Another 48 Hrs. | จับตาย 48 ชม.

ภาคนี้หากว่ากันตรงๆ แล้วจัดว่าอร่อยน้อยกว่าภาคแรก ไม่ว่าจะความลื่นไหล ความหนักแน่นของบท หรือลูกเล่นต่างๆ จัดว่าน้อยครับคือถ้าดูเอาเพลินก็อาจจะพอได้ เพียงแต่มันไม่ได้สนุกลื่นแบบที่ภาคแรกทำเอาไว้เท่านั้นเอง

ทีนี้หากว่ากันถึงเหตุผลที่ทำให้หนังอร่อยไม่ค่อยมากนั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่หนังโดน “หั่น” ครับ คือแรกเริ่มเดิมทีเนี่ยผู้กำกับ Hill เขาทำหนังออกมาเวลารวมกันทั้งสิ้น 145 นาที แล้วจากนั้นหนังก็ถูกตัดจนเหลือ 120 นาที เพราะหลายฝ่ายมองว่าหนังแอ็กชันแบบนี้ถ้ายาว 2 ชั่วโมงเกือบครึ่งมันจะยาวเกินไป

แต่ทีนี้ก่อนหนังออกฉาย ทางค่าย Paramount เจ้าของหนังได้สั่งตัดหนังในนาทีสุดท้าย ตัดออกไป 25 นาที ทำให้หนังเหลือความยาวที่ 95 นาทีซึ่งก็คือฉบับที่เราได้ดูกัน และนั่นล่ะครับคือเหตุผลว่าทำไมเรื่องราวมันถึงดูขาดความเข้มข้น เพราะหลายฉากหายไป หนังเลยขาดความต่อเนื่องหรือดูเบาเหตุผลในบางจุด

และมีบางตัวละครที่ถูกตัดออกจากหนังไปเลยครับ นั่นก็คือบทสารวัตรเฮเดน (Frank McRae) หัวหน้าของแจ็คที่มีบทบาทตั้งแต่ภาคแรก มาภาคนี้จริงๆ เขาก็ร่วมแสดงครับ และมีบทพอสมควร แต่กลายเป็นว่าฉากของเขาโดนตัดออกไปหมด และเขาก็ไม่ได้เครดิตในการแสดงหนังเรื่องนี้ไปโดยปริยาย

หรือบทเบน (Brion James) เพื่อนตำรวจของแจ็คที่จริงๆ ก็มีบทบาทสำคัญในเรื่อง ก็โดนตัดออกไปเยอะจนถึงขั้นว่าเขาเคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่าฉากที่โดนตัดออกไปหลายฉากนั้น มันคือฉากสำคัญสำหรับบทของเขาด้วย

ดังนั้นถ้าว่ากันตรงๆ แล้ว หนังที่เราได้เห็นคือฉบับสตูดิโอสั่งตัดครับ ในขณะที่ฉบับ Director’s Cut นั้น ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีออกมาแต่อย่างใด

และหนังก็ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าภาคแรกครับ โอเคหากดูจากรายได้แล้ว หนังทำเงินในอเมริกาประมาณ $80 ล้าน และทำเงินรวมทั่วโลกไป $153 ล้าน ซึ่งเม็ดเงินอาจจะดูมากกว่าภาคแรก แต่หนังภาคแรกลงทุนแค่ $15 ล้าน ในขณะที่ภาคนี้ทุนสร้างบานไปถึง $38 ล้าน (วงในบอกกันว่าจริงๆ มันบานไปถึง $50 ล้านทีเดียว)

สำหรับหนังภาคนี้ (ฉบับสตูดิโอสั่งตัด) ก็ถือว่าอยู่ในระดับพอดูได้ครับ ก็เป็นหนังสืบสวนสไตล์ป็อบคอร์นทั่วๆ ไป มียิงกัน สืนคดีกัน แล้วพอไคลแม็กซ์มาถึงก็สู้กันเต็มที่ สรุปว่าโดยรวมๆ มันก็ไม่ได้โดดเด่นนัก ดูจบแล้วจบกันครับ