ค้นหาหนัง

Battle Royale | เกมนรก โรงเรียนพันธุ์โหด ภาค 1

Battle Royale | เกมนรก โรงเรียนพันธุ์โหด ภาค 1
เรื่องย่อ : Battle Royale | เกมนรก โรงเรียนพันธุ์โหด ภาค 1

ในโลกอนาคตที่ประเทศญี่ปุ่นตกอยู่ในสภาวะทางเศรษฐกิจจนประเทศแทบพัง ทั้งข้าวของราคาแพง และปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้นจากวัยรุ่น ทางรัฐบาลจึงออกนโยบายในการปฏิรูปการศึกษาใหม่ เพื่อหวังกำราบให้เด็กๆ เชื่อฟังผู้ใหญ่มากขึ้น จากการให้เด็กชั้นมัธยมเข้าร่วมเกม Battle Royale โดยหลอกว่าพวกเขาจะได้ไปทัศนศึกษา แต่เมื่อพวกเขาตื่นขึ้นมาก็ได้พบว่า พวกเขาถูกปลอกคอระเบิดควบคุมอยู่ หากใครที่แหกกฏก็จะตายในทันที โดยทุกคนจะต้องหาทางเอาตัวรอด และฆ่ากันให้ตายภายใน 3 วัน จนเหลือผู้รอดชีวิตแค่เพียงคนเดียว ไม่เช่นนั้นทุกคนจะต้องตายจากระเบิดที่คอทั้งหมด

IMDB : tt0266308

คะแนน : 8



หนึ่งในหนังที่คนไทยยังตราตรึงใจอยู่ถึงทุกวันนี้ แม้จะผ่านไปแล้วถึง 20 ปีแล้วก็ตาม "Battle Royale เกมนรก โรงเรียนพันธุ์โหด" หนังแอคชั่นสุดโหดจากญี่ปุ่น กับเกมหฤโหดของโรงเรียนประหลาดแห่งหนึ่ง ที่ต้องลุกขึ้นมาฆ่ากันเพื่อความอยู่รอด เป็นหนึ่งในหนังคลาสสิกที่ยังประทับใจคนดูไม่รู้ลืม

Battle Royale เกมนรก โรงเรียนพันธุ์โหด ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2000 เปิดตัวกับรายได้ 212 ล้านเยน ก่อนจะทำเงินปิดโปรแกรมฉายไปได้ถึง 3.1 หมื่นล้านเยน เคยขึ้นแท่นเป็นอันดับที่ 3 ของทำเงินสูงสุดตลอดกาลของญี่ปุ่นในเวลานั้น เป็นรองแค่ "Spirited Away" กับ "Pokémon 4Ever"

กระแสตอบรับของหนังจากทั่วโลกก็ดีเช่นเดียวกัน หนังได้รับความนิยมในหลายประเทศแถบทวีปยุโรปกับอเมริกาและหลายๆ เมืองของเอเชีย ในขณะที่เมืองไทยนั้น หนังเข้าฉายหลังจากนั้น 3 เดือน ในวันที่ 1 มีนาคม 2545 และก็ได้รับความนิยมจากแฟนหนังชาวไทยไม่น้อยเช่นเดียวกัน

Battle Royale ดัดแปลงมาจากหนังสือชื่อเดียวกันของ "โคชุน ทากะมิ" เล่าเรื่องราวของอนาคตอันใกล้ ที่ทำให้สภาพเศรษฐกิจตกต่ำถึงขีดสุด ผู้คนไร้งาน เด็กๆ ต้องออกจากโรงเรียนปีละนับแสนราย และอัตราความรุนแรงในรั้วโรงเรียนทยานสูงขึ้น ทำให้มีการปฏิรูปการศึกษารูปแบบใหม่ โดยการนำเด็ก ม.3 ทั่วประเทศมาอยู่ร่วมกันบนเกาะเป็นเวลา 3 วัน เพียงหาว่าใครจะรอดชีวิตเป็นคนสุดท้าย

หนังมาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ที่เดือดดาล เลือดสาด ความรุนแรงจัดเต็ม ฉากเข่นฆ่ากันเกิดขึ้นตลอดทั้งเรื่อง แต่ทั้งหมดก็เป็นไอเดียที่ถูกใจคอหนังเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสร้อยคอที่สมาชิกทุกคนจะต้องสวมใส่เอาไว้ ที่สามารถระเบิดออกได้ในเมื่ออยู่ในเขตอันตราย, พยายามปลดออก และครบกำหนด 3 วัน แต่ยังไม่มีผู้ชนะ

นับว่าหนังเรื่องนี้เป็นผลงานลำดับท้ายๆ ของผู้กำกับลายคราม "คินจิ ฟุคาซากุ" ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลงในปี 2003 ก่อนหน้าที่หนังภาคต่อ "Battle Royale II" จะออกฉายเพียงไม่กี่เดือน โดยเขาได้รับยกย่องว่าเป็นผู้กำกับที่มีวิสัยทัศน์และเอกลักษณ์ในการถ่ายทอดหนังแนวระทึกขวัญออกมาได้อย่างเฉพาะตัวและน่าจดจำ

หนังยังมาพร้อมกับทีมแสดงที่เยอะมากๆ นำทีมโดยนักแสดงรุ่นใหญ่ "ทาเคชิ คิทาโน่" และ "ทัตสึยะ ฟูจิวาระ" ที่นับว่าเป็นผลงานแจ้งเกิดเรื่องแรกๆ ในอาชีพนักแสดงของเขาตอนนั้นเลย รวมทั้งยังมีนักแสดงที่เดบิวต์จากหนังเรื่องนี้อีกหลายคน เช่น "อากิ มาเอดะ", "โค ชิบาซากิ", "โซซึเกะ ทากาโอกะ" และ "ชิอากิ คุริยาม่า" ที่หนังเรื่องนี้ทำให้เธอได้เฉิดฉายมีโอกาสได้เล่นหนังฮอลลิวูด "Kill Bill Vol. 1" ด้วย

นับว่าหนังเรื่องนี้เป็นผลงานลำดับท้ายๆ ของผู้กำกับลายคราม "คินจิ ฟุคาซากุ" ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลงในปี 2003 ก่อนหน้าที่หนังภาคต่อ "Battle Royale II" จะออกฉายเพียงไม่กี่เดือน โดยเขาได้รับยกย่องว่าเป็นผู้กำกับที่มีวิสัยทัศน์และเอกลักษณ์ในการถ่ายทอดหนังแนวระทึกขวัญออกมาได้อย่างเฉพาะตัวและน่าจดจำ

หนังยังมาพร้อมกับทีมแสดงที่เยอะมากๆ นำทีมโดยนักแสดงรุ่นใหญ่ "ทาเคชิ คิทาโน่" และ "ทัตสึยะ ฟูจิวาระ" ที่นับว่าเป็นผลงานแจ้งเกิดเรื่องแรกๆ ในอาชีพนักแสดงของเขาตอนนั้นเลย รวมทั้งยังมีนักแสดงที่เดบิวต์จากหนังเรื่องนี้อีกหลายคน เช่น "อากิ มาเอดะ", "โค ชิบาซากิ", "โซซึเกะ ทากาโอกะ" และ "ชิอากิ คุริยาม่า" ที่หนังเรื่องนี้ทำให้เธอได้เฉิดฉายมีโอกาสได้เล่นหนังฮอลลิวูด "Kill Bill Vol. 1" ด้วย

Battle Royale ยังถือว่าเป็นหนังต้นฉบับที่มีอิทธิพลต่อหนังระทึกขวัญในยุคปัจจุบันหลายเรื่อง โครงเรื่องจากหนังยังเป็นแนวคิดที่ทำให้เกิดนิยายชุด "The Hunger Games" หรือแม้กระทั่งซีรีส์ที่กำลังดังในเวลานี้ "Alice in Borderland" ที่สร้างมาจากมังงะชื่อดัง ต่างก็ได้รับอิทธิพลจากผลงานเรื่องนี้เช่นกัน

นอกจากนี้ ฮอลลิวูดก็ยังมีความสนใจที่จะนำเอาหนังไปรีเมคสร้างด้วย แม้จะยังไม่สำเร็จสักครั้งเลยก็ตาม ในขณะผู้กำกับชื่อดัง "เควนติน แทแรนติโน" เป็นหนึ่งในคนดังที่ประทับใจหนังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เขายกให้ Battle Royale เป็นหนึ่งในหนังเรื่องโปรดที่สุดตลอดกาลของเขา ขณะที่สื่อหลายๆ สำนักก็ยังยกให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดีที่สุดในรอบศตวรรษด้วย