ค้นหาหนัง

Apollo 10½: A Space Age Childhood อะพอลโล 10½: วัยเด็กยุคอวกาศ

Apollo 10½: A Space Age Childhood อะพอลโล 10½: วัยเด็กยุคอวกาศ
เรื่องย่อ : Apollo 10½: A Space Age Childhood อะพอลโล 10½: วัยเด็กยุคอวกาศ

Apollo 10½: A Space Age Childhood บอกเล่าชีวิตเด็กชายวัยสิบขวบอย่างแสตน (ไมโล คอย) กับครอบครัวของเขาที่ตั้งหลักปักฐานอยู่ในเมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส ประเทศอเมริกา พ่อของสแตนทำงานอยู่ในองค์กรอวกาศนาซ่า ซึ่งในห้วงเวลานั้นเทคโนโลยีการบินขึ้นสู่อวกาศเป็นเรื่องที่ชาติอย่างอเมริกาพยายามแข่งขันกับรัสเซียอย่างหนักหน่วง จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากองค์การนาซ่าตัดสินใจนำตัวแสตนเข้ามาทำภารกิจลับที่มีชื่อว่าอะพอลโล 10½ ก่อนที่นักบินอวกาศอย่างนีล อาร์มสตรองจะบินขึ้นไปบนดวงจันทร์จริงๆ แน่นอนว่ามันอาจจะเป็นจินตนาการของแสตนที่เอาตัวเองเข้าไปสวมทับกับช่วงเวลาก่อนเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ได้อย่างงดงาม

IMDB : tt7978758

คะแนน : 10



หนังแอนิเมชั่นที่เล่าเรื่องความฝันของเด็กในช่วงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์อะพอลโล 11 ดูเพลินๆ สนุกในช่วงภารกิจอวกาศ แต่ในช่วงชีวิตส่วนตัวค่อนข้างน่าเบื่อเพราะไกลเกินตัวไปมาก และก็ยังกินเวลาของหนังมากไป จนเบียดบังเรื่องอวกาศเหลือน้อยมาก แต่โดยรวมก็ยังเป็นหนังที่เล่าเรื่องประวัติศาสตร์อะพอลโล 11 ในมุมมองเด็กที่แปลกใหม่ดีมากเหมือนกัน

ผลงานเรื่องล่าสุดของริชาร์ด ลินเคลเตอร์ ผู้กำกับหนังสไตล์ Coming-Of Age ที่มีลูกล่อลูกชนไม่ธรรมดา หากใครเคยประทับกับหนังดราม่าหวนคืนชีวิตวัยเยาว์อย่าง Boyhood แล้ว Apollo 10½: A Space Age Childhood จะทำให้คุณได้สัมผัสห้วงยุค 60s และความก้าวหน้าทางอวกาศของอเมริกา

บอกเล่าชีวิตเด็กในช่วงเวลาประวัติศาสตร์อะพอลโล 11
เก็บรายละเอียดช่วงอะพอลโล 11 มาเล่าได้ดี
งานแอนิเมชั่นแนวโรโตสโคป
มีพากย์ไทย
หนังอนิเมชั่นฝรั่งจาก Richard Linklater  ที่ถ่ายทำเด็กคนหนึ่ง 12 ปีเติบโตขึ้นมาตามเวลาจริง ซึ่งเป็นไอเดียที่แปลกประหลาดมากที่สุดเรื่องหนึ่งของวงการภาพยนตร์เลย มาคราวนี้เจ้าตัวก็หยิบจับไอเดียจากประสบการณ์ชีวิตวัยเด็กของตัวเองมาเล่าในยุคที่อเมริกากำลังมีโครงการอวกาศ “อะพอลโล”  เพื่อไปเหยียบดวงจันทร์ครั้งแรก โดยมีจุดประสงค์หลักคือแข่งเอาชนะสหภาพโซเวียตให้ได้ ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็ได้กลายมาเป็นประวัติศาสตร์ด้านอวกาศครั้งสำคัญของโลกมาจนถึงปัจจุบัน

แต่สิ่งที่หนังเรื่องนี้แปลกออกไปก็คือ เรื่องอวกาศที่ว่าเหมือนเป็นแค่ส่วนประกอบเรื่องราวเท่านั้น เพราะตัวเรื่องจริงๆ เป็นการเล่าประสบการณ์วัยเด็กยุคนั้นมากกว่า คือตัวเรื่องเปิดมาว่าถูกชวนให้เข้าไปโครงการตั้งแต่เริ่มเรื่อง แต่กลับวกกลับมาเล่าใหม่ในทันทีว่ามาฟังเรื่องของชีวิตผมก่อนดีกว่า จากนั้นตัวหนังก็ร่ายยาวโดยใช้เสียงบรรยายประกอบภาพถึงเกือบชั่วโมงเต็มๆ เป็นแนวเรโทรโอลสคูลบอกเล่าประสบการณ์ที่เด็กอเมริกาในฮิวสตันสมัยนั้นใช้ชีวิตกันยังไง ซึ่งก็มีรายละเอียดยิบย่อยมากมายเต็มไปหมดตั้งแต่โทรศัพท์แบบกดครั้งแรกถูกนำไปใช้เป็นเครื่องดนตรีกดเล่นของเด็กๆ  การเล่นเกมกระดาน ปั่นจักรยาน โรงหนังไดร์ฟอิน รายการทีวีที่เด็กชื่นชอบ หนังดัง 2001 space odyssey เพลงฮิต ฯลฯ ซึ่งเยอะสุดๆ และยาวมากถึงเกือบ 1 ชั่วโมงเต็มๆ ตัวเรื่องถึงจะวกกลับไปเรื่องเข้านาซ่าอีกครั้ง ซึ่งจุดนี้แหละที่เราคนไทยที่ถึงแม้จะโตมาในยุคนั้นด้วยก็ตามก็ยังไม่อินกับอะไรแบบนี้ได้แน่ๆ เพราะมันค่อนข้างไกลเกินตัวแบบไม่รู้จักแทบทั้งนั้น สิ่งที่หนังเรื่องนี้เล่าไม่ใช่แนวเรโทรแบบป๊อบคัลเจอร์ที่ทั่วโลกได้รับอิทธิพลตามๆ กันมาเลย มีน้อยมากไม่กี่เรื่องจริงๆ ที่อาจจะรู้สึกว่ามีแบบนี้ในไทย (อย่างพวกเด็กสร้างจรวดของเล่นเอง) ดังนั้นที่คะแนนเรื่องนี้ดีถึงดีมากในหมู่นักวิจารณ์ฝรั่งก็เพราะเป็นประสบการณ์ตรงร่วมยุคสมัยของอเมริกาโดยตรงนั่นเอง

แต่ถ้าโฟกัสที่เรื่องอวกาศตัวหนังทำได้ค่อนข้างดีเลย เพราะมีการเก็บรายละเอียดถึงเหตุการณ์เล็กน้อยในนาซ่านั้นมาเล่าได้สนุก อย่างการทดสอบร่อนลงจอดผ่านยานจำลองก็ทำเอานีลเกือบตาย แต่เขากลับยิ้มหน้าตาเฉยหลังดีดตัวออกจากเครื่องตกได้ทัน คือพอหนังตัดกลับมาพาร์ทอวกาศช่วงท้ายตัวเรื่องก็มีความน่าสนใจขึ้นมาทันที และช่วงท้ายของเรื่องคือการที่ผู้ใหญ่ครอบครัวอเมริกันต่างเฝ้ารอร่วมใจกันลุ้นเหตุการณ์ผ่านการถ่ายสดกับรายงานผ่านทีวีตลอดวัน แต่เป็นการมองผ่านสายตาเด็กที่หลายคนก็ไม่อินกับเรื่องนี้ และน่าเบื่อมากที่โดนพ่อแม่ยึดทีวีไปหลายวัน  แต่พอโตไปเป็นผู้ใหญ่พวกเขากลับหวนมานึกถึงให้ความสำคัญกับช่วงเวลานี้อีกครั้ง ซึ่งนี่ก็คือที่มาของเรื่องราวนี้จากตัวผู้กำกับเขียนบทเรื่องนี้นั่นเอง

ด้านงานแอนิเมชั่นเรื่องนี้จะเป็นแนวโรโตสโคปวาดภาพตามต้นฉบับ ซึ่งก็ใช้คนมาร่วมแสดงจริงด้วย แต่วาดซ้อนทับให้เป็นแอนิเมชั่น ซึ่งก็อาจจะดูแปลกๆ หน่อยสำหรับคนที่ไม่ชินภาพเคลื่อนไหวแบบนี้ แต่ก็เป็นเทคนิคที่ทางแอนิเมชั่นในเน็ตฟลิกซ์ใช้อยู่บ่อยๆ เข้าใจว่าน่าจะเป็นการลดต้นทุนการสร้างแบบหนึ่ง เพราะเรื่องนี้ความตั้งใจเดิมคือสร้างเป็นภาพยนตร์คนแสดง แต่เปลี่ยนมาทำเป็นแอนิเมชั่นลงสตรีมมิ่งแทน

สรุป Apollo 10½ สนุกและดีไหม
ดูเพลินๆ สนุกในช่วงภารกิจอวกาศ แต่ในช่วงชีวิตส่วนตัวค่อนข้างน่าเบื่อเพราะไกลเกินตัวไปมาก แต่โดยรวมก็ยังเป็นหนังที่เล่าเรื่องประวัติศาสตร์อะพอลโล 11 ในมุมมองเด็กที่แปลกใหม่ดีมากเหมือนกัน