Black Sheep

ประเดิมบอกก่อนเลยว่าไอเดียทำได้ไม่เลวแถมบรรเจิดแหวกแนวยี่ห้อสัตว์โลกอีกต่างหาก นี่ถ้าเป็นพวกงูยักษ์ จระเข้ยักษ์ หรือจะสารพัดสัตว์ยักษ์แค่ไหนก็คงเป็นพวกกินเนื้ออยู่ดี เพียงนี่มาทำสัตว์กินพืชเป็นกินเนื้อ แถมเป็นแนวผสมซอมบี้หมาป่าเข้าไปด้วย หนังจะเด็ดแค่ไหนกันล่ะผู้ชม งั้นมาฟังเเรื่องย่อก่อนเลย เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อเฮนรี่ (Nathan Meister) กลับบ้านเกิดมาที่ไร่หลังจากที่จากไปตั้งแต่เด็ก ในใจเขามีปมเกี่ยวกับแกะสมัยเด็กที่ถูกพี่แองกัส (Peter Feeney) กลั่นแกล้งจนกลัวแกะ เมื่อมาที่ไร่กลับต้องพบว่าพี่ชายตัวเองต้องการครองไร่ทั้งหมด และยินดีหุ้นในส่วนของเฮนรี่ แม้ตอนแรกจะไม่พอใจกับการทำเช่นนี้ เพราะเดิมทีเป็นไร่ของกันและกันมาตั้งนาน สุดท้ายก็ยอมทำเพื่อผลลัพธ์ที่พี่ชายตัวเองทำที่น่าจะดีกว่า อีกด้านหนึ่งมีนักข่าวเอ็กพีเรียนซ์ (Danielle Mason) กับแกรนท์ (Oliver Driver) ได้บุกเข้าขโมยของทดลองมาจากที่ทดลองลับของแองกัสเพื่อนำไปเปิดโปรงความจริงเกี่ยวกับสัตว์ที่ผิดศีลธรรม ซึ่งในที่นี่หมายถึงการทดลองแกะอย่างลับๆ ทว่าระหว่างหลบหนีนั่นเองขวดทดลองที่ได้ขโมยมาเกิดตกแตกโผล่สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กออกมา เป็นลูกแกะธรรมดาๆตัวหนึ่งที่น่าตาไม่น่ารักเท่าไหร่ แต่กลายเป็นว่าเป็นตัวการแพร่กระจายเชื้อคลั่ง เมื่อตัวเล็กนี่ไปกัดแกะตัวอื่นเข้า ทำให้แกะอีกหลายๆตัวเกิดอาการสัญชาตญาณดิบกินเนื้อออกมา ไล่ล่ากินคนอย่างไม่ลดละ แต่ถ้ากัดถูกคนจะกลายสภาพไม่ต่างอะไรกับมนุษย์หมาป่า เป็นมนุษย์แกะ!

บอกเลยว่าแปลกดีกับความคิดเอาแกะมาเป็นสัตว์นักฆ่าไล่กินชาวบ้านชาวช่อง แถมแอบเอาพล็อตมายำอย่างลงตัว ทั้งเรื่องของซอมบี้ที่มีตัวทดลองหลุดออกไปแล้วไปกัดสิ่งมีชีวิตอื่น ทำให้เกิดคลุมคลั่งกระหายในความหิวอยากกินเนื้อเป็นๆ หรือจะนิดๆกับแนวมนุษย์หมาป่าที่ใครถูกกัดจะกลายร่างในคืนพระจันทร์เต็มดวง แต่ Black Sheep ไม่ได้เอาเรื่องพระจันทร์มาใส่ แต่ให้ทำนองของเชื้อที่ค่อยๆทำให้พันธุกรรมเปลี่ยนแปลงไป จากมนุษย์กลายเป็นมนุษย์แกะในเวลาต่อมา วิธีแปลงร่างยังหยิบยกมาเลย อย่างเช่นหน้าที่ค่อยๆยื่นออกมา รวมถึงการดิ้นทรมานจากการแปลงร่าง ซึ่งมันค่อนข้างไม่แหวกแนวเท่าไหร่เพียงเปลี่ยนสัตว์เท่านั้นเอง แต่ยังไงก็แปลกอยู่ดีสำหรับคนที่คุ้นเคยเรื่องมันจะเคยชิน แหมแทนที่จะกลายเป็นเล็บเท้าดันกลายเป็นกีบเท้าซะนี่ แถมทั้งตัวเป็นขนแกะด้วยนะ ถ้าลองเอามายืนเปรียบเทียบคงคล้ายๆกัน

ว่าเป็นหนังกึ่งตลกกึ่งสยอง ดูได้จากการนำเสนอเรื่องหรือจะตัวละครที่เพี้ยนนิดๆ แต่ไม่ถึงขั้นว่าต้องต๊องสติไม่เต็มนะ แค่พอเอาขำๆคลายเครียดเป็นบางฉาก ที่ดูเห็นชัดคือหนังถ่ายทอดอารมณ์ได้ไม่ซีเรียสกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เหมือนจะเป็นการผจญภัยในดินแดนซอมบี้แกะมากกว่าซอมบี้คน ส่วนเรื่องตลกทำได้ไม่ขำเลย บางอันเหมือนปล่อยของไม่เต็มที่ คงประมาณว่ากลัวอารมณ์ของหนังจะเพี้ยนไปมากกว่านี้ ทั้งที่จริงหนังกะเอาสยองเข้าว่ามาโดยตลอด เพราะเจ้าความสยองเนี้ยถึงขั้นระดับชวนแหวะกันทีเดียว เป็นหนังสยองเกรดบีที่เอาเทคนิคเก่าๆมาใช้ จึงเป็นความสดที่ให้เลือดให้เนื้อกันอย่างทั่วถึง ไม่ได้ใช้เอฟเฟคคอมมาใช้เลย งานนี้เห็นตั้งแต่มืดขาด ไส้ทะลัก และอีกมากมายด้วยฝีมือแกะเพียงฝูงเดียว ใช่แค่ฝูงเดียวเท่านั้น ที่ชอบมากคือฉากตอนที่แองกัสจัดประชุมเรื่องเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมแกะที่จะเสนอเกษตรทางใหม่ แล้วเกิดแกะที่ผ่านพันธุกรรมมาอย่างสมบูรณ์นั้นร้องไม่หยุดเลย จนเสียงแกะร้องดังมาจากที่ไหนแต่ไกล พอสักพักหนังฉายฉากเนินราบสูงจากมุมไกลที่มีฝูงแกะวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ยังกับหนังซอมบี้ฉบับแกะเลยจริงๆ สัมผัสแรกรู้สึกอย่างงั้นมาก

คำว่าแกะดำ ไม่ได้แปลว่าไม่เข้าพวกอย่างเดียวนะ ดูจากเนื้อในของเรื่องราวแล้วยังแปลได้ถึงสิ่งใหม่ที่เข้ามาได้อีกด้วย งั้นขอเข้าเรื่องไม่เข้าพวกก่อน อย่างเฮนรี่เป็นคนกลัวแกะจนรับสภาพการอยู่ไร่ไม่ได้ ทำให้ต้องออกจากบ้านไป แต่สุดท้ายต้องกลับมาบ้านตามคำแนะนำของจิตแพทย์ ซึ่งเป็นไปตามนั้นจริงหรือไม่ เพราะการมาของเขาเป็นเหมือนการให้ข้อสรุปของแองกัสได้เต็มเปรียมแล้วว่าพื้นดินที่ไร่ทั้งหมดนี้เป็นของเขา โดยการกระทำขายไร่ก็เหมือนการทำในสิ่งที่ตระกูลไม่เคยทำ ที่เห็นได้จากการแสดงอารมณ์ไม่สบอารมณ์ว่าพิ้นที่นี่เป็นของเรา แต่สุดท้ายเขาต้องขายเพื่อสิ่งที่ดีกว่า สำหรับแองกัสคือคนที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่เป็นจนกลายเป็นธุรกิจที่ไม่ทำให้เดือดร้อน เฮนรี่คือคนไม่เข้ากลุ่ม ฉะนั้นการที่เขาต้องทำให้พี่ตัวเองพอใจได้คือการขายไร่ให้พี่ชาย เพื่อแสดงความเป็นฉันท์พี่น้องต่อไป หรือจะนักข่าวสองคนที่บุกขโมยงานลับๆที่อยากเปิดเผยความจริงถึงเบื้องหลังการตัดแต่งพันธุกรรมอันเป็นผลผิดศีลธรรม ในแง่การรับสิ่งใหม่ๆคือการยอมรับในงานวิทยาศาสตร์เรื่องตัดแต่งพันธุกรรมขึ้นมาใหม่ ทว่าประเด็นการเจาะลึกของสาระกลับลดลงไปตามอารมณ์โทนของหนังที่อยากเอาสยองจนเกือบลืมไปเลยว่าแกะดำเป็นมากกว่าแกะซอมบี้พวกนี้

การดำเนินเนื้อเรื่องจัดว่าฉับไวดีมาตามจังหวะตามสูตรหนังสยองขวัญที่เริ่มจากจุดเล็กๆก่อนแล้วขยายใหญ่แบบให้ตกใจ ด้านพวกตัวละครไม่ได้โง่เง่าชวนให้อยากตายหรือพาซวย เหมือนเป็นหนังที่ต่างคนต่างมีอุดมการณ์ในตัวเอง โดยเฉพาะแองกัสที่ต้องการธุรกิจการเกษตรให้ดีขึ้น ในใจเขาเองยังรักและผูกพันกับพวกแกะอยู่ไม่ใช่น้อย ที่ดีคือหนังมีการปูอดีตของเฮนรี่ว่าทำไมถึงกลัวแกะในตอนเปิดเรื่อง เนื้อเรื่องจัดว่าเคลียร์คำถามได้ดี และให้คำตอบได้พอเป็นนัยๆมาบ้าง ในด้านตอนจบว่าง่ายไปหน่อยนะ คล้ายแกะที่เอายากเป็นคุมมาง่ายๆแทน จึงรู้สึกขัดๆกับช่วงแรกที่แกะอยู่ในภาวะเกินควบคุมได้ อีกอย่างหนังเราเอาประเด็นโลกร้อนมาใส่ด้วย เรื่องแก๊สจากการผายลมของสัตว์ ซึ่งในหนังเรื่องนี้ก็คือแกะ

น่าเสียดายที่หนังค่อนข้างเบาบางเรื่องการนำเสนอที่ไม่ได้เข้มข้นมากนัก จัดว่าพอดูได้เรื่อยๆเสิร์ฟความสยองมาพักๆ อารมณ์หนังประมาณว่าหนังธรรมดาไปหน่อย แต่ทดแทนด้วยความโหดชวนแหวะจึงกลายเป็นเรื่องชวนสยองแบบดิบๆได้เหมือนกัน สำหรับแกะในเรื่องเอาจริงๆไม่มีอะไรเลยนะ แค่ให้วิ่งไปมาแบบเป็นฝูงเยอะๆจากนั้นค่อยเจาะจงเข้าเป็นตัวๆ ที่จะเห็นฉากกัดคือกัดแขนกัดขา ซึ่งเป็นเทคนิคที่ไม่ได้ใช้ยากเพียงทำยังไงให้ออกมาสมจริงและสนุกนั้นแหละที่ยากกว่า

สำหรับหนังเรื่องนี้ไม่ค่อยมีอะไรจะกล่าวถึงมากนัก แต่ก็ดีที่เราเห็นว่าตัวละครที่มีน้อยๆยังใช้ได้คุ้มค่ามากกว่าการเอามาให้ฆ่าเล่น จะมีแต่ตัวละครหลักเท่านั้นที่มีหน้ามีตายืนยงได้นาน ผิดกับกลุ่มคนที่มานั่งฟังประชุมที่โดนกินกันระนาวอย่างไม่มีชิ้นดี กับเรื่องนักแสดงไม่เป็นที่คุ้นหน้ากันนัก การแสดงเองพอใช้ได้ ยามออกอารมณ์หรือสีหน้าจริงจังก็ทำได้อย่างไม่มีข้อกังขา อย่าง Nathan Meister ที่ออกอาการกลัวแกะได้กลัวจริงๆ และที่ขาดไม่ได้คือเหล่าแกะที่เป็นตัวร้ายของหนังเรื่องนี้ ในส่วนเทคนิคแม้จะเก่าไปหน่อยกับระดับเกรดบีทุนต่ำ แต่ให้ความแหวะสมจริงขนาดนี้ถือว่าโอเคมากทีเดียว รวมถึงเมคอัพแกะด้วยหน้าตาโหดร้ายมาก อีกอย่างที่หนังไม่ออกมาสยองเต็มขั้น คือรูปแบบชวนตลก แต่ไม่ถึงขั้นต้องตลกมากมาย ประมาณว่าตลกร้ายนั้นแหละ อย่างตอนที่คนขับแท็กซี่อ่านคัมภีร์ไบเบิ้ลสวดถึงพระเจ้าให้ตัวเองรอดจากแกะ ทีแรกเหมือนจะรอด สุดท้ายแกะกระโดดใส่ โดยส่วนตัวมันตลกนะแม้จะไม่ขำก็เถอะ