื่องกลายเป็นเรื่องตลกที่นอกจากคำว่า Thailand Only แล้วมันยังมีมุมน่าเศร้าที่ว่าเราไม่อาจพึ่งพาสื่อมวลชนในแง่ของการให้แสงสว่าง ให้คำตอบและให้ปัญญากับผู้ชมได้อย่างที่ตำราของนิเทศศาสตร์ได้พร่ำสอนเรามาตลอด 4 ปีแต่กลับทำให้ “ป้าซู” แห่งยูบาเคาน์ตี้ หรือ “ลุงคนนั้น” แห่งบ้านกกกอกกลายเป็นเซเลบด้วยความมักง่ายและยึดผลประโยชน์ส่วนตนของ “สื่อมวลชน”