ค้นหาหนัง

Blindspotting : ที่นี่...ประเทศไหน

Blindspotting : ที่นี่...ประเทศไหน
เรื่องย่อ : Blindspotting : ที่นี่...ประเทศไหน

คอลลิน (รับบทโดยดาวีด ดิกส์) จะต้องผ่านช่วงทัณฑ์บนสามวันสุดท้ายให้ได้ก่อนหลังจากนั้นจะได้เริ่มชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาและเพื่อนคู่หูจอบแสบอย่าง ไมลส์ (รับบทโดยราฟาเอล คาซาล) ได้ทำงานเป็นพนักงานรับจ้างย้ายของที่ได้เฝ้ามองย่านที่พวกเขาเกิดและเติบโตมาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นทำให้คอลลินต้องละเมิดทัณฑ์บน และสองหนุ่มเพื่อนซี้ก็ยังต้องรักษามิตรภาพของคำว่าเพื่อนเอาไว้ท่ามกลางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปที่ทำให้เขาทั้งคู่เห็นต่างกันมากขึ้น

IMDB : tt11097374

คะแนน : 8



แม้หลายคนอาจจะคิดว่า Blindspotting จะค่อนข้างอยู่นอกกระแสและบ้านเราอาจจะไม่ค่อยมีคนให้ความสนใจมากนัก แต่เชื่อเหลือเกินว่าใครที่มองข้ามจนไม่ได้ตีตั๋วเข้าไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าพลาดมาก หากได้ดูจากตัวอย่างหลายคนอาจจะคิดว่ามันไม่ค่อยน่าสนใจมากนัก แต่ก็ขออย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจไป เพราะโดยภาพรวมของหนังนั้นทำออกมาได้ดีเกินคาด ไม่ว่าจะเป็นบทบาทของสองนักแสดงนำอย่าง ดาวีด ดิกส์ (Daveed Diggs) และ ราฟาเอล คาซาล (Rafael Casal) ที่ถ่ายทอดบทบาทของตัวละครออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้เราเชื่อว่าเขาเป็นเพื่อนรักกันจริงๆ

เหนือสิ่งอื่นใดความดีงามของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้มีดีแค่การแสดงของสองคู่หูเท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อให้เห็นก็คือความเป็นอื่นที่เกิดกับมนุษย์ในสังคม ซึ่งได้ถูกถ่ายทอดเรื่องราวเสียดสีสังคมผ่านภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยเฉพาะการเลือกปฏิบัติต่อมนุษย์ด้วยการแบ่งแยกสีผิว และสิ่งที่สื่อให้เห็นว่าเรื่องราวอันผิดปกติเหล่านี้กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว นั่นก็คือการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติกับคนเหล่านี้ด้วยความไม่เป็นธรรม ลึกไปกว่านั้นคือผู้ถูกกระทำเองก็ยิ่งกดตัวเองให้ต่ำลงไปอีก เสมือนว่าความคิดและสิ่งคนทั้งหลายปฏิบัติต่อเขานั้นเป็นเรื่องที่ไม่อาจขัดขืนได้ นี่จึงเป็นภาพยนตร์ตลกร้ายที่เสียดสีสังคม โดยเฉพาะอเมริกาได้อย่างเจ็บแสบ

เชื่อว่าอาจจะมีหลายคนที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วไม่ได้อินหรือรู้สึกอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์ หรืออาจจะเห็นว่ามันเป็นเรื่องไกลตัวและไม่ได้เกิดขึ้นกับสังคมในบ้านเรา แต่หากนำกลับมาคิดทบทวนดีๆ แล้วก็จะพบว่าเรื่องราวที่อยู่ในสังคมอเมริกันนั้นก็แทบไม่ได้มีความแตกต่างไปจากบ้านเรานัก เพียงแต่ว่ามันอาจจะไม่ได้รุนแรงเท่าบ้านเขา และหากกลับมาคิดดูดีๆ อีกรอบก็จะพบว่าเรื่องราวความแตกแยกที่มาจากความแตกต่างระหว่างชนชั้นหรือสีผิวนั้นก็เป็นสิ่งเกิดขึ้นมานานนับตั้งแต่มีมนุษย์เกิดขึ้นเลยก็ว่าได้ หากจะให้ทุกคนมีความเสมอภาคกันไปเสียทุกอย่างก็คงเป็นไปไม่ได้ ก็ได้แต่หวังว่าขอให้สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมีช่องว่างระหว่างกันน้อยลงเท่านั้นเอง

จากที่กล่าวมาทั้งหมดหลายคนอาจจะคิดว่านี่มันเป็นภาพยนตร์ที่ออกจะซีเรียสไปมากหรือเปล่า เราอยากดูเรื่องราวที่ให้ความบันเทิงใส่สมองมากกว่าจะหาเรื่องเครียดกว่าเดิมนะ ซึ่งก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปเพราะความบันเทิงที่คอหนังจะได้รับนั้นมีอยู่แล้ว โดยเฉพาะลีลาการแร็ปของสองนักแสดงนำบอกได้เลยว่าสุดยอดมาก ไม่น่าเชื่อเลยว่าพวกเขาทั้งสองจะสามารถแร็ปได้อย่างเมามันส์พร้อมๆ ไปกับการถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครในขณะนั้นออกมาได้อย่างกินใจ เชื่อเหลือเกินว่าใครที่ได้ชม Blindspotting ต้องได้อะไรไปมากกว่าความสนุกแน่นอน